สัญญารัก คบกับประธานฮั่ว30วัน - บทที่ 991 นายหญิงที่ยกตนข่มท่าน
กงจืออวีมองไปที่เจียงเป้ยนีอย่างเย็นชาเป็นเวลานาน ดวงตาที่เย็นยะเยือกของเธอเต็มไปด้วยคำเตือน
ทันทีหลังจากนั้น เธอค่อยมองไปยังคนอื่น ก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงเด็ดขาดที่น่าเกรงขามอย่างไม่ต้องสงสัย
“เรื่องของกู้จื่อเฟย ยังตรวจสอบไม่ชัดเจน อาจจะเป็นการกระทำที่ไม่สมควรของชิวเจ๋อ และเฟยเฟยยังคงเป็นผู้ถูกกระทำ ฉันจะตรวจสอบเรื่องนี้ด้วยตัวเองอย่างละเอียด มีเหตุผลจริงเท็จอย่างไร ท้ายที่สุดจะเป็นอย่างไร ฉันจะตรวจสอบให้ละเอียดถี่ถ้วน แล้วจะมาอธิบายให้พวกเธอฟัง และเพื่อความชัดเจนต่อกู้จื่อเฟยด้วย แล้วก็ เรื่องของวันนี้ ถ้าใครกล้าเปิดเผยเรื่องนี้แม้เพียงครึ่ง หรือไปดูถูกรังแกกู้จื่อเฟยเป็นการส่วนตัว ฉันจะไม่ปล่อยไปแน่”
ทุกคนมองไปที่กงจืออวีอย่างหวาดกลัว ไม่คิดมาก่อนว่าด้วยหลักฐานที่หนักแน่นตรงหน้าพวกเขา กงจืออวียังคงทำการตัดสินใจอย่างนี้
คิดไม่ถึง ว่าจะยังรู้สึกว่ากู้จื่อเฟยอาจจะถูกรังแกและตกเป็นเหยื่อ
ในใจของพวกเขาเต็มไปด้วยความตื่นตระหนกและความไม่ยุติธรรม แต่กลับไม่มีใครกล้าท้าทายกงจืออวี
ในฐานะที่เป็นนายหญิงของบ้าน เธอมักจะอ่อนโยนและสง่างาม แต่เธอก็ไม่ได้อ่อนแอไปกว่าผู้นำตระกูล
นี่เป็นหนึ่งในเหตุผลที่ทุกคนในตระกูลเย้น เคารพและเชื่อถือกงจืออวีมาก
ทุกคนก้มหัว ก่อนจะพูดอย่างเรียบร้อยว่า “น้อมรับคำสั่งของนายหญิง”
เจียงเป้ยนียืนอยู่ที่เดิมอย่างงงงัน ด้วยใบหน้าซีดขาว และท่าทีประหลาดใจ
เธอไม่คิดว่าเลยว่ากงจืออวีจะปกป้องกู้จื่อเฟย
พูดถึงการสอบสวน แท้จริงแล้วเชื่อกู้จื่อเฟย ถึงจะปิดช่องโหว่ทุกคนได้ เพื่อไปตรวจสอบเรื่องนี้
หากเธอทำการสอบสวนอย่างละเอียดถี่ถ้วนจริงๆ ทุกเรื่องที่เธอทำจะถูกค้นพบอย่างแน่นอน
ตอนนั้นแล้ว ไม่เพียงแต่กู้จื่อเฟยที่ไม่เป็นอะไร เธอกับเย้นซิวหย่าต่างหากละที่จะจบเห่
เจียงเป้ยนีกลัวเสียจนแทบจะยืนให้มั่นคงไม่ไหว ขาสองข้างสั่นเล็กน้อย
กงจืออวีมองมายังเธอด้วยสายตาเย็นชา ก่อนจะกำชับเธอเป็นพิเศษ “เจียงเป้ยนี ได้ยินที่ฉันพูดชัดไหม?”
การถามรายคนตรงๆ แบบนี้ ไม่มีอะไรมากไปกว่า เป็นคำเตือนพิเศษ
บอกเป็นนัยกับเธอว่า ถ้าหากเรื่องของวันนี้ถูกคนข้างนอกรู้เข้า กงจืออวีจะเป็นคนแรกที่สงสัยว่าเธอเป็นคนปล่อยข่าว
คนแรกที่จะซวย คือเธอ
เจียงเป้ยนีจะไปกล้าโต้แย้งเสียที่ไหน เธอรีบพยักหน้า “ได้ยินชัดแล้วค่ะ เรื่องวันนี้ ฉันจะไม่ปริปากพูดเลยค่ะ ฉัน ที่จริงแล้วฉันก็ไม่คิดว่ากู้จื่อเฟยจะเป็นคนแบบนั่น และอาจจะถูกใส่ความด้วยค่ะ”
“เหอะ ใช่เหรอ?”
