สัญญารัก คบกับประธานฮั่ว30วัน - บทที่ 925 คนถ่อยต่ำทราม
“ถึงป่ายฉีจะเป็นหมอ แต่ฝีมือไม่ได้อ่อนแอไปกว่าฉัน มีเขาเปิดทาง ตราบใดที่เรารอดพ้นจากอันตราย เขาคนเดียวอยู่ท่ามกลางกองทัพเป็นหมื่นพัน ก็มีวิธีรอดได้”
มันเป็นวิธีเดียวที่พวกเขาสามารถรอดออกไปจากที่นี่
กู้จื่อเฟยเห็นเย้นโม่หลินพูดอย่างจริงจังขนาดนี้ ไม่เหมือนการโกหกเธอเลยสักนิด ความรู้สึกผิดที่ตีขึ้นมาที่คอหอยถึงได้สงบลงไปเล็กน้อย
พูดแบบนี้แสดงว่าพวกเขายังมีโอกาสรอดชีวิตอยู่
กู้จื่อเฟยรีบพยักหน้า “ได้ค่ะ ฉันจะร่วมมือกับพวกคุณ”
เธออยู่ในอ้อมแขนของเขาไม่มีการต่อสู้ขัดขืนอีก
คิ้วที่ขมวดของเย้นโม่หลินคลายลงทีละน้อย
ตราบใดที่กู้จื่อเฟยไม่โวยวายว่าให้ทิ้งตนเองไว้ลำพังอีก หัวใจของเขาก็รู้สึกสงบ
ในขณะเดียวกัน บรรดาบอดี้การ์ดแถวหน้าถูกโจมตีลอยไป บอดี้การ์ดด้านหลังกลับไม่ลังเล ยกกระบองไฟฟ้าและมีดสั้นกวัดแกว่งมาหาทั้งสองคน
ป่ายฉีเข้ารับมือทันที ด้วยพละพลังและฝีมือความสามารถ เป็นผู้นำในการโจมตีจนราบไปอีกหนึ่งรอบ
แม้ว่าป่ายฉีจะเป็นเจ้าสนามคอยตั้งรับ แต่ศัตรูมาทุกทิศทาง เย้นโม่หลินจึงไม่สามารถเบาใจได้
ในขณะที่เขาปกป้องกู้จื่อเฟย มืออีกข้างก็ต่อสู้ไปด้วย
เสียงการต่อสู้ เสียงล้มลงกับพื้น ต่อเนื่องเป็นระลอก ดังเข้าหูไม่มีที่สิ้นสุด
เลือดสดอุ่นๆ นองทั่วพื้นขึ้นทุกที
เย้นหว่านมองดูภาพเหล่านี้จากระยะไกล ดวงตาแดงก่ำและพร่ามัวไปด้วยน้ำตา ปิดปากแน่นแทบส่งเสียงร้องไห้ออกมา
เธอเฝ้ามองพี่ชายแท้ๆ ของตัวเอง คนสนิท และเพื่อน ประสบกับการโจมตีดังกล่าว ดิ้นรนอยู่บนเส้นขอบระหว่างชีวิตและความตาย
แต่เธอกลับช่วยอะไรไม่ได้เลย ถึงขนาดไม่กล้าแม้แต่จะส่งเสียง
ความรู้สึกไร้ความสามารถกว้างใหญ่ไพศาลราวผืนน้ำ ที่รายล้อมเต็มรอบกายเธอ ท่วมตัวเธอ กำลังทำให้เธอจมน้ำตาย
เธอพูดด้วยเสียงสั่นว่า
“ท่านอาวุโสแปดคะ คุณบอกฉันหน่อย พี่ชายฉันจะสามารถฆ่าพวกเขาได้ ใช่ไหมคะ”
ทันทีที่สิ้นเสียง เย้นหว่านที่มองอยู่เห็นแล้วต้องเบิกตากว้างแทบแตก เมื่อมีดสั้นของบอดี้การ์ดคนหนึ่งฟันเข้าที่แผนหลังของเย้นโม่หลินอย่างรุนแรง ทันใดนั้นเลือดก็กระจายจนพร่าเบลอ
เย้นหว่านสูดอากาศเย็น แทบล้มทั้งยืน “พี่ชาย!”
