สัญญารัก คบกับประธานฮั่ว30วัน - บทที่ 952 ง่วงเหงาหาวนอน
“เขาไม่ได้เป็นคนของใครทั้งนั้น มองดูแล้วคล้ายกับว่าเป็นคนสมถะ แต่ความจริงแล้วน่าจะมีเป้าหมายอยู่ที่ทั้งตระกูลหยู”
“สวรรค์? น้องเจ็ดถึงกับมีความทะเยอทะยานที่ยิ่งใหญ่ขนาดนั้นเชียว?”
ท่านอาวุโสรองตาโตอ้าปากค้างอย่างไม่อยากจะเชื่อเลยแม้แต่น้อย
ท่านอาวุโสเจ็ดในสายตาของเขาเป็นเพียงแค่คนสมถะ ไม่มีอะไรทำเท่านั้นเอง ชั่วชีวิตนี้ล้วนไม่ธรรมดาและมีอิสรเสรี ไร้ซึ่งผลงานใดๆ
เดิมดูแล้ว หลายปีมานี้ เขาก็ไม่เคยแย่งชิงสิ่งใดหรือแก้แค้นเรื่องใด สามารถรักษาตำแหน่งท่านอาวุโสเจ็ดนี้เอาไว้ได้ล้วนเป็นเพราะเส้นสายที่แข็งแกร่งของครอบครัวของเขา
“แม้ว่าผมจะรู้สึกประหลาดใจเป็นอย่างมาก แต่ถ้าหากว่าเป็นเช่นนี้ล่ะก็สามารถอธิบายได้แล้ว”
แววตาของท่านอาวุโสแปดเต็มไปด้วยการใช้ความคิดวิเคราะห์ “คาดว่านี่คงเป็นแผนการของท่านอาวุโสเจ็ด เขาจะต้องทำเรื่องอะไรบางอย่างแน่นอน หรือไม่ก็ทำข้อตกลงอะไรกับผู้นำตระกูลได้ชั่วคราวจึงทำให้ผู้นำตระกูลปล่อยเขาไป”
ผู้อาวุโสแปดชะงักไปเล็กน้อย มองไปที่โห้หลีเฉินอย่างไม่มั่นใจ พลางเอ่ยถามว่า
“นายน้อย ผมเดาว่าตอนนี้ผู้นำตระกูลน่าจะยังไม่ได้ค้นพบความทะเยอทะยานของท่านอาวุโสเจ็ดสินะครับ?”
ถูกท่านอาวุโสเจ็ดหลอกเข้าแล้ว
ดังนั้นตอนนี้บางทีคงจะเชื่อคำแก้ตัวของท่านอาวุโสเจ็ด หรือไม่ก็เล่ห์เหลี่ยมอะไร ถึงได้ปล่อยท่านอาวุโสเจ็ดไป
โห้หลีเฉินพยักหน้าโดยไม่ปฏิเสธ
ท่านอาวุโสแปดที่ได้รับการยืนยันแล้ว ในใจก็รู้สึกขนพองสยองเกล้า ท่านอาวุโสเจ็ดต่างหากที่เป็นอสรพิษแอบซ่อนตัวอยู่ในความมืด สามารถปรากฏตัวออกมาฉกใครสักคนก็ได้ตลอดเวลา
และโชคดีที่โห้หลีเฉินสังเกตเห็นได้ตั้งแต่เนิ่นๆ จึงมีการป้องกันเขา และยังสามารถใช้ประโยชน์จากเขาในการประชุมของตระกูลได้
ท่านอาวุโสแปดเอ่ยถามต่อว่า
“นายน้อย การที่ท่านอาวุโสเจ็ดให้การสนับสนุนพวกเราในที่ประชุมนั้นมีจุดประสงค์อะไรหรือครับ”
โห้หลีเฉินตอบ “นั่งบนภู ดูเสือกัดกันแล้วทำตัวเป็นเฒ่าประมงเก็บเกี่ยวผลประโยชน์ในตอนท้าย”
“บัดซบ!” ท่านอาวุโสรองอารมณ์ร้อนเสียจนลุกขึ้นยืน “หรือว่าเขาคิดอยากจะให้พวกเราต่อสู้กันจนตายไปข้างกับผู้นำตระกูลก่อน แล้วค่อยฉวยโอกาสในตอนที่พวกเราทั้งสองฝ่ายบาดเจ็บแสดงตัวออกมาเก็บผลประโยชน์?”