กงจืออวียิ้มหยันอย่างมีความหมาย ก่อนจะหมุนกายเดินจากไปอย่างทะนงตัวทันที
แผ่นหลังสวยงามที่ดูเด็ดขาดน่าเกรงขามนั่น ทำให้คนที่กำลังมอง ทำได้เพียงมองห่างๆด้วยความเคารพ
จนกระทั่งกงจืออวีเดินไปไกลจนลับตาแล้ว บรรยากาศที่ขดเกร็งค่อยๆผ่อนคลายลง
ทุกคนต่างมองกันและกัน อย่างไม่รู้จะทำอย่างไรด้วยความมึนงง
แต่คนที่อ่านสถานการณ์ออกกลับไม่ได้พูดอะไรอีกต่อไป และเดินจากไปอย่างเงียบๆ
เรื่องของวันนี้ พวกเขาจะทำเป็นไม่เห็น
เจียงเป้ยนีถูกทิ้งให้อยู่หลังสุด มองกลุ่มคนเดินห่างออกไป ใบหน้าซีดขาวไร้สีเลือด นิ้วมือที่จับกันแน่นสั่นเล็กน้อย
เธอคาดการณ์ไว้เสียดิบดี แต่กลับไม่คิดว่า กงจืออวีจะปรากฏตัวที่นี่ และมาปกป้องกู้จื่อเฟยอย่างไม่ยอมแพ้
หรือเธอจะเชื่อกู้จื่อเฟยแล้ว?
ถ้าเพียงแค่กงจืออวีไปสืบสวนล่ะก็ เธอจบเห่แน่ จบแล้ว จบสิ้นแล้ว
ไม่ได้การ
เธอจะมามัวนั่งรอความตายตรงนี้ไม่ได้ เธอจะมาจบเห่แบบนี้ไม่ได้……
เธอต้องคิดแผนการ คิดแผนรับมือ เธอต้องเร่งคิด
“คุณเจียง……ช่วยผม……ช่วยผมด้วย”
เสียงต่ำอ่อนแรงดังออกมาจากในห้อง
ทันใดเจียงเป้ยนีก็ได้สติกลับคืนมา หันหน้าไปมองชิวเจ๋อที่นอนลมหายใจรวยรินจะตายแหล่ไม่ตายแหล่ในห้องที่ระเกะระกะ
มองไปยังเขา เธอก็โกรธขึ้นมา
แผนที่สมบูรณ์เช่นนี้ ทำไมถึงไม่สำเร็จ?
ไม่ ยังไม่นับว่าล้มเหลวหรอก
อย่างน้อยเย้นโม่หลินก็น่าจะเชื่อ แค่เพียงเย้นโม่หลินคิดว่าถูกหักหลัง และสะอิดสะเอียนกู้จื่อเฟย ถึงแม้กงจืออวีจะปกป้อง กู้จื่อเฟยก็อย่าคิดจะได้อยู่ต่อ
……
กู้จื่อเฟยวิ่งออกมาจากตึก เธอไม่เห็นแม้แต่เงาของเย้นโม่หลินแล้ว และไม่รู้ว่าเขาอยู่ไหน
เธอถามคนมากมาย ถึงค่อยรู้ว่าเย้นโมหลินกลับตึกของเขาไปแล้ว
กู้จื่อเฟยรีบตามไป
ห้องจัดเลี้ยงยังห่างไกลจากตึกหลังเล็กของเย้นโม่หลิน กู้จื่อเฟยรีบวิ่งออกมา ทั้งที่ยังไม่ทันได้ใส่รองเท้า เท้าเปล่าที่เหยียบบนถนน ไม่นานนักฝ่าเท้าที่แบกรับไว้ก็เจ็บปวด
เธออดทนกัดฟัน วิ่งไปข้างหน้าอย่างไม่รีรอ
เมื่อเท้าของเธอที่เจ็บปวดกำลังจะยอมแพ้ ในที่สุดก็ถึงตึกหลังเล็ก เธอรีบวิ่งเข้าไปข้างใน
ด้วยฐานะของเธอในตอนนี้ สามารถเข้าออกตึกเล็กของเย้นโม่หลินทุกรูปแบบได้ตามอิสระ
แต่ว่า ครั้งนี้ เธอกลับถูกขวางไว้ตรงที่ห้องโถงใหญ่
