สัญญารัก คบกับประธานฮั่ว30วัน - บทที่ 995 ผมจะไม่ปล่อยให้คุณอยู่คนเดียวอีก
ทั้งสองกอดกันอยู่ที่ริมทะเลสาบครู่หนึ่ง ก่อนที่จะเตรียมตัวจากไป
เมื่อกู้จื่อเฟยยืนขึ้น เธอจึงพบกับความเจ็บปวดที่แล่นผ่านเจ็บปวดราวกับถูกเข็มแทง เธอนิ่งไปในทันที เกือบจะยืนไม่อยู่
เย้นโม่หลินรีบยื่นมือออกไปประคองเธอ
“เป็นอะไรไป?”
เขาขมวดคิ้ว ก่อนจะมองไปที่เท้าของเธออย่างเป็นห่วง
กู้จื่อเฟยเจ็บจนเหงื่อไหลเต็มหน้าผาก ตัวเองเกือบจะยืนไม่ได้
เส้นประสาทของเธอผ่อนคลายลง ความเจ็บที่เท้าเลยเริ่มกลับมาอีก ก่อนหน้าเธอกดมันเอาไว้ ตอนนี้เธอเริ่มเจ็บปวดมาก
เธอเอนตัวลงในอ้อมแขนของเขาและพูดเสียงอ่อน
“เท้าฉันมีแผล พอยื่นแล้วเจ็บนิดหน่อยค่ะ”
เจ็บนิดหน่อย?
เธอเหงื่อออกเต็มหน้าแถมสีหน้ายังซีดเผือด ดูท่าจะไม่ได้นิดหน่อย
แถมดูจากสถานการณ์นี้ กู้จื่อเฟยไม่ได้เพิ่งจะมาเจ็บแน่
เย้นโม่หลินขมวดคิ้ว มองไปยังที่ว่างรอบตัว
“คุณมาได้ยังไง?”
กู้จื่อเฟยตอบอย่างตรงไปตรงมาว่า “ป่ายฉีขับรถชมวิวมาส่งค่ะ”
ไม่ได้พึ่งสองขาของเธอเดินมา ทำให้สีหน้าของเย้นโม่หลินดีค่อยดีขึ้นหน่อย
เขาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา แล้วโทรออก
ไม่กี่นาที บนถนนก็มีรถขับตรงมาหา เป็นป่ายฉีนั่นเอง
ป่ายฉีมองดูคนสองคนที่กำลังนั่งยองๆ ด้วยกันอย่างครุ่นคิด จึงรู้ว่า เย้นโม่หลินถูกกู้จื่อเฟยจัดการแล้ว
ผู้ชายนี่หนอ จะรอดจากมือของผู้หญิงได้อย่างไร?
ป่ายฉีขับรถเข้าไปหาพวกเขาพลางหัวเราะเยาะ ก่อนจะยิ้มแล้วพูดว่า
“สภาพแวดล้อมที่นี่เงียบสงบและไม่มีใครมารบกวนได้ เป็นโอกาสที่ดีสำหรับคุณและเธอ ทำไมคุณถึงรีบร้อนออกไปนัก”
ถึงแม้จะหน้าหนาเหมือนกู้จื่อเฟย แต่มุมปากก็อดไม่ได้ที่จะกระตุก อะไรที่หมายความว่า โอกาสดีๆ?
เธอเป็นคนที่อยู่ในช่วงเวลาที่รีบร้อนเหรอ?
พี่เย้นต้องซ่อนเรื่องนี้เอาไว้ในห้อง ไม่สามารถให้คนนอกรู้ได้ เดี๋ยวจะโดนดูถูกได้ ใช่ไหม?!
เย้นโม่หลินไม่สนใจเรื่องไร้สาระที่ป่ายฉีพูด ก่อนจะอุ้มกู้จื่อเฟยขึ้นในท่าอุ้มเจ้าหญิง
เธอที่เสียการทรงตัว ทำให้กอดคอของเย้นโม่หลินโดยไม่รู้ตัว ใบหน้าเล็กๆ ของเธอก็เอนเข้ามาใกล้เขาในทันใด
เธอมองเขาอย่างโง่เขลาและพูดอย่างเขินอาย:
“อ๊าย อุ้มกันทำไมไม่บอกสักนิดละคะ ฉันนึกว่าจะบังคับจูบฉันอีกแล้วเสียอีก”
เย้นโม่หลิน “……” เมื่อกี้ใครบังคับใคร?