“นี่ก็เป็นการแทงลับหลังผู้อื่นมากพอแล้ว” ท่านอาวุโสแปดเอ่ยด้วยความรังเกียจ
โห้หลีเฉินเม้มริมฝีปาก เอ่ยเสียงขรึม
“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ หลังจากนี้จะกระทำเรื่องใด พวกคุณก็ไม่สามารถหุนหันพลันแล่นได้ ต้องระวังสักหน่อย”
ท่ามกลางความมืดมิดมีอสรพิษร้ายซ่อนตัวอยู่ตัวหนึ่ง สถานการณ์จึงมีความไม่แน่นอนและอันตรายเพิ่มมากขึ้น จะกระทำเรื่องใดย่อมต้องระมัดระวังให้มากขึ้น
ท่านอาวุโสแปดเอ่ยอย่างเคารพนบนอบ “ผมทราบแล้วครับ”
ท่านอาวุโสรองเอ่ย “ได้ครับ”
หลังจากที่ปรึกษาธุระเรียบร้อยแล้ว งานเลี้ยงก็จบลงเช่นกัน ท่านอาวุโสแปดกับท่านอาวุโสรองต่างพากันจากไป
โห้หลีเฉินก็กลับไปที่ห้องของเย้นหว่าน
คิดถึงคำพูดที่ยั่วยวนเธอก่อนหน้านี้แล้ว ยิ่งเข้าใกล้ นัยน์ตาสีนิลของโห้หลีเฉินก็ยิ่งคล้ายกับเปลวเพลิง
ระยะนี้เกิดเรื่องกะทันหันขึ้นมากมายเกินไป เย้นหว่านก็อกสั่นขวัญแขวนอยู่ทั้งวัน พวกเขาล้วนไม่มีความคิดแบบนั้น
พริบตาเดียวก็ผ่านไปหลายวันแล้ว ถึงเวลาที่จะเริ่มปฏิบัติการได้
โห้หลีเฉินเร่งฝีเท้าให้เร็วขึ้นมากกว่าเดิม
เสียง “แกร๊ก” ดังขึ้น เขาเดินเข้าไปในห้องและกดล็อกบานประตู
เอ่ยด้วยน้ำเสียงที่เจือไปด้วยแววหยอกเย้า
“อาบน้ำเสร็จหรือยัง ผมกลับมาแล้ว……”
ยังไม่ทันจะเอ่ยจบ เสียงของโห้หลีเฉินก็หยุดอยู่ในลำคอทันที
เขามองเย้นหว่านที่นอนตะแคงข้างอยู่ในผ้าห่ม ในมือยังถือโทรศัพท์มือถืออยู่ แต่ไม่รู้ว่านานเท่าไรแล้วที่ไม่ได้กด หน้าจอโทรศัพท์มือถือถึงได้มืดสนิท ด้วยความประหลาดใจเป็นอย่างมาก
ส่วนตัวเธอนั้น ขนตายาวเรียงเป็นแพก็ปิดสนิท กำลังหลับลึกได้ที่
โห้หลีเฉินค่อนข้างประหลาดใจ ไม่ใช่ว่าเธอเพิ่งจะนอนไปทั้งช่วงเวลากลางวันหรอกหรือ เพิ่งจะกินข้าวไปได้ไม่นานก็นอนอีกแล้ว?
