สัญญารัก คบกับประธานฮั่ว30วัน - บทที่ 959 จื่อเฟยผิดปกติ
เมื่อมีลูกแล้ว โห้หลีเฉินก็ไม่ได้มีอายุขัยจำกัดเพียงแค่สามปีอีกแล้ว
ดูจากอาการของเขาในตอนนี้แล้ว ร่างกายของเขาก็มีการเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้น มีแต่จะแข็งแกร่งยิ่งขึ้นเรื่อยๆ ในภายหลังหยูฉู่สองคิดอยากจะทำลายเขาก็ยากแล้ว
แม้ว่าถึงตอนนั้นเขาจะได้ยาแก้พิษจากตระกูลเย้นมา ทำให้สามารถควบคุมหลานชายที่มีสิทธิ์เป็นผู้สืบทอดต่อได้ แต่ตอนนี้ก็อาจจะไร้ซึ่งหนทางในการดึงโห้หลีเฉินลงจากตำแหน่ง
แม้ว่าเขาจะเป็นผู้นำตระกูล
หยูฉู่สองรู้สึกได้ว่าอำนาจของตัวเองกำลังถูกท้าทายครั้งยิ่งใหญ่
เด็กคนนี้ ไม่ควรปรากฏตัวขึ้นในตอนนี้
เขา ไม่ควรมีชีวิตอยู่
ทั่วทั้งร่างหยูฉู่สองแผ่กลิ่นอายเย็นยะเยือก แววตาเต็มไปด้วยพายุอันบ้าคลั่งที่โหมกระหน่ำ และค่อยๆตัดสินใจอย่างไร้ความปรานี
เขาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาต่อสายภายใน เอ่ยเสียงเย็นชา
“พ่อบ้าน ทำให้เย้นหว่านแท้งลูกโดยไม่ต้องสนใจว่าจะต้องจ่ายค่าตอบแทนมากเท่าใด”
เมื่อสูญเสียเด็กคนนี้ไป เย้นหว่านยังสามารถตั้งครรภ์ได้อีก เพียงแต่ตั้งครรภ์ในตอนที่เหมาะสมก็พอ
ตระกูลหยูก็จะอยู่ในความควบคุมของเขาตลอดไป
“เดี๋ยวก่อน”
เสียงแหบต่ำของชายชราดังขึ้นบริเวณชั้นหนังสือหลังห้องในห้องหนังสือกะทันหัน
หยูฉู่สองมองไปยังทิศทางของห้องหนังสือด้วยสายตาเย็นชา เสียงเย็นเยียบ “คุณคิดจะพูดอะไร”
“ไม่ต้องฆ่าเด็กคนนี้”
เสียงของชายแก่โหดเหี้ยมเต็มไปด้วยแผนการราวกับงูพิษ “หลังจากเด็กคนนี้เกิดมาแล้ว จะต้องมีสายเลือดที่ใช้เปิดคลังสมบัติร้อยเปอร์เซ็นต์ ได้ตัวเขามา ก็ควบคุมได้ง่ายกว่าคนอื่น ทั้งยังถูกหลักทำนองคลองธรรมด้วย”
เมื่อได้ยินเช่นนั้น หยูฉู่สองก็ลุกขึ้นยืน มองไปทางคนที่อยู่บริเวณชั้นวางหนังสือด้านหลังด้วยสายตาตกตะลึงพรึงเพริด
เอ่ยอย่างตื่นเต้นว่า “คุณแน่ใจหรือว่าเด็กคนนี้จะสามารถเปิดคลังสมบัติได้ร้อยเปอร์เซ็นต์?”
