สัญญารัก คบกับประธานฮั่ว30วัน - บทที่ 978 สนับสนุนเต็มที่
ใบหูของเย้นโม่หลินแดงขึ้นมาทันที ไม่รู้ว่าควรจะจัดการกับเด็กเมื่อวานซืนตรงหน้าอย่างไรดี
เขาเกร็งคอพูดออกไปว่า “ไม่ได้หรอกครับ ต้องรอ…..”
“โอ้ย เจ็บจังเลยคะ”
กู้จื่อเฟยเอามือวางบนหน้าอกแล้วกรีดร้อง น้ำตาไหลพราก
เย้นโม่หลินสะดุ้งเฮือก ลุกขึ้นนั่งทันที มองดูเธออย่างกังวล “บาดแผลปริหรือเปล่าครับ?”
กู้จื่อเฟยน้อยใจ “เจ็บแปลบที่หัวใจค่ะ บาดแผลเลยยิ่งเจ็บ ดูเหมือนแผลจะปริแล้วนะคะ”
เย้นโม่หลิน “…..”
เขาขมวดคิ้วแน่น กลัวว่าถ้าเธอขยับมากขึ้น บาดแผลจะปริขึ้นมาจริงๆ
เห็นเธอทำท่าทุกข์ใจแบบนั้น ในใจของเขารู้สึกอึดอัดอย่างมาก หลักการหรือบางสิ่งก็มลายหายไปในทันที
เขารีบบอกว่า “อย่าเพิ่งคิดมากสิครับ รอให้แผลคุณหายดีก่อน คุณอยากจะทำอะไรค่อยมาคุยกันอีกที”
“จริงนะคะ?”
กู้จื่อเฟยหายเจ็บทันที คว้ามือของเย้นโม่หลินมาไว้ที่ริมฝีปากแล้วจูบหนึ่งครั้ง
“พี่เย้นคะ พี่ดีที่สุดเลย ฉันรักพี่ที่สุดเลยค่ะ”
ใบหูของเย้นโม่หลินแดงขึ้นอีกครั้ง
เวลานี้ กงจืออวียืนอยู่ที่หน้าประตู มองดูฉากนี้อย่างเหลือเชื่อ
เธอไม่อยากเชื่อเลยว่า คนที่หน้าแดงเป็นลูกตำลึงนอนอยู่บนเตียงนั้น เป็นลูกชายของหล่อนจริงๆ
เมื่อก่อนไม่เคยเข้าใกล้ผู้หญิงเลย เขาเมินเฉยต่อผู้หญิงที่ยั่วยวนและฉอเลาะทุกประเภท ตอนนี้กลับยอมจำนนด้วยคำหยอกล้อของกู้จื่อเฟย ภายในไม่กี่นาทีอย่างช่วยไม่ได้
นี่สินะที่เรียกกันว่า สมน้ำสมเนื้อ
กงจืออวีรู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่ง
เธออารมณ์ดีมาก ผลักประตูเปิดไปจนสุด แล้วเดินเข้าไปอย่างสง่างาม
“ตื่นกันแล้วหรือ? หิวแล้วสิ แม่เอาอาหารเช้ามาให้ ทานด้วยกันนะ?”
กู้จื่อเฟยที่กำลังหมกมุ่นอยู่กับการล้อเลียนเย้นโม่หลิน รู้สึกประหลาดใจอย่างมากกับการปรากฏตัวแบบกะทันหันของกงจือวี และรู้สึกอายจนหน้าแดง
เมื่อกี้เธอล้อเลียนเย้นโม่หลินร้ายแรงขนาดนั้น มีใครเห็นเข้าหรือเปล่าเนี่ย?
