สัญญารัก คบกับประธานฮั่ว30วัน - บทที่ 986 ความหึงของพี่เย้น
พวกเขาคุยเรื่องอะไร เขาแทบจะฟังไม่รู้เรื่องเลย ที่บอกว่ารูปหงส์และหอเมาดวงจิตเขาไม่เคยได้ยินชื่อพวกนี้มาก่อนเลย
มองพวกเขาคุยกัน เขาเหมือนคนทึ่มที่ไม่รู้อะไรเลย ไม่อาจร่วมบทสนทนาได้แม้แต่น้อย
แน่นอน เขาก็ไม่อยากร่วมคุยหัวข้อพวกนี้ด้วย
เพียงแต่เห็นกู้จื่อเฟยชื่นชอบขนาดนี้ ถึงรสถึงอารมณ์ เขากลับไม่เคยรู้งานอดิเรกของเธอมาก่อนเลย
ดังนั้น ปกติเธอก็ไม่เคยคุยเนื้อหาพวกนี้กับเขามาก่อน……
ทว่าเมื่อเจอชิวเจ๋อคล้ายกับพานพบคนรู้ใจ บังเกิดเรื่องเล่าในใจมากมาย ประหนึ่งคุยสามคืนสามวันก็ไม่จบไม่สิ้น ยังคุยกันไม่หนำใจ
สถานการณ์เช่นนี้ทำให้เย้นโม่หลินอัดอั้นตันใจจนอยากฆ่าคนเพื่อระบายอารมณ์
กู้จื่อเฟยกับชิวเจ๋อคุยทุกอย่างกระทั่งลมฟ้าอากาศสักพัก จากนั้นถึงจะสังเกตเห็นคนด้านข้างกำลังแผ่ความเย็นยะเยือกออกมา
เธอเอียงหน้ามองด้วยความสงสัย พลางเห็นใบหน้าทั้งเย็นเยียบทั้งมืดครึ้มของเย้นโม่หลิน
เขาเม้มริมฝีปากบาง ท่าทีเย็นชา มองแวบเดียวก็รู้ว่ากำลังโกรธอยู่
กู้จื่อเฟยชะงักเล็กน้อย
เธอไม่ค่อยได้เห็นเย้นโม่หลินโกรธ และยังเป็นการโกรธที่อยู่ในระดับสูง จึงยิ่งหายากมากขึ้น
เขาเป็นอะไรไป?
กู้จื่อเฟยหยุดคุย ชิวเจ๋อก็มองตามสถานการณ์จนเห็นเย้นโม่หลิน
เมื่อเห็นบรรยากาศไม่ดีจากตัวผู้ชาย ใบหน้าชิวเจ๋อยังคงเผยรอยยิ้มสดชื่นดังแสงอาทิตย์ ยกแก้วไวน์ขึ้นอย่างสุภาพชน
“ใช่แล้ว ท่านนี้คือคุณเย้นใช่ไหมครับ?ดูผมสิ เห็นจื่อเฟยแล้วดีใจจนคุยเพลินเลย เกือบลืมอวยพรพวกคุณซะแล้ว
วันนี้พวกคุณประกาศเรื่องแต่งงาน ถึงเวลางานต้องเชิญผมด้วยนะครับ หากพวกคุณต้องการ ผมสามารถร้องเพลงในงานแต่งงานได้ด้วยนะครับ”
นั่นเป็นผลตอบแทนขั้นเทพเลยนะเนี่ย ขอถามหน่อยมีใครสามารถเชิญชิวเจ๋อร้องเพลงในงานแต่งของตนได้บ้าง?
เกรงว่าเธอกู้จื่อเฟยจะเป็นคนแรกบนโลกนี้
ทันใดนั้นดวงตากู้จื่อเฟยประกายด้วยดวงดาวระยิบระยับ เลื่อมใสกับชื่นชอบชิวเจ๋อมากขึ้นหลายส่วน
สีหน้าเย้นโม่หลินกลับมืดครึ้ม ให้ชิวเจ๋อร้องเพลงในงานแต่งงาน?
ให้เจ้าสาวของเขาจ้องอีกฝ่ายน้ำลายไหลเหรอ แล้วลืมเจ้าบ่าวอย่างเขาไว้ที่มหาสมุทรแปซิฟิกหรือ?