“แน่นอนว่าผมแน่ใจ”
หยูฉู่สองแย้มรอยยิ้มพึงพอใจ โทสะและความกดดันเมื่อครู่นี้ได้เลือนหายไปหมด
“สวรรค์ให้ความช่วยเหลือผมจริงๆ”
“ขอเพียงแค่เด็กคนนั้นอยู่ในมือผม โห้หลีเฉินก็ไม่มีคุณค่าที่จะใช้ประโยชน์อะไรอีกแล้ว”
“ผมก็ไม่ต้องอดทนต่อการท้าทายอำนาจของผมจากเขาอีก ฮ่าๆๆ”
……
หมอหญิงที่มีความชำนาญจากแผนกสูตินารีเวชเป็นหญิงสาววัยกลางคน มองดูแล้วรู้เรื่องทุกอย่างชัดเจน มีความช่ำชองในเรื่องฝีมือการรักษาเป็นอย่างมาก
เธออธิบายเรื่องที่จำเป็นต้องระวังให้กับเย้นหว่านฟังเยอะแยะมากมาย เพื่อให้เย้นหว่านบำรุงครรภ์ให้ดี
เย้นหว่านก็ได้รู้ว่า เธอรู้สภาพครรภ์นี้แล้ว
เป็นเพราะความไม่สบายใจที่สะสมอยู่ในจิตใจ ไร้ซึ่งทางระบายออก วิตกกังวล และก่อนหน้านี้ก็ไม่ได้บำรุงให้ดี ครรภ์ก็ยังไม่แข็งแรงเท่าไร ต่อไปบำรุงรักษาให้ดีก็พอ
ในเวลาเดียวกัน วันแต่งงานก็ใกล้เข้ามาแล้ว ท่านอาวุโสแปดก็จัดการเรื่องที่เคยทำเอาไว้ก่อนหน้านี้ หยิบเอกสารต่างๆและคัดเลือกแต่ละแบบ มาให้เย้นหว่านได้เลือก
เพียงแต่สิ่งที่ไม่เหมือนกันในครั้งนี้ก็คือ เวลาส่วนใหญ่โห้หลีเฉินล้วนอยู่เป็นเพื่อนข้างกายเย้นหว่าน คัดเลือกไปพร้อมกับเธอ เพื่อเตรียมเรื่องงานแต่งงาน
เมื่อได้ปรึกษาหารือเกี่ยวกับเรื่องงานแต่งงานอย่างละเอียดกับเขา รายละเอียดเล็กน้อยที่น่าเบื่อพวกนั้นก็ทำให้เย้นหว่านรู้สึกได้ถึงความยินดีและความสุขของการแต่งงาน
ทำให้เธอรู้สึกได้อย่างแท้จริงว่า เธอจะแต่งให้เขาจริงๆแล้ว
เพียงแต่มีสิ่งที่ไม่สมบูรณ์แบบเล็กน้อยก็คือ ผู้เข้าร่วมงาน ไม่มีคุณพ่อคุณแม่และพี่ชายของเธอ
กระทั่งเพื่อนสนิทและเพื่อนๆก็ล้วนไม่สามารถมาเข้าร่วมงานด้วยได้
สองวันมานี้ ขอเพียงแค่มีเวลา เย้นหว่านก็จะโทรศัพท์หาพวกเย้นโม่หลิน คิดจะติดต่อกับพวกเขา
ดูว่าอาการบาดเจ็บของคุณพ่อเป็นอย่างไรบ้าง และก็จะได้บอกข่าวคราวที่เธอตั้งครรภ์กับพวกเขาด้วย
รวมไปถึงวันแต่งงานที่ได้กำหนดเอาไว้ด้วย
เพียงแต่สิ่งที่ทำให้เย้นหว่านเป็นทุกข์ก็คือ ไม่รู้ว่าเป็นเพราะสาเหตุใด ในบางครั้งถึงโทรศัพท์หาพวกเขาไม่ติด และวิดีโอคอลไม่ติดเช่นกัน