ก่อนหน้านี้เย้นหว่านไม่ค่อยนอนเท่าไร
หรือว่าระยะนี้เธอนอนน้อยเกินไป วันนี้ก็วิดีโอคอลกับเย้นโม่หลิน ยืนยันความปลอดภัยของเขา ภาระที่อยู่ในใจจึงสามารถวางลงได้หมด
ดังนั้น คราวนี้จึงต้องการจะนอนอย่างไม่รู้วันรู้คืน
เมื่อคิดถึงความเป็นไปได้นี้แล้ว ความประหลาดใจและความกระสับกระส่ายที่อยู่ในใจของโห้หลีเฉินก็ลดลงมา เขาก้าวเข้าไปที่เตียงแผ่วเบา หยิบโทรศัพท์มือถือออกจากมือเธอไปวางไว้อีกด้านด้วยความระมัดระวัง
และค่อยๆนำมือเธอไปวางไว้ในผ้าห่ม ห่มให้เธอเรียบร้อย
หลังจากที่ยืนมองเธออยู่ที่ข้างเตียงครู่หนึ่ง โห้หลีเฉินก็ยิ้มอย่างจนปัญญา
“คืนวันนี้จะปล่อยคุณไปก่อน เจ้าหมูน้อย”
เอ่ยจบแล้ว เขาก็หมุนตัวเดินเข้าไปในห้องอาบน้ำ เพื่ออาบน้ำเย็น
เย้นหว่านหลับสบายมากในการนอนครั้งนี้จึงนอนยาวไปจนถึงช่วงเวลาที่พระอาทิตย์ส่องก้นในวันรุ่งขึ้น
เธอมองแสงอาทิตย์สว่างจ้านอกบานหน้าต่างแล้วก็รู้สึกสับสนเล็กน้อย
นอนจนไม่รู้วันรู้คืนมากเกินไปหน่อยแล้ว
ดังนั้น เธอถึงกับนอนไปหนึ่งวันเต็มๆอย่างนั้นหรือ
หนึ่งวันนอน 24 ชั่วโมงอย่างนั้นหรือ
เย้นหว่านขยำเส้นผม รู้สึกหงุดหงิดเล็กน้อย เธอนอนชดเชยอย่างบ้าคลั่งเกินไปแล้วนะ
ที่น่ากลัวยิ่งกว่าก็คือ เธอถึงกลับรู้สึกว่าตอนนี้ยังไม่ตื่นดี
“คุณเย้น คุณตื่นหรือยังคะ”
สาวใช้ที่เฝ้าอยู่หน้าประตูได้ยินเสียงความเคลื่อนไหว ก็รีบเอ่ยถามเสียงเบาขึ้นมาทันที
เย้นหว่านที่กำลังครุ่นคิดว่าจะนอนอีกสักครู่ดีไหมนั้นรู้สึกกระอักกระอ่วนขึ้นมาทันที จึงตอบว่า “อืม ตื่นแล้ว”
“อย่างนั้นฉันสามารถเข้าไปได้ไหมคะ”
“เข้ามาเถอะ”
เย้นหว่านมองประตูห้องที่เปิดออกด้วยความสงสัย ก็เห็นสาวใช้เดินยิ้มๆเข้ามา
เอ่ยว่า “คุณเย้น นายน้อยออกไปทำธุระเล็กน้อย แจ้งว่าประมาณช่วงบ่ายถึงจะกลับมา คุณตื่นแล้วก็ให้พวกเราปรนนิบัติคุณกินข้าวก่อน คุณว่าดีไหมคะ”
ตอนบ่ายถึงจะกลับมาหรือ
คิดถึงตัวเองที่นอนไปหนึ่งวันจนแทบจะไม่ค่อยได้พบหน้าโห้หลีเฉินแล้ว ต่อมาก็ไม่ได้พบหน้าเขาอีกหลายชั่วโมง เย้นหว่านจึงรู้สึกไม่สบายใจขึ้นมาเล็กน้อย