เขาไม่ทำให้ตัวเองตกอยู่ในสภาพนั้นหรอก
เย้นโม่หลินกล่าวอย่างเย็นชาว่า
“ไม่จำเป็น”
เป็นสามคำที่โหดมากๆ ทำให้ความกระตือรือร้นด้วยความหวังดีของชิวเจ๋อราวกับโดนสาดน้ำเย็นใส่หนึ่งกะละมัง
มุมปากชิวเจ๋อแข็งทื่อรู้สึกอึดอัดเล็กน้อย
กู้จื่อเฟยก็รู้สึกอึ้งกะทันหัน คาดไม่ถึงว่าเย้นโม่หลินจะปฏิเสธด้วยความรวบรัดเด็ดเดี่ยวเช่นนี้
เขาตอบอย่างนี้เพราะอารมณ์เสียหรือเปล่า?
หลังการอึดอัดชั่วครู่ ชิวเจ๋อพลันปรับอารมณ์กลายเป็นยิ้มอย่างเป็นธรรมชาติ พลางยกแก้วไวน์ขึ้น
“ดูเหมือนคุณเย้นจะไม่ค่อยชอบดนตรีเท่าไหร่ คาดว่างานแต่งงานต้องมีการจัดเตรียมอย่างอื่นที่ดีกว่าแน่นอน ไม่เป็นไรครับ การเจอหน้ากันถือเป็นวาสนา พวกเราดื่มแก้วนี้แล้วก็จะกลายเป็นเพื่อนต่อกันแล้วครับ”
พูดพลางกะพริบตารัวๆอย่างสบายจิตสบายใจใส่กู้จื่อเฟย
ยิ้มทะเล้นนี้ ดึงความสัมพันธ์กับความเหินห่างให้ใกล้กันในชั่วพริบตา
ชาตินี้กู้จื่อเฟยไม่เคยคิดไม่เคยฝันเลยว่าจะได้เป็นเพื่อนกับไอดอลของตัวเอง ความสุขที่มากะทันหันเช่นนี้ เธอจะปฏิเสธได้อย่างไร
เธอยกแก้วไวน์เตรียมจะชนแก้วกับเขา เวลานี้มีมือใหญ่คว้าแก้วไวน์ของเธอไว้ จากนั้นก็ดึงไปอย่างเผด็จการ
น้ำเสียงเย้นโม่หลินเคร่งขรึม”คุณยังไม่หายดี ดื่มไวน์ไม่ได้”
กู้จื่อเฟยเกือบลืมจุดนี้ไปเลย เย้นโม่หลินใส่ใจรายละเอียดจริงๆ
เพียงแต่บรรยากาศกลายเป็นอึดอัดทันที
มองชิวเจ๋อยกแก้วขึ้น แล้วมองเย้นโม่หลินที่ไม่มีทีท่าจะชนแก้วแต่อย่างใด กู้จื่อเฟยกล่าวด้วยความเกรงใจ
“ขอโทษด้วยนะคะ เพราะด้วยร่างกายของฉัน ตอนนี้ไม่สะดวกดื่มไวน์ค่ะ”
โดนปฏิเสธติดต่อกันสองครั้ง ทั้งยังเกิดจากการที่เย้นโม่หลินไม่ให้เกียรติด้วย ชิวเจ๋อเกือบปั้นหน้ายิ้มไม่ไหวแล้วเชียว
เขามองกู้จื่อเฟยพลางกล่าวว่า
“ไม่เป็นไรครับ ร่างกายสำคัญที่สุดครับ”
ระหว่างที่พูด เขาก็มองไปยังฟลอร์เต้นรํา เอื้อมมือเชื้อเชิญไปหากู้จื่อเฟยอย่างสุภาพ
“คุณกู้จื่อเฟยคนสวยครับ ให้เกียรติร่วมเต้นรำกับผมสักเพลงนะครับ?”
กู้จื่อเฟยมึนทันที
มองชิวเจ๋อด้วยความตื่นตระหนก เขาเชิญเธอเต้นรำเหรอ!
โอ้โห แฟนคลับอย่างเธอกระหยิ่มใจมาก?
กู้จื่อเฟยตื่นเต้นดีใจจนตัวจะลอยแล้ว ทว่าเมื่อยื่นมือออกไปเล็กน้อยก็ดึงกลับมา
เธอมองเย้นโม่หลินด้วยดวงตาเปล่งประกายแวววาว
ถึงแม้เธอจะลุ่มหลงไอดอลจนถอนตัวไม่ขึ้น ทว่าแฟนหนุ่มของเธออยู่ตรงนี้ เต้นรำกับชายอื่นคงไม่เหมาะสมมั้ง?
