สัญญารัก คบกับประธานฮั่ว30วัน - บทที่ 993 ความสงบก่อนพายุที่กระหน่ำ
กู้จื่อเฟยนิ่งค้างอยู่ที่เดิม ใบหน้าเล็กซีดขาว
สีหน้าของเธอสั่นอย่างรุนแรง น้ำเสียงของเธอเกือบจะหวาดหวั่น
“ทำไมละ ทำไมถึงไม่เจอเขา”
คนตัวใหญ่ที่มีชีวิต จะหายไปในอากาศได้อย่างไร
ป่ายฉีเดินขึ้นบันไดมา ก่อนจะมองไปยังเท้าเปื้อนเลือดของกู้จื่อเฟย และขมวดคิ้ว
ก่อนจะพูดเสียงเข้ม “บางทีก่อนคุณมา เขาคงออกไปทางด้านหลังแล้ว ผมแค่ไม่ได้ระวัง”
“ใช่ไหม?”
กู้จื่อเฟยกะพริบตาอย่างไม่สบายใจ เธอไม่ค่อยเชื่อ แต่เหตุผลนี้ค่อนข้างจะดูมีเหตุผล ทำให้หัวใจที่สั่นเทาของเธอค่อยๆสงบลง
ป่ายฉีเดินไปข้างหน้าเธอ “ผมจะไปหาเขา เชิญคุณจัดการกับตัวเองก่อน”
จัดการตัวเอง?
กู้จื่อเฟยไม่เข้าใจ ก่อนจะมองตามสายตาของป่ายฉี ก่อนจะพบเท้าของตัวเองเต็มไปด้วยเลือดอย่างน่าสยดสยอง
แต่เส้นประสาทของเธอยังคงตึงเครียด ไม่รู้สึกถึงความเจ็บแต่อย่างใด
บางทีอาจจะเจ็บจนช้าไปแล้ว
เธอส่ายหัว “ฉันไม่เป็นไร งานเลี้ยงตอนเย็นค่อยจัดการ ฉันจะไปตามเย้นโม่หลินกับนายด้วย”
ป่ายฉีขมวดคิ้ว ก่อนจะตำหนิ “คุณจะใช้สองเท้ายุ่ยๆนี่ขอความเห็นใจจากเย้นโม่หลิน?”
กู้จื่อเฟยนิ่งไปนิด ก่อนจะพยักหน้าอย่างเห็นด้วย
“จริงสิ เป็นความคิดที่ดี เดี๋ยวรอให้พี่เย้นเห็นเท้าฉันที่เป็นอย่างนี้ก่อน เขาจะต้องเห็นใจฉันแน่ และเขาจะได้สนใจและไม่จากฉันไป”
ป่ายฉี “……” เขาตีความที่เขาเตือนเป็นอย่างนี้หรือ
โง่เขลา ไม่มียาไหนรักษาได้
ป่ายฉีหน้าหม่นแสง “จัดการเท้าคุณให้ดี ไม่อย่างนั้นอย่าไปกับผม”
กู้จื่อเฟยหดหู่ใจ ตอนนี้เธอไม่มีความคิดที่จะจัดการกับเท้าของเธอ อีกอย่างเธอก็ไม่รู้สึกเจ็บด้วย
แต่เมื่อเห็นท่าทางที่ดูท่าจะต่อรองได้ยากของป่ายฉี เธอจึงไม่มีทางเลือกอื่น นอกจากต้องตกลง
อย่างไร แค่ความสามารถของเธอคนเดียวก็ไม่พอ ไม่ง่ายเลยที่จะหาเย้นโม่หลินในอาณาจักรตระกูลเย้น แม้ว่าจะต้องใช้เวลามากในการค้นหา แต่ถ้าป่ายฉีช่วย มันต้องเร็วกว่าแน่นอน
การตามป่ายฉีในตอนนี้ เป็นทางเลือกที่ฉลาดที่สุด
กู้จื่อเฟยกังวลและไม่สบายใจจริงๆ ห้องเก็บไวน์ถูกเย้นโม่หลินทำลายจนกลายสภาพเป็นอย่างนั้น มีแม้กระทั่งคราบเลือด เธอกังวลว่าเขาจะปลงไม่ตก
เมื่อสาวใช้นำกล่องยามา บาดแผลที่เท้าของกู้จื่อเฟยก็ได้รับการดูแลโดยสาวใช้ที่ได้รับการฝึกฝนมาอย่างรวดเร็ว