“คุณเย้นอดทนไว้ครับ”
ท่านอาวุโสแปดรีบจับเย้นหว่านไว้ แล้วปลอบว่า “รออีกหน่อยครับ รออีกสักครู่ก็ได้ คุณโห้ต้องออกมาแน่ คุณต้องอดทนให้ได้จนกว่าจะถึงตอนนั้นนะครับ”
เขาเข้าใจความรู้สึกตอนนี้ของเย้นหว่าน ว่ามันไม่ได้ดีไปกว่าพวกเย้นโม่หลินที่กำลังถูกล้อมฆ่าเลย
เธอยิ่งเห็นยิ่งรู้สึกทุกข์ทรมานทั้งกายใจ
เย้นหว่านตัวสั่นจนน่ากลัว น้ำตาไหลเป็นสาย อดทนต่อความเจ็บปวดจนหัวใจแทบจะระเบิด
อดทน อดทนไว้
พวกเย้นโม่หลินต้องรอดพ้นออกไปได้ แม้ไม่มีทางหนีออกไปได้โดยเร็ว ก็ต้องยืนหยัดจนกว่าโห้หลีเฉินจะมาถึง
แน่นอน ทั้งหมดต้องรอ
“จุ๊ๆ ความแข็งแกร่งของป่ายฉี ร้ายกาจกว่าที่ผมคิดไว้นะเนี่ย”
ท่านอาวุโสสี่ยืนอยู่ในวงล้อมคุ้มกันของบอดี้การ์ด แสดงความคิดเห็นด้วยสายตาเยือกเย็น
ถ้าไม่ใช่เพราะเรื่องครั้งนี้ สองตระกูลห้ำหั่นกัน ที่จริงแล้วจะว่าไปเขารู้สึกชื่นชมและเลื่อมใสเย้นโม่หลินอยู่มาก
นายน้อยของชาติตระกูลใหญ่ ทักษะและความสามารถแข็งแกร่งมาก ตระกูลเย้นในอนาคตมีเขารับช่วงต่อ จะยิ่งไต่ระดับสูงขึ้นไปอีกขั้น
เพียงแต่พรหมลิขิตกำหนดให้ผู้มีพรสวรรค์ต้องตกระกำลำบาก ด้วยเหตุนี้สิ่งนั้นจึงไม่มีทางเป็นไปได้
ท่านอาวุโสห้าพูดด้วยสีหน้าเหี้ยมเกรียม “พี่สี่ รอไม่ได้แล้ว ถ้าพวกเขาสู้ต่อไปอีก มีแนวโน้มจะแหวกวงล้อมออกไปได้
ถ้าให้เย้นโม่หลินมีโอกาสหนีไปได้ การพยายามจับเขาอีกครั้ง มันก็ยากแล้ว
อีกอย่าง แม้โห้หลีเฉินจะถูกถ่วงเวลาไว้ แต่มันนานมากแล้ว ถ้าเขาออกมา จะทำอะไรก็ไม่ง่ายอีก”
เรื่องพวกนี้ พวกเขาทำลับหลังโห้หลีเฉินทั้งหมด
แม้ตอนนี้จะรู้วิธีรักษาโรคทางพันธุกรรมของตระกูลหยูแล้ว แต่ต่อไปทุกคนในตระกูลหยูสามารถมีโอกาสเปิดคลังสมบัติได้ ไม่ใช่แค่โห้หลีเฉินเพียงคนเดียวอีกต่อไป
แต่ก่อนที่ยังไม่มีเรื่องยาพิษ มักจะมีเรื่องไม่คาดฝันเสมอ พวกเขาต้องพะว้าพะวังต่อโห้หลีเฉิน
ท่านอาวุโสสี่สายตาดำมืด ราวกับงูพิษจ้องเย้นโม่หลินอย่างมืดมน
หลังจากนั้น ในมือของเขาพลันปรากฏปืนสีเงินอันเล็กๆ
“ปัง!”
