สัญญารัก คบกับประธานฮั่ว30วัน - บทที่ 964 พบเบาะแส
ในที่สุดเขาก็ทนไม่ไหวจนต้องไล่เธอไปตรงๆ โดยเฉพาะเลยงั้นเหรอ?
แต่เธอจะออกไปจากตระกูลเย้นตอนนี้ไม่ได้
ถ้าพี่เย้นหันกลับมาไม่เจอเธอ เขาจะต้องเป็นห่วงแน่ เดิมทีก็ยุ่งจนไม่มีแม้แต่เวลาจะตอนอยู่แล้ว ถ้าแบ่งสมาธิมาตามหาเธออีก ก็คงจะเป็นการไม่ดี
กู้จื่อเฟยต่อสู้ดิ้นรนพยายามสลัดมือของชายวัยกลางคนออกในทันที
“ปล่อยนะ! ฉันเป็นแฟนของเย้นโม่หลิน เป็นคนที่เขาพากลับมาด้วยตัวเอง คุณมีสิทธิ์อะไรมาไล่ฉัน?
ไม่กลัวเขารู้แล้วจะต่อว่าหรือยังไง?”
สีหน้าของชายวัยกลางคนเปลี่ยนไปเล็กน้อย ด้วยเกิดความกลัวเล็กน้อยจากส่วนลึกในใจ
แต่ก็เพียงชั่วครู่เท่านั้น ใบหน้ามีอายุก็ยิ่งดุดันอย่างแน่วแน่ขึ้นกว่าเดิม
“ตอนนี้ตระกูลเย้นกำลังประสบภัยพิบัติมากมาย ก็เป็นเพราะตัวหายนะอย่างเธอพามา ที่ไล่เธอไป เป็นเพราะฉันคิดเพื่อ
เมื่อเขาทำเป็นพูดอย่างสง่าผ่าเผยจบ เขาก็ยกมือขึ้น
“เข้ามา มัดเธอไว้แล้วเอาตัวไป”
สิ้นเสียงลง ชายฉกรรจ์ร่างสูงชุดดำสี่คนข้างนอกก็พุ่งเข้ามาในห้องทันที ก่อนมัดมือและเท้าของกู้จื่อเฟยอย่างหยาบคาย
นี่มันเป็นการขับไล่เธอออกไปเฉยๆ ที่ไหนกัน มันเหมือนกับการลักพาตัวเสียมากกว่า
ทันใดนั้นกู้จื่อเฟยก็ตื่นตระหนก เธอร้องเสียงดัง
“ปล่อยฉันนะ ถ้าพวกคุณกล้าทำกับฉันแบบนี้ เย้นโม่หลินไม่มีทางปล่อยพวกคุณไปแน่นอน”
ชายวัยกลางคนสีหน้าโหดเหี้ยม “ปิดปากซะ”
ก้อนผ้าขาวถูกยัดเข้าไปในปากของกู้จื่อเฟย
“อื้ออื้ออื้อ….อื้อ…..”
ทันใดนั้นแม้แต่คำพูดที่ครบจบสมบูรณ์ประโยคหนึ่งก็พูดออกมาไม่ได้
เมื่อเผชิญหน้ากับชายฉกรรจ์ร่างสูงสี่คน เธอก็ไม่มีช่องทางให้ต่อสู้ได้เลย เธอถูกผู้ชายสองคนยกตัวขึ้นหน้าคนหลังคน ราวกับเชือกป่านมัดหนึ่งอย่างนั้น
ร่างกายของเธอลอยขึ้นจากพื้น สูญเสียอิสรภาพโดยสมบูรณ์
หัวใจทั้งดวงของกู้จื่อเฟยมาห้อยอยู่ที่ลำคอหมดแล้ว เหงื่อเย็นผุดขึ้นที่หน้าผาก ในตอนนั้นเธอถึงได้เห็นแววตาหม่นมืดอันร้ายกาจภายใต้ท่าทีสง่าผ่าเผยนั้นของชายวัยกลางคน
หัวใจของเธอบีบรัดในทันที
ชายวัยกลางคนนี้ผิดปกติ!