เธอพยักหน้าอย่างเลี่ยงไม่ได้ “ได้”
ระยะนี้เย้นหว่านไม่สามารถไปจากตึกขนาดเล็กตึกนี้ได้ ด้านนอกอันตราย
กระทั่งสวนดอกไม้ด้านหลังตึกก็ไปมาน้อยครั้ง คาดไม่ถึงว่ารอบด้านจะมีกล้องส่องทางไกลที่เฝ้าระวังและพลซุ่มยิง
เธอไม่สามารถเผยตัวในเหตุการณ์อันตรายใดๆได้
แม้จะพูดว่าก่อนที่จะได้ยาถอนพิษมา โห้หลีเฉินยังคงเป็นความหวังเดียวของตระกูลหยู แต่เธอก็เป็นคนเพียงคนเดียวที่สามารถช่วยชีวิตโห้หลีเฉินได้ ใครก็ไม่ทำร้ายพวกเขาในสถานการณ์ที่ไม่แน่นอน
แต่ก็คาดไม่ถึงว่าหยูฉู่สองจะใช้วิธีการอื่นๆในการแก้ปัญหาอย่างสติฟั่นเฟือน
อย่างเช่นการฆ่าเย้นหว่านทิ้ง ก็จะไม่เหลือหนทางในการช่วยชีวิตโห้หลีเฉิน หากว่าเห็นแก่ตัวสักหน่อย มีความปรารถนาที่รุนแรงอีกสักนิด ก็อาจจะมีชีวิตต่อไปได้ ไปโจมตีตระกูลเย้นเพื่อแย่งชิงยาถอนพิษมา
อย่างนั้นก็จะยืนอยู่ฝ่ายเดียวกับหยูฉู่สองกลายๆ
แม้ว่าเย้นหว่านจะรู้ดีว่าโห้หลีเฉินจะไม่ทำแบบนั้น แต่ก็ไม่อาจยับยั้งคนบางคนที่ไม่เข้าใจสถานการณ์ได้
หลังจากเย้นหว่านกินอาหารเช้าง่ายๆไปแล้ว ก็ไปอยู่ในห้องหนังสือของโห้หลีเฉิน เดินไปเดินมา ดูนู่นดูนี่ หยิบหนังสือขึ้นมาพลิกอ่าน
พลิกไปพลิกมา เธอก็ถูกตัวอักษรซับซ้อน อ่านแล้วไม่เข้าใจเหล่านั้นทำให้ง่วงอีกแล้ว
จึงหลับไปอีกครั้งโดยไม่รู้ตัว
เดิมสาวใช้จะเข้ามาเรียกเธอกินอาหารกลางวัน แต่เมื่อเห็นเย้นหว่านกอดหนังสือนอนหลับอยู่บนโซฟา จึงไม่กล้าเรียกเธอชั่วคราว
แต่เมื่อเห็นวานถึงเวลาอาหารกลางวันแล้ว พวกเธอก็ปรึกษากันอยู่ครู่หนึ่งและรายงานกับโห้หลีเฉิน
ผ่านไปครู่หนึ่ง โห้หลีเฉินก็กลับมาอย่างรวดเร็ว
เขาเร่งฝีเท้าเดินเข้าไปในห้องหนังสือ ก็เห็นหญิงสาวนอนขดตัว กอดหนังสือหลับไม่รู้วันรู้คืนอยู่บนโซฟา
ท่าทางน่ารัก สงบนิ่งเป็นอย่างมาก
แต่คิ้วของโห้หลีเฉินกลับขมวดลึกจนเป็นรอย
เมื่อวานก็นอนไปทั้งวันแล้ว บางทีอาจจะเป็นการนอนชดเชย เช่นนั้นก็สามารถเข้าใจได้ แต่หลังจากนอนไป 24 ชั่วโมงแล้ว เพิ่งจะตื่นมาได้ประเดี๋ยวเดียวก็ยังสามารถนอนต่อได้อีก?
มองอย่างไรก็รู้สึกว่าไม่ปกติ