นั่นมันน่าอายสิ้นดี
“คุณป้า”
กู้จื่อเฟยทำท่าจะลุกขึ้นนั่งอย่างรีบร้อน เธอกำลังขยับ เย้นโม่หลินก็ตอบสนองอย่างรวดเร็ว ยื่นแขนออกไปที่หลังของเธอ ประคองเธออย่างระมัดระวัง
พลางออกคำสั่งเบาๆว่า “ระวังหน่อย เดี๋ยวแผลปริ”
กู้จื่อเฟยสนใจแผลของตัวเองที่ไหนกัน ใบหน้าของหล่อนแดงด้วยความเขิน มองไปที่กงจืออวีด้วยความอับอายเหลือเกิน
เย้นโม่หลินยึดมั่นในเรื่องขนบธรรมเนียมประเพณี เธอรู้ดีอยู่แก่ใจ ก่อนแต่งงาน ต่อรักษาระยะห่างเอาไว้ ห้ามแตะต้องเนื้อตัวกัน ส่วนเรื่องนอนด้วยกันหรือมีอะไรกันยิ่งไม่ต้องพูดถึงเลย
ด้วยเหตุผลนี้ กู้จื่อเฟยจึงยิ่งชอบหยอกล้อเย้นโม่หลินตามอำเภอใจ เห็นเขาทำท่าเขินอาย เขากลับหย่อนยานกฎระเบียบลงทีละน้อย และค่อยๆยอมรับหล่อน
แต่การหยอกล้อกัน นั่นเป็นเรื่องที่ไร้ยางอายต่อหน้าเย้นโม่หลินเท่านั้น ไม่ใช่ต่อหน้าคนอื่น
จะว่าไปขนบธรรมเนียมที่เย้นโม่หลินยึดมั่นไว้นั้น ส่วนใหญ่คงเป็นกงจืออวีสั่งสอนมา หากว่าทัศนคติของกง
จืออวีคือการรักษาพรหมจรรย์เอาไว้ หล่อนคงไม่ยอมรับแน่ถ้ากู้จื่อเฟยจะมีอะไรกับเย้นโม่หลินก่อนแต่งงาน
ถึงแม้ว่าสีหน้าของกงจืออวีจะไม่แสดงอาการอะไรออกมาในตอนนี้ แต่ก็ไม่แน่ว่าในใจเธออาจจะไม่พอใจจื่อเฟยอยู่ก็ได้
เธอกำลังจะแต่งงานกับเย้นโม่หลินแล้ว ไม่ควรทำให้คุณแม่สามีรังเกียจตั้งแต่ยังไม่ได้เข้าบ้าน
กู้จื่อเฟยอยากร้องไห้แบบไม่มีน้ำตา
“เฟยเฟย หนูลุกขึ้นนั่งหลังตรงทำไมจ้ะ? รีบเอนลงพิงหมอนเถอะ บาดแผลสำคัญที่สุดนะจ้ะ”
กงจือวีรีบเดินเข้าไปข้างเตียง เอนไหล่ของกู้จื่อเฟยให้พิงหมอนที่ด้านหลัง
ใบหน้าที่สวยงาม ยิ้มให้อย่างพอใจ
“ป้าเนี่ยนะ ตั้งตารอให้หนูหายป่วยเร็วๆ จะได้รีบมีหลานกับลูกชายของป้าเร็วๆสักที”
กู้จื่อเฟยหน้าแดงก่ำ
กงจื่ออวีคงจะได้ยินแล้วสินะ! มันน่าขายหน้าจริงๆเลย
สีหน้าของเย้นโม่หลินเปลี่ยนไปเล็กน้อย เขาจ้องมองไปที่คุณแม่ของตัวเองอย่างไม่พอใจ พูดแบบนี้เพื่ออะไร?
ไม่รู้สึกกระดากปากบ้างหรือ?
กงจืออวีกลับไม่สนใจ นั่งลงที่ข้างเตียง จับมือกู้จื่อเฟยอย่างเสน่หา
พูดอย่างขมขื่นว่า
“เด็กโง่คนนี้ของป้า ก็นิ่งเฉยไร้อารมณ์แบบนี้แหละ หนูอย่าไปถือสาเลยนะ นี่เป็นครั้งแรกที่ป้าเห็นเขาฟังหนูจะทำอะไรเขาก็เชิญตามสบายเลยจ้ะ สั่งสอนได้เต็มที่เลยจ้ะ”
กู้จื่อเฟยตะลึงอ้าปากค้าง เธอคิดไม่ถึงเลยว่ากงจืออวีจะพูดกับเธอแบบนี้
ความคิดนี้เท่ากับเปิดทางให้เธอเต็มที่เลย
กู้จื่อเฟยรู้สึกโล่งใจเล็กน้อยที่มีคนเข้าข้างเธอ
เย้นโม่หลินอยู่ข้างๆ แต่กลับทำหน้าหงิกหน้างอ
แม่ของเขาพูดอะไรออกไปเนี่ย?
เขาออกจะเป็นคนที่ฉลาดและมีความสามารถ ทำไมถึงกลายเป็นเด็กโง่ไปได้ล่ะ? นี่มันฉีกหน้าเขาชัดๆ!
แล้วก็ อะไรคือสอน สอนอะไร?
ดึงกู้จื่อเฟยมาร่วมมือวางแผนต่อต้านเขาอย่างเปิดเผยแบบนี้ มันไม่มากเกินไปหน่อยหรือ?