เขาจงใจ!
เขาจงใจหาเหตุผลมาเล่นงานเธอ
เขาคิดจะทำอะไรกันแน่?
กู้จื่อเฟยขนลุกชันไปทั่วร่าง รู้สึกถึงอันตรายอย่างท่วมท้น
ผู้คนมองกู้จื่อเฟยที่ถูกเอาตัวไปด้วยสีหน้าต่างกันไป
มีคนพูดขึ้นอย่างลังเล “พี่ห้า ถึงหล่อนจะเป็นตัวหายนะ แต่ยังไงก็เป็นคนที่นายน้อยพากลับมาด้วยตัวเอง ทั้งยังสั่งให้ต้องดูแลหล่อนอย่างดีอีกด้วย
พาเธอไปแบบนี้ ถ้านายน้อยรู้เข้า เขาจะโกรธหรือเปล่า?”
“ไม่หรอก พวกเราแค่ตัดสินใจเรื่องนี้แทนนายน้อยไปก่อนเพื่อประโยชน์ของตระกูลเท่านั้น”
ชายวัยกลางคนเอ่ยอย่างให้คำมั่น “วางใจได้ พอเธอมาตระกูลเย้นก็เผชิญกับความเสียหายอย่างรุนแรง ผู้นำตระกูลก็ถูกยิงชีวิตแขวนอยู่บนเส้นด้าย และเรื่องเหล่านี้ล้วนเป็นสิ่งที่หล่อนนำพามา นายน้อยเองก็คงยอมรับแล้ว
ไม่อย่างนั้นทำไมสองวันมานี้ นายน้อยถึงไม่แม้แต่จะมองหล่อนสักครั้งกันล่ะ?”
“นั่นไม่ใช่เพราะนายน้อยเขากำลัง…..”
“ไม่ว่ายังไง นายน้อยเองก็ไม่ได้ติดต่อหล่อนเลยไม่ใช่หรือไง?”
ชายวัยกลางคอถามกลับอย่างดักคอ คำพูดของทุกคนจึงติดอยู่ในลำคอ
พวกเขาปฏิเสธไม่ได้ มันเป็นเช่นนั้นจริงๆ
หลังจากที่นายน้อยพากู้จื่อเฟยกลับมา เขาก็เพิกเฉยต่อเธอ และเห็นได้ชัดว่าไม่ได้สนใจกู้จื่อเฟยมากนัก
บางทีอาจจะยอมรับแล้วว่าเธอคือตัวหายนะ จึงไม่อยากเจอเธอ
ดังนั้นหากจะไล่กู้จื่อเฟยไปตอนนี้ ก็เป็นการดีต่อตระกูลเย้นและต่อนายน้อย
เมื่อชายวัยกลางคนเห็นว่าทุกคนถูกเกลี้ยกล่อมแล้ว รอยยิ้มกระหยิ่มยิ้มย่องก็ปรากฏขึ้นในดวงตา ก่อนเขาจะเอ่ยอย่างเอาจริงเอาจัง
“ตอนนี้นายน้อยมีเรื่องยุ่งมากเกินไป เรื่องเล็กๆ อย่างกู้จื่อเฟยก็ไม่ต้องบอกเขาก่อนล่ะ”
“โอเค เราเองก็ไม่รบกวนนายน้อยด้วยเรื่องเล็กๆ น้อยๆ แบบนั้นหรอก”
ทุกคนตอบอย่างไม่ต้องคิด
ไล่ตัวหายนะไปสักคน สำหรับพวกเขาแล้วก็เป็นเรื่องดียิ่งเรื่องหนึ่ง และก็เป็นเรื่องที่ไม่จำเป็นต้องให้ความสำคัญด้วยเช่นกัน
หลังจากออกจากเรือนเล็กแล้ว กู้จื่อเฟยก็ถูกหามมาถึงทางเล็กๆ ด้านหลัง
ไม่นานดวงตาของเธอก็ถูกปิดด้วยผ้าสีดำและถูกยัดลงในกล่องที่มืดมิด จากนั้นเธอก็เหมือนจะถูกทิ้งลงบนรถอะไรบางอย่างที่กำลังเคลื่อนไปข้างหน้าอย่างโคลงเคลง
เธอมองไม่เห็นอะไรเลยสักนิด สภาพแวดล้อมคับแคบที่ไม่สามารถขยับตัวได้ทำให้เธอรู้สึกหวาดกลัวอย่างยิ่ง
นี่คงไม่ได้ขับไล่เธอไปอย่างเรียบง่ายขนาดนั้นแน่นอน
พวกเขาคิดจะทำอะไรกันแน่?
