สัญญารัก คบกับประธานฮั่ว30วัน - บทที่ 962 ฉันจะรออยู่ตรงนี้
เย้นจือฮวนหน้าถอดสีทันที ในแววตาปรากฏเงาแห่งความกลัว
ถึงแม้หลังจากที่เย้นโม่หลินกลับมาเขาจะไม่มีเวลาดูแลกู้จื่อเฟยเลย จนแทบจะไม่ได้สนใจอะไรเธอมากนัก แต่ยังไงเธอก็คือผู้หญิงที่เย้นโม่หลินพากลับมาด้วยตัวเอง และยิ่งเป็นแฟนสาวในนามอีกด้วย
ถ้าหากจงใจจะทำร้ายเธอ ไม่แน่ว่าอาจถูกเย้นโม่หลินต่อว่าจริงๆ ก็ได้
เย้นจือฮวนเริ่มขลาดๆ ขึ้นมาเล็กน้อย
แม้ว่าเธอจะยโสโอหัง แต่ก็รู้ดีว่าใครที่ควรหือหรือไม่ควรหือด้วย
“พี่เย้นไม่ใช่คนที่ไร้เหตุผลขนาดนั้น จะไปด่าว่าเธอเพราะแผลเล็กๆ ได้ยังไงกัน? เธอเป็นน้องสาวลูกพี่ลูกน้องโดยสายเลือดของพี่เย้นนะ นอกจากเย้นหว่านแล้ว เขาก็รักเธอที่สุด”
เจียงเป้ยนีเอ่ยเสียงเบา “บางครั้งฉันยังอิจฉาที่พี่เย้นปฏิบัติกับเธออย่างดีเลย”
“ใช่แล้ว ก็แค่เธอเป็นแผลแล้วมันยังไง? พี่เย้นไม่มาลงโทษฉันเพราะคนอย่างเธอหรอก”
เย้นจือฮวนมีพลังขึ้นมาอีกครั้ง และคิดจะเดินเข้าไปหากู้จื่อเฟยเพื่อขวางเธอไว้อีกครั้ง
กู้จื่อเฟยกวาดสายตามองเจียงเป้ยนีอย่างเย็นชาทีหนึ่ง
เสี้ยมกันเก่งเสียจริงนะ
เอาคนหัวเบาอย่างเย้นจือฮวนมาเป็นเครื่องมือ
กู้จื่อเฟยไม่อยากลงมือให้เสียเปรียบอยู่ที่นี่ เธอพูดพลางยิ้มเย็น
“ก็ได้ เย้นจือฮวน เธอก็ลองดูสิ แค่ความสำคัญของคำว่าลูกพี่ลูกน้องที่พูดได้ไม่ได้เต็มปากนั่น หรือแฟนสาวอย่างฉันที่คุยกันข้างหมอน”
ฝีเท้าของเย้นจือฮวนชะงักลง สีหน้าเดี๋ยวซีดเผือดเดี๋ยวแดงก่ำ
เธอชี้ไปที่กู้จื่อเฟยด้วยนิ้วสั่นเทา แล้วต่อว่า “เธอ ยัยคนไร้ยางอาย”
“ฉันขอเตือน ว่าอย่ามาหาเรื่องฉันอีก ไม่อย่างนั้นฉันจะกรีดตัวเองแล้วบอกว่าเป็นฝีมือเธอก็ได้ พอฉันร้องไห้อย่างน่าสงสารต่อหน้าเขา แล้วดูซิว่าเย้นโม่หลินจะจัดการใคร?”
เย้นจือฮวนตกใจจนหน้าซีดเผือด นึกไม่ถึงว่ากู้จื่อเฟยจะหน้าไม่อายขนาดนี้
แม้แต่การใส่ร้ายปรักปรำคนอื่นก็พูดได้เต็มปากเต็มคำขนาดนี้
แล้วยังจะแสร้งทำเป็นร้องไห้น่าสงสารไปฟ้องเย้นโม่หลิน
ด้วยนิสัยของเย้นโม่หลิน หากเย้นจือฮวนทำร้ายกู้จื่อเฟย แค่ต่อว่าด้วยคำพูดก็ไม่เป็นไร แต่ถ้ากู้จื่อเฟยไปฟ้องก่อน คนที่จะเจอกับหายนะก็คือเย้นจือฮวนแน่นอนร้อยเปอร์เซ็นต์
เย้นจือฮวนราวกับกำลังมองคนบ้าคนหนึ่ง “กู้จื่อเฟย เธอ ทำไมเธอถึงได้ต่ำช้าไร้ยางอายขนาดนี้?”
“เธอพูดผิดไปนะ นี่ไม่ใช่ต่ำช้า มันคือ…..”
