สัญญารัก คบกับประธานฮั่ว30วัน - บทที่ 975 คุณเป็นใคร
ใบหน้าเล็กๆของเธอซีดเซียว สีหน้าเต็มไปด้วยความกังวล แต่ดูแล้วก็มีเสน่ห์ไม่น้อย
เธอขอร้องว่า
“พี่เย้นคะ ฮวนฮวนแค่ขาดสติไปชั่วครู่ เธอไม่ได้ตั้งใจหรอกค่ะ ปกติเธอเป็นคนดีจะตาย
ฉันขอร้องพี่ เห็นแก่ความเป็นพี่น้องด้วยเถอะนะคะ ไว้ชีวิตเธอนะคะ?”
น้ำเสียงที่อ่อนหวานนุ่มนวล พร้อมกับเสียงร้องไห้กระซิก ฟังดูแล้วชวนให้รู้สึกสงสารและใจอ่อน
เธอร้องไห้มากขึ้น ยื่นมือเล็กๆออกมาจะคว้ามือของเย้นโม่หลินไว้ราวกับเด็ก
ขณะที่เธอกำลังเข้าไปใกล้ สีหน้าของเย้นโม่หลินก็แสดงความเฉยชาออกมาทันที
เขาปลีกตัวออกไปด้านข้างสองก้าว มองเจียงเป้ยนีอย่างเย็นชา
เอ่ยถามว่า “เธอเป็นใคร?”
เจียงเป้ยนีตัวแข็งทื่อ เธอรู้สึกว่าแย่แน่แล้ว
เธอหยุดร้องไห้ทันที จ้องมองเย้นโม่หลิน พูดอย่างละล่ำละลักว่า
“พี่เย้นคะ พี่ พี่จำหนูไม่ได้ พี่จำหนูไม่ได้แล้วหรือคะ?”
เย้นโม่หลินสีหน้าไร้อารมณ์ ย้อนถามกลับไปว่า “เธอเป็นใครล่ะ?”
นั่นแสดงว่า เขาจำเธอไม่ได้เลยสินะ
สีหน้าของเจียงเป้ยนีขาวซีดราวกับกระดาษ ไม่เห็นเส้นเลือดเลย
เธออาศัยอยู่ที่ในบ้านของเย้นโม่หลินมาสองสามเดือนแล้ว พยายามขัดหน้าอยู่นานสองนาน จนคนในครอบครัวต่างคิดว่าเธอจะมาเป็นคุณนายของตระกูลเย้นในอนาคต
แต่คิดไม่ถึงเลยว่า แม้แต่เจ้าบ้านอย่างเย้นโม่หลิน ก็ยังจำเธอไม่ได้เลยหรือ?
หรือจะพูดให้ชัดขึ้นว่า ตลอดหลายเดือนที่เธอมัวขัดหน้าอยู่ เย้นโม่หลินไม่เคยเห็นหน้าเธอ ไม่เคยสนใจ จนลืมเธอไปแล้ว
ทุกคนมองดูเจียงเป้ยนีด้วยท่าทีต่างๆกัน แต่ก็แสดงความเห็นอกเห็นใจต่อเธออย่างเปิดเผย
และตระหนักได้ในทันที
พวกเขาต่างก็เข้าใจว่าเจียงเป้ยนีและเย้นโม่หลินมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน จนน่าจะกลายเป็นภรรยาของนายน้อย แต่ที่แท้ความจริงไม่ได้เป็นเช่นนั้น เย้นโม่หลินไม่รู้จักหล่อนเลย
นี่ มันน่าเศร้าสิ้นดี
เจียงเป้ยนีอับอายจนอยากแทรกแผ่นดินหนี แต่ด้วยสายตาอันคมกริบของเย้นโม่หลิน เธอกลับไม่สามารถขยับตัวได้
เธอรู้สึกเสียใจ แต่ก็ตั้งสติพูดว่า
“ฉันชื่อเจียงเป้ยนีเป็นลูกพี่ลูกน้องกับฮวนฮวน”
“ก็ไม่ใช่คนของตระกูลเย้นของเรานี่ มาทำอะไรที่นี่ล่ะ?”