เมื่อนึกถึงแววตาอันตรายนั้นของชายวัยกลางคนก่อนจากมา กู้จื่อเฟยก็รู้สึกขนพองสยองเกล้า
ก่อนหน้านี้เธอไม่เคยเจอชายวัยกลางคนคนนี้มาก่อน
แต่นอกจากเขาจะจงใจทำให้เธอลำบากแล้ว เหมือนว่าจะยังวางแผนทำร้ายเธออีกด้วย
เขา เป็นใครกันแน่?
……
ท้องฟ้าค่อยๆ มืดลง ความมืดนอกหน้าต่าง ดูไปแล้วพาให้ในอกรู้สึกอึดอัดขึ้นมา
เย้นหว่านนั่งอยู่ข้างเตียง มองไปที่โทรศัพท์มือถือของตัวเองเป็นครั้งคราว
ผ่านไปตั้งหลายชั่วโมงแล้ว ต่อให้เป็นตระกูลเย้นก็เข้าสู่เวลาหลับนอนแล้ว แต่กู้จื่อเฟยก็ยังไม่ได้ส่งข่าวคราวกลับมาให้เธอเลย
ว่ากันตามเหตุผล แค่ไปหาเย้นโม่หลินหรือคุณพ่อเท่านั้น ถึงพวกเขาจะยุ่งมากแต่ก็มีเวลาให้หายใจหายคออยู่ และก็น่าจะให้กู้จื่อเฟยได้คุยกับเธอแล้ว
แต่ผ่านไปวันหนึ่งแล้ว ก็ยังคงไร้วี่แวว
เย้นหว่านยิ่งคิดก็ยิ่งรู้สึกว่ามันมีอะไรแปลกๆ วันนี้กู้จื่อเฟยเองก็ทำให้เธอรู้สึกว่าผิดปกติอย่างมาก
เธอทนไม่ไหว จึงวีดิโอคอลไปหากู้จื่อเฟยอีกครั้ง
เสียง “ตู๊ดตู๊ดตู๊ด” ดังขึ้นครู่ใหญ่ แต่กลับไม่มีใครรับ
เย้นหว่านโทรอีกครั้ง ก็ยังไม่มีคนรับ
เมื่อมองไปที่โทรศัพท์ที่มีหน้าจอสีดำสนิทอีกครั้ง ในใจของเย้นหว่านก็เกิดความวิตกขึ้นมา
เธอมีความรู้สึกว่า จะเกิดเรื่องอะไรขึ้นกับทางกู้จื่อเฟยหรือเปล่า
หรือตอนนี้เธอกำลังยุ่งอยู่จนไม่ทันได้เห็น?