กงจืออวีไม่สนใจเย้นโม่หลินเลย จับมือกู้จื่อเฟยเอาไว้ ราวกับว่าเธอเป็นทารกสุดที่รัก
ตอนนี้เธอเข้าใจแล้วว่า ขอเพียงมีกู้จื่อเฟยอยู่ ก็ไม่ต้องกังวลเรื่องหลานแล้ว
เธอเอ่ยปาก “เฟยเฟย ช่วงนี้หนูก็พักผ่อนได้เต็มที่เลยนะจ้ะ เสี่ยวโม่จะคอยดูแลหนูอย่างดี หนูอยากได้อะไรก็บอกเขาได้ ถ้าเขาไม่ทำให้ หนูมาบอกป้าได้เลยนะจ้ะ ป้าจะจัดการเขาให้เอง”
เย้นโม่หลิน “…..” จู่ๆเขาก็รู้สึกว่าตัวเองไม่ใช่ลูกแท้ๆงั้นหรือ?
กู้จื่อเฟยรู้สึกปลาบปลื้มใจ “ขอบคุณคะคุณป้า พี่เย้นทำหน้าที่ได้ดีมากเลยคะ ดูแลหนูดีมากๆคะ”
“ถ้างั้นก็ดีแล้วจ้ะ เรื่องในบ้านหนูไม่ต้องกังวลใจ ป้าจะรับบางส่วนมาดูแลเอง เสี่ยวโม่จะได้ไม่ยุ่งมากเกินไป เขาจะได้มีเวลาอยู่เป็นเพื่อนหนู คอยดูแลหนูไงจ้ะ”
กงจืออวีพูดไป พลางหันไปมองหน้าเย้นโม่หลิน น้ำเสียงบอกให้รับทราบ
“ต่อไปนี้หน้าที่หลักของลูกก็คือคอยดูแลเฟยเฟยให้ดี เข้าใจไหม? เรื่องอื่น แม่จะจัดการเอง”
เย้นโม่หลิน “…..” แม่ไม่ต้องคอยดูแลคุณพ่อแล้วหรือครับ?
กงจืออวีมอบหมายเสร็จ ก็หันไปมองกู้จื่อเฟยด้วยความรักสองสามนาที ดวงเต็มไปด้วยความอ่อนโยนซาบซึ้งใจ
“นี่เฟยเฟย ป้าโทรหาเสี่ยวหว่านแล้วนะ ตอนนี้หล่อนตั้งท้องแล้ว งานแต่งที่จะจัดขึ้นเดือนพฤศจิกายนก็จัดเหมือนเดิมจ้ะ”
พูดไป เธอก็มองไปทางเย้นโม่หลินแบบสื่อความหมาย “หนูกับเสี่ยวโม่เป็นพี่น้องกัน เสี่ยวหว่านก็แต่งงาน ตั้งท้องแล้ว พวกลูกก็ต้องรีบกันหน่อยนะ”
กู้จื่อเฟยหน้าแดงเป็นลูกตำลึง มองเย้นโม่หลินด้วยแววตาเป็นประกาย
แต่งงาน มีลูกเลย
ความสุขแบบนี้คือผู้อาวุโสลุ้นให้แต่งงานกัน กระต่ายน้อยในใจของกู้จื่อเฟยกำลังกระโดดโลดเต้นด้วยความปีติยินดี
กงจืออวีชอบเธอ
เธอได้พบหน้าแม่สามีครั้งนี้ ประสบความสำเร็จมาก
เย้นโม่หลินสบสายตาที่กู้จื่อเฟยจ้องมองมาเป็นประกาย รู้สึกเหมือนคลื่นแปลกๆสั่นสะท้านในร่างกายของเขา
ตั้งแต่แรกที่เริ่มสร้างสัมพันธ์กับกู้จื่อเฟย เขาก็ตั้งปณิธานแน่วแน่ว่า จะแต่งงานกับกู้จื่อเฟย นี่ราวกับเป็นเรื่องที่จำเป็นต้องทำ ตามสูตร
แต่ว่าตอนนี้ ความรู้สึกกลับเปลี่ยนไปอย่างไม่รู้สาเหตุ
ตัวอย่างเช่น การรอคอย
เขานึกถึงภาพ กู้จื่อเฟยที่สวมชุดแต่งงานยืนอยู่ต่อหน้าเขาในตอนนี้ คงจะสวยน่าดู แต่เมื่อเธอกลายเป็นคุณนายเย้นนั่นแปลว่าเธอได้กลายเป็นของเขาโดยสมบูรณ์แล้ว
และยิ่งในตอนที่เธอตั้งท้องลูกของเขาอยู่ ความรู้สึกของการมีชีวิตที่สัมพันธ์กัน…..