เสียงเดียว กระสุนทะลุฝูงชน ลอบทำร้ายจากมุมมืด เจาะเข้าที่ช่วงท้องของเย้นโม่หลิน
ร่างสูงใหญ่ของเย้นโม่หลินแข็งทื่อในทันที หมัดที่เหวี่ยงออกไปพลันเสียทิศทาง
บอดี้การ์ดที่กำลังต่อสู้กับเขาฉวยโอกาสนี้ เอาไม้ตีบนไหล่ของเขาอย่างรุนแรง
เสียงที่หนักหน่วง แทบจะได้ยินเสียงกระดูกแตก
การโจมตีสองครั้งในคราวเดียว ทำให้ร่างกายของเย้นโม่หลินประสบกับความเสียหายอย่างหนัก เสียสมดุลในทันที จนพากู้จื่อเฟยล้มลงไปกับพื้นด้วย
กู้จื่อเฟยหน้าซีดไร้สีเลือด เหมือนว่าจะเป็นลมได้ทุกเมื่อ การล้มลงแบบนี้ยิ่งทำให้เธอเวียนศีรษะมากขึ้น
แต่เธอไม่สนใจความเจ็บปวดของตัวเอง รีบเข้าไปหาเย้นโม่หลินด้วยความตื่นตระหนก
“พี่เย้น คุณเป็นยังไงบ้าง คุณ คุณอย่า…” อย่าเป็นอะไรไปนะ…
คำพูดประโยคหลัง กู้จื่อเฟยสะอื้นจนพูดไม่ออก
เธอมองที่ท้องของเย้นโม่หลินอย่างตื่นตระหนก บนเสื้อเป็นรู เลือดที่ไหลออกมาจากท้องทำให้เลอะแดงไปหมด
เลือดยังคงไหลไม่หยุด แผดเผาดวงตาของเธอจนเจ็บแสบ
“พี่ใหญ่!”
ป่ายฉีหันมองกลับมาอย่างตกใจ ตะลึงเมื่อเห็นเย้นโม่หลินถูกยิงล้มลงกับพื้น
และช่วงเวลาที่เขาสับสนอยู่นั้น บอดี้การ์ดคนหนึ่งพุ่งเข้ามาข้างหลัง แทงมีดเข้าแผ่นหลังของเขาอย่างรุนแรง
มีดสั้นแทงลงไปในเนื้อ ฝังลึกลงไปจนมิดด้าม พลันหันไปจะเตะบอดี้การ์ดให้กระเด็นไป แต่ร่างกายของเขากลับซวนเซเพราะการก้าวสะดุดไปอย่างแรง
เย้นโม่หลินสีหน้าซีดขาว หลังจากตั้งสติได้ ก็พยายามจะยืนขึ้น
เขากัดฟันพูดกับกู้จื่อเฟยว่า “ไม่เป็นไร แค่บาดแผลเล็กน้อย”
การที่เขาเคลื่อนไหวแบบนี้ ทำให้เลือดไหลออกมากขึ้น
แขนที่ยันพื้นสั่นเทาไปหมด
กระดูกไหล่ของเขาเหมือนจะแตก
“ไอ้เวร! กล้าจะใช้ปืนยิงงั้นเหรอ”
ป่ายฉีอดทนกับบาดแผลบนตัว ถอยไปหาเย้นโม่หลินทันที ใช้ความรวดเร็วและแม่นยำ ขับไล่ทุกคนที่พยายามจะลอบโจมตีเย้นโม่หลินให้ล่าถอยไป
ในขณะเดียวกัน สายตาที่มืดมนและอันตรายของเขากวาดไปทางท่านอาวุโสสี่ที่ยิงปืน
ไม่ช้าก็เร็วเขาจะต้องเอาชีวิตมัน!
ช่วงเวลาที่ท่านอาวุโสสี่มองสายตาป่ายฉี พลันรู้สึกคลื่นความเย็นขึ้นมาจากฝ่าเท้า ร่างกายของเขาแทบจะแช่แข็งในทันที
ความหวาดกลัวในจิตใจเริ่มก่อตัว
เขาเป็นคนคุมเกม ป่ายฉีติดกับดักแล้ว แต่ถึงอย่างนั้น เขายังรู้สึกถึงอันตรายในตัวผู้ชายคนนี้
คนแบบนี้ เก็บไว้ไม่ได้!
ท่านอาวุโสสี่สายตาโหดเหี้ยม ยิงอีกครั้งโดยไม่ลังเล
เขาต้องจัดการป่ายฉี
ป่ายฉีปฏิกิริยารวดเร็ว หลบหลีกว่องไว กระสุนพุ่งผ่านแขนของเขา เข้าใส่ตัวบอดี้การ์ดคนหนึ่งในชั่วพริบตา
บอดี้การ์ดล้มลงกับพื้น
ที่เกิดเหตุเงียบไปครู่หนึ่ง พวกบอดี้การ์ดที่กำลังมุ่งหน้าโจมตีต่างมองท่านอาวุโสสี่อย่างค่อนข้างประหลาดใจ
ฆ่าคนของตัวเองงั้นเหรอ
ท่านอาวุโสสี่คาดไม่ถึงว่าใกล้ขนาดนี้ป่ายฉียังหลบกระสุนได้
เขาสีหน้าแย่มาก คิ้วขมวดแน่นเมื่อเห็นสายตาคลางแคลงใจของพวกบอดี้การ์ด