แต่เมื่อเวลาผ่านไป อารมณ์ของเย้นหว่านก็ยิ่งหดหู่และมืดมนขึ้นเรื่อยๆ
ผ่านไปนานมากแล้ว กู้จื่อเฟยยังไม่ตอบกลับมาเลย ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่าจะวีดิโอมาหา
ในเมื่อกู้จื่อเฟยรู้ว่าเธอกำลังรออยู่ ก่อนหน้านี้ก็ตอบกลับมาเร็วมากตลอด แต่ตอนนี้กลับเหมือนหินจมหายไปในทะเล ไม่มีแม้แต่คลื่นเพียงเล็กน้อย
ผิดปกติ
ผิดปกติเกินไป
เกิดเรื่องอะไรขึ้นหรือเปล่า?
เมื่อคิดถึงความเป็นไปได้นี้ยิ่งมากขึ้นเรื่อยๆ เย้นหว่านก็ลุกขึ้นอย่างไม่สบายใจ แล้วเดินออกไปข้างนอก
“เธอจะไปไหน?”
พร้อมกับเสียงเปิดประตูดัง”แกร๊ก” โห้หลีเฉินเดินเข้ามาจากหน้าประตู แววตาที่มองเย้นหว่านเต็มไปด้วยความอ่อนโยนและรอยยิ้ม
“หรือคิดถึงฉันจนทนไม่ไหวแล้ว จะไปต้อนรับฉันกลับบ้านที่ประตูใหญ่งั้นเหรอ?”
นับตั้งแต่พบว่าเย้นหว่านกำลังตั้งครรภ์ โห้หลีเฉินจะทำอะไรก็จะย้ายไปจัดการที่เรือนเล็กทั้งหมดเท่าที่จะทำได้ อยู่ข้างกายเย้นหว่านตลอดเวลา
แต่ก็มีบางเรื่องที่เขาจะต้องออกไปจัดการข้างนอก คืนนี้เขาก็ออกสองสามชั่วโมงและเพิ่งจะกลับมา
เมื่อเย้นหว่านเห็นเขา หัวใจที่ตื่นตระหนกก็พลันได้เจอกับที่พักพิง
เธอรีบเดินไปตรงหน้าเขาแล้วดึงมือของเขาไว้ เอ่ยอย่างรีบร้อน
“ฉันติดต่อกู้จื่อเฟยไม่ได้ ฉันสงสัยว่าจะเกิดเรื่องอะไรขึ้นกับเธอหรือเปล่า? โห้หลีเฉิน ทางนั้นนายมีข่าวใหม่อะไรบ้างไหม?”
โห้หลีเฉินพลิกมือมาจับมือเล็กของเย้นหว่านเอาไว้ วางลงบนฝ่ามืออย่างแผ่วเบาแล้วตบเบาๆ อย่างปลอบโยน
เขาเอ่ยอย่างนุ่มนวล
“เธออย่าตื่นเต้น มันจะไม่เป็นผลดีต่อพัฒนาการของลูกน้อยเรา”
ความอบอุ่นของฝ่ามือนั้นแผ่ซ่านมาในผิวหนัง ทำให้จิตใจที่ตื่นตระหนกของเย้นหว่านได้รับการปลอบประโลมไปบ้าง
เธอสูดหายใจเข้าลึกๆ แล้วค่อยๆ ระงับอารมณ์พลุ่งพล่านของตัวเองลง
“ฉันไม่ได้ตื่นเต้น ฉันสบายดี นายไม่ต้องห่วง”
อารมณ์ของเย้นหว่านสงบลงเล็กน้อย โห้หลีเฉินจึงเอ่ยขึ้น
“เรื่องของตระกูลเย้นที่ฉันให้ความสนใจล้วนเป็นเรื่องใหญ่ทั้งนั้น ฉันไม่ได้เฝ้าระวังเรื่องของกู้จื่อเฟยเลย แต่เธอไม่ต้องกังวล ฉันมีสายลับอยู่ ตอนนี้ถามก็รู้ต้นสายปลายเหตุของเรื่องแล้วล่ะ”
พูดดังนั้น โห้หลีเฉินก็ดึงเย้นหว่านเดินไปยังโต๊ะคอมพิวเตอร์