จากนั้นเธอก็สวมรองเท้าใหม่ที่สาวใช้นำมาให้ ก่อนจะยืนขึ้น
“ไปกันเถอะ”
ป่ายฉีที่นั่งบนโซฟาอย่างเกียจคร้าน มองดูท่าทางฮึกเหิมของกู้จื่อเฟย ก่อนจะมองดูเท้าของเธออย่างใคร่ครวญ
“เมื่อกี้ที่ผมมองไม่ได้ใช้ยาชาใช่ไหม? ท่าทางคุณดูไม่เจ็บเลยสักนิด ดูท่าจะเป็นลางบอกเหตุว่าใกล้จะพิการเสียแล้ว”
กู้จื่อเฟยจะไม่ได้ยินความหมายเสียดสีของเขาได้อย่างไร แต่ตอนนี้เธอไม่มีกะจิตกะใจจะทะเลาะกับป่ายฉี
เธอเร่งเร้า “ไม่ต้องสนฉันหรอก รีบไปหาพี่เย้นเถอะ”
ไม่สนใจเท้าของตัวเองจริงๆ
ป่ายฉีขมวดคิ้ว ไม่สนใจเธออีก ก่อนจะลุกขึ้นแล้วเดินไปข้างนอก
เขาเดินออกจากลานบ้าน เดินขึ้นไปนั่งบนรถชมวิว และขับตรงไปทางฝั่งสวนทิศเหนือและทิศตะวันตก
กู้จื่อเฟยขึ้นรถและพูดด้วยความสงสัย:
“นายตั้งใจจะเริ่มต้นหาจากทางทิศตะวันตกเหรอ?”
ป่ายฉีกลอกตาใส่เธอ “คุณคิดว่าผมไม่มีหัวคิดเหมือนคุณเหรอ?”
ไม่แขวะเธอไม่ได้เลยสินะ
กู้จื่อเฟยกลับไม่สนที่ถูกเหน็บแนม เธอมองไปยังป่ายฉีด้วยแววตาที่สดใส “นายรู้ใช่ไหมว่าพี่เย้นอยู่ไหน?”
เธอไม่เห็นด้วยซ้ำว่าเขากำลังหาอยู่ เพียงเห็นเขามือถือ
ป่ายฉีเชิดคางขึ้นอย่างภาคภูมิใจ และไม่สนใจกู้จื่อเฟย
กู้จื่อเฟยนิ่งไปชั่วขณะ ไม่ได้รับเธอไม่ได้รับคำตอบ และรู้สึกกังวลเล็กน้อย
เธอเดาคร่าวๆว่าป่ายฉีคงรู้ว่าเย้นโม่หลินอยู่ที่ไหน แต่ไม่ได้รับคำตอบ และเธอยังคงรู้สึกสับสนและไม่สบายใจหากไม่เห็นเขา
ถึงอย่างไรเมื่อกี้เธอก็คิดว่าเย้นโม่หลินอยู่ที่ชั้นบน แต่เมื่อไปแล้วกลับไม่มีใครเลย
เธอกลัวว่าจะซ้ำรอยเดิม
ตลอดทาง กู้จื่อเฟยมองไปยังสองข้างทางอย่างกังวล ไม่พลาดทุกที่ที่อาจจะเห็นเงาของเย้นโม่หลิน
เธอเพ่งมอง ในที่สุดสวรรค์ก็เป็นใจ เธอเห็นเย้นโม่หลินอยู่บนทางลาดเล็กๆ ข้างสระน้ำด้านหน้าจากระยะไกล
เขานั่งเอนไปข้างหน้า สภาพของเขาดูทรุดโทรมและอ่อนแอ จ้องมองไปยังสระน้ำโดยไม่รู้ว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่
แม้ว่าจะอยู่ห่างในระยะไกล แต่กู้จื่อเฟยสามารถสัมผัสได้ถึงความกดดันที่แผ่ออกมาจากร่างกายของเย้นโม่หลิน
ใจของกู้จื่อเฟยเต้นระรัว
ป่ายฉีจอดรถอยู่ห่างๆ “คุณไปด้วยตัวเองเถอะ”
เย้นโม่หลินที่อยู่ในอารมณ์โกรธ เขาไม่คิดจะยั่วยุ ระเบียบข้อแรกของการเอาชีวิตรอด คือซ่อนให้ไกล