คนที่มาขวางเธอคือ ป่ายฉี
กู้จื่อเฟยรีบพูดว่า “ป่ายฉี หลีกไป ฉันมีเรื่องสำคัญที่ต้องพูดกับพี่เย้น”
ป่ายฉีขมวดคิ้ว “พี่เย้นให้ผมมาขวางคุณ เขาบอกว่าไม่อยากพบคุณ”
“ผมอยากรู้ ว่าคุณไปทำเรื่องอะไรไว้ เขาถึงได้โกรธเสียจนหน้าถมึงทึงแบบนั้น”
“หรือคุณจะอธิบายให้ผมฟังก่อน ผมจะได้ช่วยคุณพิจารณา”
เมื่อเห็นท่าทางที่ไม่ปกติของป่ายฉี กู้จื่อเฟยกลับยิ่งร้อนรน
จากคำพูดของป่ายฉี เธอรู้ว่าเย้นโม่หลินโกรธมาก และไม่อยากเห็นหน้าเธออีกต่อไป
เขาเข้าใจผิดเกี่ยวกับความสัมพันธ์ของเธอกับชิวเจ๋อ
กู้จื่อกู้เฟยรีบพูดอย่างเร่งด่วนว่า “พี่เย้นเข้าใจฉันผิด ทุกอย่างเป็นเรื่องเข้าใจผิด นายรีบหลีกทางให้ฉัน ฉันจะขึ้นไปอธิบายให้เขาเข้าใจก็โอเคแล้ว”
“ไม่ได้”
ถึงแม้ป่ายฉีจะกำลังยิ้ม แต่ทัศนคติของเขาก็ยังแน่วแน่ รูปร่างที่สูงของเขากำลังขวางกั้นกู้จื่อเฟยราวกับกำแพงที่ข้ามไปไม่ได้
“นี่เป็นคำสั่งของพี่ใหญ่ ผมไม่อาจฝ่าฝืน ขืนปล่อยให้คุณเข้าไป คนที่ต้องตายคือผม”
“ถ้าหากนายไม่ให้ฉันเข้าไป คนที่จะตายคือพี่ใหญ่ของนาย”
กู้จื่อเฟยโกรธ
แต่ป่ายฉีกลับแย้งด้วยเสียงอันเบา “ไม่หรอก คนอย่างเขา อย่างมากก็แค่รินไวน์ขาวให้ตัวเองดื่ม ไม่ทำให้ตายหรอก เขาไม่ใช่คนจำพวกที่จะกรีดข้อมือฆ่าตัวเอง”
กู้จื่อเฟย “……”
เธออยากจะแทงป่ายฉีให้ตาย
เป็นคนที่รู้ดีที่สุด แต่กลับยังคงดื้อรั้นที่จะปฏิบัติตามคำสั่งของเย้นโม่หลิน
เธอหายใจเข้าลึกแล้วลึกอีก แล้วพูดอย่างอดกลั้นว่า “ต้องทำยังไงนายถึงจะยอมปล่อยฉันเข้าไป”
ป่ายฉีคิดอยู่ครู่หนึ่ง แล้วพูดอย่างจริงจังว่า “ตอนที่พี่ใหญ่อยากพบคุณ”
กู้จื่อเฟย “……”
เมื่อตอนที่เย้นโม่หลินอยากพบเธอ ไม่รู้ว่าวันนั้นจะมีอยู่ไหม? นอกเหนือจากนี้ หลังจากหรอให้เขาคิดเพ้อเจ้อไปเองคนเดียวถึงจุดนั้น ใครจะรู้ว่าเขาจะตัดสินใจอะไรที่มันน่ากลัวออกมาหรือเปล่า
เธอต้องเจอเขา อธิบายให้ชัดเจน ถึงค่อยจะมีโอกาส
และยิ่งไปกว่านั้น เธอรู้สึกเป็นทุกข์เมื่อนึกถึงท่าทางที่อมทุกข์และโกรธจัดของเย้นโม่หลินก่อนหน้า
ถ้าวันหนึ่งเธอเห็นเย้นโม่หลินกับหญิงอื่นบนเตียงบ้าง และยังไม่รู้ความจริง ตอนที่เธอเข้าใจผิดเขา หัวใจตอนนั้น คงแตกสลายจนเจ็บปวดไปหมด
เธอไม่อยากให้พี่เย้นของเธอเสียใจ