บางครั้งโทรติดแล้ว กลับต้องรอจนเสียงริงโทนดังจนจบ แต่ไม่มีใครรับสาย
ถ้าหากไม่ใช่ว่าโห้หลีเฉินบอกกับเธอด้วยความจริงใจและน่าเชื่อถือว่า พวกเย้นโม่หลินกลับถึงตระกูลเย้นได้อย่างปลอดภัย เย้นเจิ้นจื๋อก็ถูกช่วยเอาไว้ได้แล้ว เธอก็คงอดไม่ได้ที่จะคิดฟุ้งซ่านไปแล้ว
วันนี้ เย้นหว่านโทรศัพท์หาที่บ้านอีกครั้ง
ตั้งแต่เย้นโม่หลินไปจนถึงเย้นเจิ้นจื๋อ กงจืออวี ป่ายฉี ล้วนไม่มีคนรับสาย
เธอโทรจนแทบจะชินชากับความผิดหวัง
และก็กดวีแชทของกู้จื่อเฟยแล้ววิดีโอคอลไป
เย้นหว่านแทบจะไม่ได้โอบกอดความหวังอะไรเอาไว้แม้แต่น้อย ตอนนี้เองที่ในโทรศัพท์มือถือมีเสียง “ตู๊ด” ดังลอยมากะทันหัน ถูกรับสายแล้ว
อีกฟากหนึ่งของโทรศัพท์ มีใบหน้าของกู้จื่อเฟยปรากฏขึ้น
ไม่รู้ว่าเป็นเพราะการแสดงผลสีสันจากโทรศัพท์หรือว่าเหตุอื่นๆ ใบหน้าของเธอมองดูแล้วซีดขาวอยู่บ้าง
หลังจากเห็นเย้นหว่านแล้ว กู้จื่อเฟยก็แย้มรอยยิ้มสวยหวานบนใบหน้า ลบความหดหู่บนใบหน้าไปจนหมดทันที
กู้จื่อเฟยเอ่ยด้วยความยินดี
“เสี่ยวหว่าน เธอคิดถึงฉันแล้วใช่ไหม ถึงได้ยอมวิดีโอคอลหาฉันน่ะ?”
เย้นหว่านอึ้ง สงสัยอยู่บ้าง
สองวันมานี้เธอล้วนวิดีโอคอลหาไม่ใช่หรือ ทำไมน้ำเสียงของกู้จื่อเฟยถึงได้ทำราวกับว่าเธอคอลเป็นครั้งแรกกัน
เย้นหว่านเอ่ยเรื่องที่เธอสงสัยออกมา “สองวันนี้ฉันโทรหาเธอหลายครั้งมาก ทำไม โทรศัพท์มือถือเธอไม่แสดงผลหรือ
“โทรมาหลายครั้งมาก?”
กู้จื่อเฟยก็ประหลาดใจเล็กน้อย รีบหยิบโทรศัพท์มือถือมาเลื่อนดู ถึงได้เห็นอะไรบางอย่างในทันที
เธอเอ่ยอย่างรู้สึกขอโทษ “มีโทรศัพท์หลายสายที่ไม่ได้รับจริงๆ ขอโทษด้วยนะ ฉันยุ่งมาก จึงไม่ทันเห็น”
เย้นหว่านขมวดคิ้วเล็กน้อย
กู้จื่อเฟยก็นับเป็นพวกสังคมก้มหน้า ตอนที่ไม่มีอะไรทำก็เล่นโทรศัพท์มือถือ ไม่เคยมีสถานการณ์เกินหนึ่งชั่วโมงที่ไม่ดูข่าวคราวมาก่อน
แต่นี่มันสองวันแล้ว เธอกลับไม่รู้ว่ามีโทรศัพท์ที่ไม่ได้รับสาย?
เกิดเรื่องอะไรขึ้นกัน?