เย้นโม่หลินแสดงท่าทีเฉยชา ยกมือขึ้นออกคำสั่งว่า “เอาเธอออกไป”
ด้วยท่าทางแสดงความรำคาญและรังเกียจนั้น ราวกับลูกศรหมื่นลูกทิ่มแทงลงในหัวใจของเจียงเป้ยนี
หัวใจของเธอแตกสลายเป็นเสี่ยงๆ ใบหน้าร้อนผ่าว อับอายเป็นที่สุด
ไม่ต้องรอให้บอดี้การ์ดมาลากเธอออกไป เธอเอามือปิดหน้า ร้องไห้แล้ววิ่งออกไป
เย้นโม่หลินไม่แม้แต่จะเหลียวตามองเธอ สายตาเย็นชาของเขา กลับมองไปทางเย้นจือฮวนแทน
ท่าทีเฉยชา
เย้นจือฮวนทำแบบนี้กับกู้จื่อเฟยเช่นกัน เมื่อนึกภาพที่กู้จื่อเฟยอยู่ในสภาพเดียวกันนี้แล้ว เย้นโม่หลินแทบทนไม่ไหวที่จะจัดการขั้นเด็ดขาดกับเย้นจือฮวน
แต่ว่า เขาต้องการให้เย้นจือฮวนอยู่แบบตายทั้งเป็น
สิ่งที่กู้จื่อเฟยได้รับอยู่ตอนนี้ เธอต้องได้รับมันเป็นสองเท่า
ไม่รู้ว่าผ่านไปนานแค่ไหน เย้นจือฮวนถูกซ้อมหนักจนไม่มีเสียงร้องแล้ว ร่างของเธอหมอบลงไปกับพื้นราวกับสุนัขตัวหนึ่งที่นอนตาย บอดี้การ์ดเหล่านั้นจึงได้หยุดลง
เย้นซิวหย่าพุ่งตัวไปข้างหน้า คุกเข่าลงข้างตัวเย้นจือฮวน แต่ไม่กล้าเข้าไปใกล้
เธอร้องตะโกนเรียก “ฮวนฮวน ฮวนฮวน ลูกยังไม่ตายใช่ไหม? ตอบแม่หน่อยสิ ฮวนฮวน”
เย้นจือฮวนหลับตาอยู่ ไม่ตอบสนองใดๆทั้งสิ้น
ไม่รู้ว่าตายแล้วหรือยังมีชีวิตอยู่
เย้นซิวหย่าไม่กล้าสัมผัสลมหายใจของเธอ กลัวว่ามันจะไม่มีแล้ว ขอรออยู่แบบนี้จะดีกว่า เผื่อว่ามันจะเป็นครั้งสุดท้าย
ดวงตาของเธอแดงก่ำ หันหน้าไปพูดกับเย้นโม้หลินว่า
“ซ้อมพอแล้วใช่ไหม ตอนนี้ฉันจะพาฮวนฮวนไปได้หรือยัง?”
“ไม่ได้”
เย้นโม่หลินท่าทีเย็นชา
เย้นซิวหย่าโกรธจนอกแทบระเบิด ขนาดนี้ยังไม่พออีกหรือ?
เธอลุกขึ้นยืนด้วยความโกรธ ตะโกนว่า “เย้นโม่หลิน แกยังจะเอายังไงอีกห๊ะ?”
เย้นโม่หลินแบมือออก ลูกน้องก็รีบเอาเอกสารจำนวนหนึ่งมาวางบนมือเขาทันที
เขาพลิกดูคร่าวๆ พลางพูดด้วยเสียงเย็นชาสุดขั้วว่า
“คนที่ทำผิดต่อกู้จื่อเฟย หนักเบาตามแผนการ ให้ไปรับโทษกฎตระกูล?
ไปรับโทษกฎตระกูล?
ทุกคนในที่นั้นพากันเข่าอ่อน ทรุดตัวลงนั่งที่พื้นเสียงดัง
กฎตระกูลคือบทลงโทษที่ร้ายแรงที่สุดของตระกูลเย้น ใครก็ตามที่ไปที่นั่น ล้วนต้องออกมาแบบนอนทุกคน อย่างเบาหน่อยก็ต้องใช้เวลารักษากันหลายเดือน
ตายแน่ เพราะปากไม่มีหูรูดของพวกเขา ครั้งนี้มีหวังได้สูญเสียครั้งใหญ่แน่
สีหน้าของเย้นซิวหย่ายิ่งไม่น่าดูมากขึ้นทันที ซีดลงซีดลง เนื้อตัวเกร็งและสั่นเทา
เมื่อกี้เย้นโม่หลินบอกแล้วว่า ได้ตรวจสอบมาแล้วว่าเธอคือต้นเหตุที่ให้คนปล่อยข่าวลือออกไป
ส่วนโทษหนักเบาตามแผนการ เธอน่าจะได้รับโทษหนักที่สุด
กฎตระกูลของตระกูลเย้น ผู้หญิงตัวคนเดียวอย่างเธอ จะไปทนไหวได้อย่างไร?
ฮวนฮวนก็ยังไม่รู้ว่าตายหรือยัง เธอก็ยังต้องไปรับโทษอีกหรือ?