ระงับอารมณ์กระสับกระส่ายอย่างยากเย็นแล้ว กู้จื่อเฟยพลันกล่าวด้วยความขอโทษ
“ขอโทษค่ะ ฉันเต้นรำกับคุณไม่ได้ค่ะ ฉันยังต้องไปต้อนรับแขกท่านอื่นอีกค่ะ”
ชิวเจ๋อเผยความผิดหวังทันที”มาร่วมงานเลี้ยงที่อลังการอย่างนี้ แต่กับไม่ได้เต้นรำกับคนสวยอย่างคุณ เกรงว่าผมจะต้องเสียใจไปอีกนานซะแล้วครับ”
ท่าทางผิดหวังนั้นมองแล้วก็รู้สึกชวนให้ละอายใจ อดรู้สึกสงสารไม่ได้
มือเชื้อเชิญของชิวเจ๋อไม่ได้ลดลง น้ำเสียงที่ร้องขอแฝงความไม่เต็มใจไว้หลายส่วน
“แค่หนึ่งเพลง ไม่นานหรอกครับ ดีไหมครับ?”
กู้จื่อเฟยรู้สึกทำตัวไม่ถูกยิ่งนัก
สติปัญญาเธอบอกว่า ตอนนี้เธอในฐานะแฟนสาวของเย้นโม่หลิน และยังอยู่ในงานเลี้ยงของตระกูลเย้นด้วย เธอจึงเต้นรำกับชายอื่นไม่ได้เด็ดขาด ไม่เช่นนั้นจะถูกคนอื่นติฉินนินทาได้
แต่เป็นการร้องขอของนักร้องในดวงใจ เธอไม่รู้ว่าควรปฏิเสธเช่นไรดี
ในขณะที่กู้จื่อเฟยปวดหัวกับการสรรหาคำปฏิเสธไม่ได้ เย้นโม่หลินก็จูงมือเล็กของเธอ พลางกล่าวกับชิวเจ๋ออย่างเย็นชาว่า
“คุณชิวเจ๋อแฟนผมไม่มีเวลาเต้นรำกับคุณ เพราะเธอต้องเต้นกับผม”
ได้ยินดังนั้น มุมปากกู้จื่อเฟยกระตุก ถ้อยคำของเย้นโม่หลินช่างแทงหัวใจเหลือเกิน
ชิวเจ๋อหน้าซีดขาวด้วยความอึดอัด
เย้นโม่หลินกลับไม่มองเขาแม้แต่แวบเดียว จูงกู้จื่อเฟยเข้าฟลอร์เต้นรำทันที
โอบเอวเธอ พลางก้าวเท้าเต้นรำ
เห็นเย้นโม่หลินกับกู้จื่อเฟยเข้าฟลอร์เต้นรำ คนอื่นทีกำลังเต้นรำกันอยู่ก็หลีกทางตรงกลางให้ ให้พวกเขากลายเป็นจุดเด่นจุดสนใจของงาน
กู้จื่อเฟยมองเย้นโม่หลินอย่างตกตะลึง ก่อนหน้านี้เขาไม่เคยบอกว่าจะเต้นรำ
จังหวะนี้ เกรงว่าก่อนหน้านี้เขาไม่แม้แต่จะคิดถึงจุดนี้เลยมั้ง
ทว่าตอนนี้……
กู้จื่อเฟยมองเย้นโม่หลินอย่างหยอกล้อ ถามยิ้มหวาน
“พี่เย้นหึงใช่ไหมคะ?”
สายตาเย้นโม่หลินเปล่งประกาย หึง?ทำไมเขาต้องหึงด้วย
เขากล่าวเสียงเย็นชา”ไม่มี”
กู้จื่อเฟยยิ่งยิ้มอย่างชอบใจ ก้าวเท้าเต้นรำ ร่างกายงดงามของเธอเกือบมุดเข้าไปในอ้อมแขนของเขาอยู่รอมร่อ
เธอพูดแหย่ว่า”แล้วอารมณ์เสียทำไมล่ะคะ?”
“ผมไม่ได้อารมณ์เสีย”
หน้ามืดดำเหมือนก้นหม้อแล้ว กลิ่นอายบนตัวก็ทั้งเย็นเยียบทั้งแข็งกระด้าง
ยังดึงเธอมาเต้นรำอีก มีจุดไหนที่ยืนยันว่าเขา‘ไม่ได้อารมณ์เสีย’กัน?
“พี่เย้นค่ะ ฉันมีดีใจค่ะ”
เย้นโม่หลินยิ้มทำหน้าดำหน้าเครียด กู้จื่อเฟยยิ่งยิ้มกว้างมากขึ้น ดวงตาคล้ายกับท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดวงดาวประกายแสงสดใส
เธอมองเขา กล่าวอย่างภาคภูมิใจเต็มเปี่ยม
“ฉันดีใจที่พี่รู้จักหึงแล้วค่ะ”