กู้จื่อเฟยยกมุมปาก มองไปที่เจียงเป้ยนีอย่างแฝงความนัยแล้วยิ้มโอ้อวด “คือการอวดความรักต่างหาก”
สีหน้าของเจียงเป้ยนีพลันซีดขาวราวกับกระดาษ
ความอิจฉาริษยาและความเกลียดชังผุดขึ้นมาจากในทรวงอกในทันใด มันทำให้เธอเกือบจะดึงท่าทางอย่างสุภาพสตรีไม่อยู่แล้วพุ่งเข้าไปฉีกกระชากกู้จื่อเฟยให้คามือ
นังผู้หญิงบ้านนอกไม่ตายดี
ได้ครอบครองเย้นโม่หลินที่เธอพยายามแค่ไหนก็ไม่อาจเข้าใกล้ ยังถึงกับกล้าใช้เย้นโม่หลินมาโอ้อวดอีก
บัดซบ บัดซบ บัดซบ!
กู้จื่อเฟยเห็นหญิงสาวทั้งสองคนที่โมโหจนหน้าเขียวไปหมด ก็อารมณ์ดีขึ้นมาเล็กน้อย
เธอไม่สนใจพวกหล่อนอีก ก่อนหมุนตัวเดินไปยังเรือนเล็กของเย้นโม่หลิน
เย้นหว่านยังรอเธอโทรกลับอยู่นี่นา
ถ้าเสียเวลานานเกินไป เดี๋ยวเย้นหว่านจะสงสัยเอาได้
ตอนนี้สถานการณ์ของเธอในตระกูลเย้นย่ำแย่มากจริงๆ แต่เธอก็ไม่อยากให้เย้นหว่านรู้
เย้นหว่านกำลังดิ้นรนกับวิกฤตการณ์รอบด้านอยู่ เธอไม่อยากเพิ่มเรื่องกวนใจไปให้เย้นหว่านและทำให้เธอไม่มีสมาธิอีก
ยิ่งไปกว่านั้น ตอนนี้เย้นหว่านมีลูกน้อยแล้ว การเลี้ยงลูกในท้องด้วยอารมณ์ที่ดีจึงเป็นเรื่องที่สำคัญ
ส่วนเธอ……
รอให้ช่วงเวลานี้จบลง เย้นโม่หลินคงจะบรรเทาสถานการณ์เลวร้ายของเธอได้
ตอนนี้ เธอต้องบอกข่าวดีเรื่องการตั้งครรภ์ของเย้นหว่านให้กับพวกเขาเท่านั้น แล้วค่อยให้เย้นหว่านพบกับเย้นเจิ้นจื๋อ
กู้จื่อเฟยเดินเข้าไปในเรือนเล็กของเย้นโม่หลินอย่างรวดเร็ว
ก่อนหน้านี้เธอไม่เคยเข้ามาเรือนเล็กเดี่ยวของเย้นโม่หลินมาก่อน หลังจากกลับมาครั้งนี้ เพราะเหตุฉุกเฉิน หลังเย้นโม่หลินเพียงแค่สั่งเตรียมการจากนั้นก็ให้เธออยู่ที่เรือนเล็กของเย้นหว่านไปก่อน
ถึงยังไงเธอเองก็เคยอยู่ที่นี่มาก่อน
การมาของกู้จื่อเฟย พูดได้ว่าเป็นครั้งแรกที่ได้เข้ามา
โครงสร้างพื้นที่ของที่นี่คล้ายกับเรือนเล็กของเย้นหว่าน แต่กลับแตกต่างอยู่ไม่น้อย
การตกแต่งของเรือนเล็กทั้งหลังยังคงเป็นการตกแต่งที่เฉียบคมและรัดกุม เป็นสไตล์ของเย้นโม่หลินโดยสมบูรณ์
กู้จื่อเฟยไม่ได้คุ้นชินกับที่นี่
ได้แต่อาศัยโครงสร้างเรือนเล็กของเย้นหว่านเดินไปยังที่ที่น่าจะเป็นห้องหนังสือเท่านั้น
เพียงเธอเดินขึ้นไปบนบันไดชั้นแรกนั้นไม่กี่ก้าว ก็มีชายวัยกลางคนคนหนึ่งเดินเข้ามาประจันหน้า
เมื่อเห็นเธอ ชายวัยกลางคนก็สีหน้าไม่พอใจก่อนตีหน้าขรึมเอ่ยขึ้น
“เธอมาทำอะไรที่นี่?”