เย้นหว่านถามต่อ “เธอยุ่งเรื่องอะไรน่ะ”
“ก็คือ……”
กู้จื่อเฟยกำลังจะพูด แต่ดูเหมือนว่าจะคิดถึงอะไรขึ้นมาได้ จึงเอ่ยด้วยแววตาไหววูบว่า “ก็ไม่มีอะไรหรอก ก็เพิ่งจะมาถึงตระกูลเย้น เรื่องยุ่งเหยิง สับสนวุ่นวายเยอะมาก ก็ยุ่งไปเรื่อย”
ถ้าหากว่าเป็นแต่ก่อน ก็ไม่แน่ว่าเย้นหว่านจะถูกกู้จื่อเฟยหลอกให้ปล่อยผ่านไปได้
แต่ตอนนี้มีเรื่องราวมากมาย เส้นประสาทของเย้นหว่านล้วนตึงเครียดและเฉียบแหลม จึงรู้สึกได้ว่ากู้จื่อเฟยไม่ได้พูดความจริง
เย้นหว่านขมวดคิ้ว เอ่ยเสียงเข้ม
“จื่อเฟย เธอไม่ต้องปิดบังฉัน ฉันรู้แล้วว่าคุณพ่อฉันถูกยิง”
กู้จื่อเฟยตะลึงอ้าปากกว้าง แววตาสับสน “เธอรู้เร็วขนาดนั้นเชียว”
เธอมีท่าทางจนปัญญาเล็กน้อย “ฉันยังคิดจะปิดบังเธอ ให้เธอไม่ต้องกังวลตามไปด้วย”
เย้นหว่านจับโทรศัพท์มือถือแน่นขึ้น ทรวงอกอึดอัดเล็กน้อย
ในตอนแรกที่โห้หลีเฉินรู้ว่าคุณพ่อของเธอถูกยิง ก็ปิดบังเธอเช่นกัน ตอนนี้กู้จื่อเฟยก็ใช่
เธอรู้ว่าพวกเขาล้วนเป็นห่วงเธอ อยากจะปกป้องเธอ ให้เธอไม่ต้องเป็นกังวลไปด้วย
แต่นี่ก็เป็นเพราะว่าเธออ่อนแอเกินไปสินะ ถึงได้ทำให้ทุกคนเป็นกังวลใจทุกเวลาทุกสถานการณ์
เย้นหว่านปกปิดความรู้สึกในใจเอาไว้ ถามว่า
“จื่อเฟย อาการของคุณพ่อฉันในตอนนี้เป็นอย่างไรบ้าง ป่ายฉีเฝ้าดูอาการเขาอยู่ข้างกายตลอดไหม”
“อืมๆ ป่ายฉีเฝ้าดูอาการอยู่ตลอดเวลา คุณลุงหมดสติไปวันกว่า ตอนนี้ก็ฟื้นขึ้นมาแล้ว เพียงแต่ว่าร่างกายยังค่อนข้างอ่อนแอช่วงเวลาที่ได้สติจึงสั้น”
เมื่อได้รับข่าวคราว จิตใจเย้นหว่านก็ได้รับการปลอบประโลมเล็กน้อย
เธอเอ่ยด้วยความร้อนใจเล็กน้อย
“ถ้าอย่างนั้นเธออยู่แถวนั้นไหม ให้ฉันดูคุณพ่อหน่อยได้ไหม ฉันอยากคุยกับคุณพ่อ”
กู้จื่อเฟยแววตาไหววูบด้วยความลำบากใจเล็กน้อย
เธอถูมืออย่างกระสับกระส่าย ผ่านไปครู่หนึ่งถึงได้เอ่ยว่า
“ฉันอยู่ข้างนอกน่ะ ห่างจากสถานที่ที่คุณลุงพักรักษาตัวค่อนข้างไกล ตอนนี้จึงไม่สามารถให้เธอดูได้”
“โอเค ถ้าอย่างนั้นเธอไปห้องพักผู้ป่วยเมื่อไร ก็วิดีโอคอลหาฉันได้ไหม?”
กู้จื่อเฟยขมวดคิ้วเล็กน้อย สีหน้าไหววูบ ลังเลเล็กน้อย
เย้นหว่านรู้สึกได้โดยสัญชาตญาณว่าผิดปกติ จึงรีบเอ่ยว่า “เป็นอะไรไปหรือ”
เธอขอร้องในเรื่องปกติมาก เป็นแค่เรื่องเล็กน้อยสำหรับกู้จื่อเฟย
แต่ทำไมปฏิกิริยาและอาการลังเลของกู้จื่อเฟยถึงไม่ปกติเลยแม้แต่นิดเดียว?