เย้นซิวหย่าสะกดกลั้นความกลัวสุดขีดในใจไว้ พูดกับเย้นโม่หลินว่า
“ถึงแม้รับโทษกฎตระกูลก็ต้องมีหลักฐานสิ เสี่ยวโม่ หลานไม่ควรถือว่าตัวเองมีตำแหน่งเป็นเจ้าของบ้าน แล้วจะใช้กฎตระกูลกับใครก็ได้แบบนี้นะ”
นั่นหมายถึง เธอไม่ยอมรับ
เย้นโม่หลินยังคงมีท่าทีเฉยเมย “ต้องการหลักฐาน? ก็ดูเอาเองสิ”
เขายกมือขึ้นโบกมัน เอกสารปึกหนาในมือปลิวกระจัดกระจายไป เกลื่อนกลาดเต็มท้องฟ้า
กลุ่มคนที่อยู่ตรงนั้นต่างรีบยื่นมือไปคว้า หยิบเอามา
ที่พวกเราได้มาล้วนไม่ใช่ของตัวเอง แต่เมื่อดูรายละเอียดในนั้นแล้ว แต่ละคนมีสีหน้าละอายใจ และเต็มไปด้วยความสิ้นหวัง
แต่ว่าในช่วงเวลาอันสั้นแค่นี้ นายน้อยสามารถสืบค้นได้กระจ่างชัด
ไขปริศนาในเรื่องนี้ได้จนหมดข้อสงสัย
แม้แต่เรื่องที่ใครพูดอะไรกับกู้จื่อเฟยที่ไหน มีการจดบันทึกเอาไว้ชัดเจน
พวกเขาพูดอะไรไว้บ้าง ใส่ร้ายป้ายสีกู้จื่อเฟยขนาดไหน มีหลักฐานครบถ้วนไม่มีใครที่จะหนีรอดไปได้เลย
เย้นซิวหย่าก็ได้มาสองแผ่น เมื่ออ่านดูเนื้อหาในนั้นแล้ว ถึงกับหน้าซีดเป็นไข่ต้มเลยทีเดียว
เธอไม่รู้มาก่อนเลยว่า การสืบค้นของตระกูลเย้นจะทรงพลังถึงเพียงนี้ ถ้าจะสืบ ก็ต้องสืบให้ได้แม่นยำชัดเจน เรื่องที่เธอทำเล็กๆน้อยๆพวกนั้นก็ไม่รอดพ้น
แต่คิดไม่ถึงเลยว่า เย้นโม่หลินจะสืบได้เร็วขนาดนี้ และละเอียดยิบขนาดนี้
ต่อให้เป็นป้าสามแท้ๆอย่างหล่อนคนนี้ ก็ไม่มีความยกเว้น
น่ากลัวจริงๆ
แถมยังให้ความสำคัญอย่างมากกับกู้จื่อเฟย?
เพื่อเป็นการแก้แค้นให้เธอ ไม่เห็นแก่ความเป็นญาติมิตรใดๆทั้งสิ้น ลงโทษคนส่วนใหญ่ของตระกูลเย้นด้วย
…….
เย้นซิวหย่าถูกคนพาตัวออกมาจากกฎตระกูล
เธอมีรอยแผลที่หลัง ดูราวกับแผลยังสดอยู่ น่าสะพรึงกลัว
เกินครึ่งชีวิตของเธออยู่แต่ในนั้น
แต่เธอก็ยังกัดฟัน รักษาชีวิตจนรอดมาได้
เมื่อกลับถึงบ้าน รีบเอ่ยถามขึ้นมาว่า “ฮวนฮวนเป็นอย่างไรบ้าง?”
เธอยังมีชีวิตอยู่ไหม?
ตอนที่เย้นจือฮวนถูกพากลับบ้าน เธอถูกพาไปที่กฎตระกูลในช่วงเวลาที่ยากลำบากที่สุดของลูกสาว เธอกลับไม่สามารถอยู่ดูแลได้
ร่างกายของเย้นซิวหย่าบาดเจ็บ แต่ในใจนั้นเจ็บยิ่งกว่า
เจียงเป้ยนีรีบวิ่งเข้ามาหา กล่าวอย่างรีบร้อนว่า
“ตอนที่ฮวนฮวนหนีออกมาได้ คุณหมอก็รีบรักษาทันที แต่ว่า ให้ตายสิ เธออาการหนักเกินไป”
เจียงเป้ยนีรีบกล่าวทักทายคุณหมอ แล้วรีบพาเย้นซิวหย่าเข้าห้องเพื่อรักษา
เธอพูดอย่างเจ็บช้ำน้ำใจว่า
“คุณเป็นถึงคุณป้าสามแท้ๆของพี่เย้น ทำไมเขาถึงทำกับคุณได้ลงคอถึงขนาดนี้นะ? กู้จื่อเฟยก็เป็นแค่คนนอก ไหนเลยปล่อยให้คุณกับฮวนฮวน ประสบชะตากรรมร้ายแรงขนาดนี้….”