กู้จื่อเฟยหยุดฝีเท้าลง
เมื่อมองดูการแต่งกายของชายวัยกลางคนตรงหน้า เขาน่าจะเป็นผู้อาวุโสที่มีตำแหน่งฐานะในตระกูลเย้น
เธอยิ้มบางๆ ตามมารยาทแล้วพูด “สวัสดีค่ะ ฉันมาหาเย้นโม่หลิน ฉันมีเรื่องสำคัญต้องคุยกับเขา”
ชายวัยกลางคนหันไปมองทิศทางด้านหลัง ก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา
“คุณชายเย้นกำลังยุ่งอยู่ ไม่มีเวลามาเจอเธอหรอก”
กู้จื่อเฟยมองตามสายตาไป ห้องนั้นก็เป็นห้องหนังสือของทางเย้นหว่านพอดี
เย้นโม่หลินเองก็ทำงานอยู่ในนั้นอย่างที่คิด
เมื่อคิดว่าเขาอยู่ใกล้เธอขนาดนี้แล้ว กู้จื่อเฟยก็รู้สึกตื่นเต้นขึ้นมาเล็กน้อย เธอพูด
“เรื่องที่ฉันจะพูดสำคัญมาก จะเสียเวลาชักช้าอยู่ไม่ได้ ฉันพบเขาแค่ครู่เดียวก็ได้ค่ะ”
“ไม่ได้”
ชายวัยกลางปฏิเสธโดยไม่คิดด้วยซ้ำ พูดจบ เมื่อเห็นท่าทางไม่ยอมแพ้ของกู้จื่อเฟย เขาก็พูดอย่างรำคาญ
“เรื่องสำคัญแค่ไหน ก็ไม่สำคัญเท่าเรื่องคอขาดบาดตายของตระกูลเย้นตอนนี้หรอก ถ้าคุณอยากจะพบเขาจริงๆ ก็รออยู่ตรงนี้ พอเขาจัดการเรื่องยุ่งเสร็จแล้ว ก็จะเจียดเวลาออกมาเดินสักสองสามก้าว”
ความหมายคือ ในตอนนั้นเธอถึงจะเจอเย้นโม่หลินได้
กู้จื่อเฟยค่อนข้างลังเล นานขนาดนั้น เย้นหว่านจะรอไหวหรือเปล่า?
ชายวัยกลางคนกลับยิ่งไม่พอใจ “ทำไม ถ้าเธอรอไม่ได้ ก็ออกไปเดี๋ยวนี้ซะ”
ขณะพูด ท่าทางนั้นก็เหมือนจะขับไล่กัน
สองวันมานี้กู้จื่อเฟยถูกเอารัดเอาเปรียบมามาก ที่เธอได้มาเรือนเล็กของเย้นโม่หลินเป็นครั้งแรก ก็เพราะคนพวกนี้ไม่ให้เธอมา เอาแต่ขัดขวางเธออยู่ข้างนอกตลอด
เธอไม่ได้เจอเย้นเจิ้นจื๋อ ก็เพราะคนตระกูลเย้นพวกนี้เช่นกันที่ไม่ให้โอกาสเธอเข้าไปใกล้
ตอนนี้สามารถรอเย้นโม่หลินออกมาอยู่นอกประตู มันก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย เป็นโอกาสที่หาได้ยากของเธอ
ไม่อย่างนั้นถ้าถูกไล่ออกไปอีกครั้ง ก็ยังไม่รู้ว่าอีกนานเท่าไหร่ถึงจะได้เจอเย้นโม่หลินอีก
กู้จื่อเฟยไม่คิดอะไรมากอีก เธอรีบพยักหน้าแล้วพูด
“ค่ะ ฉันจะรอเขาออกมาอยู่ที่นี่”
ชายวัยกลางคนเหลือบมองกู้จื่อเฟยอย่างรังเกียจก่อนจะหมุนตัวเดินไปอย่างหงุดหงิด
เขาบ่นพึมพำเบาๆ “พาผู้หญิงไม่รู้หัวนอนปลายเท้าแบบนี้มาที่นี่ ทำตระกูลเย้นเราเสื่อมเสียโชคลาภจริงๆ ”
เสียงนั้นไม่ได้ดัง แต่ก็ไม่ได้เบาเช่นกัน ทำให้กู้จื่อเฟยได้ยินทั้งหมด
สีหน้าของกู้จื่อเฟยซีดลงเล็กน้อย ร่างกายของเธอเหยียดตรงและแข็งทื่อ
เธอกำหมัดแน่น เพื่อยับยั้งคลื่นแห่งความคับข้องใจและความโกรธในหัวใจของเธอ
สองวันมานี้ คำพูดแบบนี้โผล่ออกมาไม่ขาดสาย ทั้งหมดนั้นทิ่มแทงมาที่เธอทั้งสิ้น
พวกเขามองเธอเป็นตัวหายนะ เป็นศัตรู
แทบรอไม่ไหวที่จะโยนเธอออกไป
แต่ความอัดอั้นตันใจในใจของเธอ แม้แต่โอกาสที่จะแก้ต่างให้ตัวเองก็ยังไม่มีเลยด้วยซ้ำ
ตระกูลหยูก็แตกหักกับตระกูลเย้นขึ้นมากะทันหัน แล้วส่งมือสังหารมาฆ่าเย้นเจิ้นจื๋อ ถึงที่สุดแล้ว เรื่องพวกนี้จะไม่เกี่ยวข้องกับเธอเลยก็ตาม
แต่เพราะเธอมาในเวลานี้ พวกเขาก็พุ่งเป้ามาที่เธอกันหมด