กู้จื่อเฟยไม่รีรอเวลา เธอกระโดดลงจากรถทันที หลังจากกระโดดมาถึงพื้นเธอก็รู้สึกถึงความเจ็บปวดตรงปลายเท้า
เจ็บปวด ราวกับเท้าเธอแตกละเอียด
แต่เธอหยุดเพียงนิด แล้วรีบวิ่งไปหาเย้นโม่หลิน
ในไม่ช้า กู้จื่อเฟยก็วิ่งมาถึงข้างกายเย้นโม่หลิน
เมื่อเดินเข้าไปใกล้ เธอถึงเพิ่งจะมองเห็นได้ชัดเจน เขานั่งบนขอบสระด้วยสายตาที่ว่างเปล่า มองดูสระน้ำ แต่ดูเหมือนจะไม่มีจุดโฟกัส
กลิ่นอายของเขากดดันต่ำมาก ราวกับถูกน้ำแข็งแช่แข็ง
เธอเดินไปข้างกายเขา แต่เขากลับไม่ตอบสนอง
ราวกับไม่รู้ว่าเธอมา หรือราวกับไม่อยากที่จะสนใจเธอ
กู้จื่อเฟยทำใจ เธอนิ่งไปครู่ แล้วค่อยนั่งลงข้างเขา
เธออยู่ใกล้เขามาก อยู่ใกล้เพียงครึ่งฝ่ามือ
เมื่อเข้าไปใกล้ เธอได้กลิ่นแอลกอฮอล์จางๆ โชยมาจากร่างกายของเขา ไม่รู้ว่าเขาดื่มหรือว่ามันเปื้อนร่างของเขา เมื่อถูกลมพัด กลิ่นอ่อนจางลงไปมาก
แต่สื่งหนึ่งที่แน่นอนคือ เย้นโม่หลินไม่ได้ดื่มมาก และไม่ได้ดื่มจนเมา
เขาเพียงแค่ทำลายห้องเก็บไวน์
“พี่เย้นคะ”
กู้จื่อเฟยเรียกเขาเบาๆ
เย้นโม่หลินมองไปยังสระน้ำด้วยสีหน้าว่างเปล่า ไม่ได้ตอบอะไร
ท่าทางนิ่งงันของเขา ราวกับป้องกันตัวเองจากเธอโดยสมบูรณ์
กู้จื่อเฟยไม่รู้จะทำอย่างไร หัวใจของเธอปวดหนึบราวกับมีอะไรกดทับ เธอเม้มริมฝีปาก นำกล่องยาที่นำมาด้วยออกมาจากข้างหลัง
เธอเปิดกล่องยา ดึงแขนเสื้อของเย้นโม่หลินขึ้น ก่อนจะหยิบยาและสำลีก้านออกมาทำความสะอาดแผล
ร่างกายของเย้นโม่หลินแข็งทื่อ แต่กลับไม่มีการต่อต้านที่ชัดเจน อนุญาตให้เธอจัดการ
กู้จื่อเฟยนำยาทาลงบนบาดแผลตรงแขนของเย้นโม่หลินอย่างระมัดระวัง แผลนี่น่าจะถูกเศษแก้วจากไวน์บาดเข้าให้
ตลอดกระบวนการ เธอทำความสะอาดและพันผ้าพันแผลอย่างอดทน เขาไม่ได้พูดอะไร เหลือบมองไปยังเธอ แต่ก็ไม่ต่อต้าน เหมือนหุ่นเชิดที่ถูกเธอจับเล่น
ไม่นาน กู้จื่อเฟยจัดการบาดแผลอย่างละเอียดรอบคอบ
เธอเชยตามองเย้นโม่หลินที่ยังไม่ขยับ ไม่รู้เลยว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่
ไม่โกรธ สงบเสียจนเธอกลัว
ไม่ผลักไสเธอ แต่เขาเพิกเฉยต่อเธออย่างสมบูรณ์
ความรู้สึกนี้เหมือนความสงบก่อนพายุโหมกระหน่ำ เหมือนเปลือกนอกที่แข็งและเย็น ภูเขาไฟที่ไหลเชี่ยว พร้อมจะปะทุได้ทุกเมื่อ