เมื่อคิดถึงจูบเมื่อครู่ ใบหูของเย้นโม่หลินก็เปลี่ยนเป็นสีแดง
ป่ายฉีที่กำลังบังคับพวงมาลัย “……”
ภาพตรงหน้า มันช่างทำให้น่าเดือดดาลเสียจริง
นี่เขาสมองผิดปกติเหรอ รับโทรศัพท์ของเย้นโม่หลินและมารับเขาอย่างเชื่อฟัง?
ยังโดนแสดงความรักโชว์อีก
เขาอิ่มแล้ว ดูจนอิ่มแล้ว
ป่ายฉีมองบนใส่กู้จื่อเฟยอีกครั้ง อย่างเต็มไปด้วยความเกลียดชัง
เขาขับรถไปพลางรังเกียจไปพลาง ขับพาเย้นโม่หลินและกู้จื่อเฟยไปส่งที่ตึกเล็ก เดิมทีตั้งใจจะหันหลังกลับไปแล้ว แต่สรุปว่า เย้นโม่หลินกลับอยากให้เขาใส่ยาบนเท้าให้กู้จื่อเฟยด้วยตัวเอง
กู้จื่อเฟยยิ้มอย่างไร้เดียงสาเป็นพิเศษ “รบกวนด้วยน้า ป่ายฉี”
ขอร้องอย่างไร้เดียงสา
ป่ายฉีขบฟัน “เข้าไปล้างเท้าก่อน ผมเหม็น”
รอยยิ้มบนใบหน้าของกู้จื้อเฟยกลายเป็นแข็งกระด้าง ก่อนจะพูดอย่างโกรธเคือง “ฉันไม่ได้เป็นเกลื้อนนะ”
หมอที่ไหนจะรังเกียจเท้าเหม็นกัน ไม่มีความเป็นมืออาชีพเลย
ทั้งสองถลึงตาใส่กัน ก่อนจะเดินเข้าไปในตึกเล็ก
เมื่อเดินเข้ามาถึงห้องโถงใหญ่ กู้จื่อเฟยถูกเย้นโม่หลินวางบนโซฟาอย่างเบา ป่ายฉีไปหยิบกล่องยามาใหม่
เย้นโม่หลินนั่งยองอยู่ข้างโซฟา และยื่นมือออกไปถอดรองเท้าให้กู้จื่อเฟย
กู้จื่อเฟยตกใจมาก จนรีบเอื้อมไปจับมือเย้นโม่หลิน
“จะถอดให้ฉันเหรอคะ?”
มือที่สูงศักดิ์ของเย้นโม่หลิน จะมาถอดรองเท้าให้เธอได้อย่างไร?
ถึงแม้ถูกโอ๋จะทำให้เธอมีความสุข แต่เธอกลัวจะอายุขัยสั้นลงเพราะความสุขนะสิ
เธอรีบพูดว่า “ฉันทำเองค่ะ ฉันเอง”
เธอพูดพลาง ผลักมือของเย้นโม่หลินออกไปอย่างอดไม่ได้ จากนั้นจึงปลดเชือกรองเท้าออกอย่างรวดเร็ว ก่อนจะถอดรองเท้าออก
เย้นโม่หลินมองดูกู้จื่อเฟยที่ทำได้อย่างราบรื่น โดยไม่ได้พูดอะไร ก่อนจะนั่งลงข้างกายเธอ
แต่เมื่อสีหน้าไม่ใส่ใจของเขาเห็นบาดแผลบนเท้าของกู้จื่อเฟยอย่างชัดเจน ก็พลันเปลี่ยนเป็นมืดหม่น
เขาพูดเสียงขรึมว่า “ทำไมเท้าของคุณถึงบาดเจ็บอย่างนี้? ใครทำ?”
กู้จื่อเฟยรู้สึกสยดสยองเล็กน้อยเมื่อเห็นสภาพเท้าของเธอ รู้สึกอับอายเล็กน้อย ที่ทารุณตัวเองเสียขนาดนี้ เพราะเธอทั้งหมด
ป่ายฉีพูดเหน็บแนมว่า “จะใครเสียอีกละ ถ้าไม่เพราะตัวคุณกู้เอง”
แก้มของกู้จื่อเฟยแดง ก่อนจะถลึงตามองป่ายฉี บอกเขาเป็นนัยว่าห้ามพูด
ป่ายฉีฟังที่ไหน ก่อนจะพูดเย้ยต่อไปอีกอย่างเล่นใหญ่
“เธอไม่เพียงมาที่นี่ด้วยเท้าเปล่าจากงานเลี้ยงเท่านั้น แต่เธอยังเดินไปมาในห้องเก็บไวน์ของคุณด้วยเท้าเปล่าอีกด้วย ตอนยังไม่ถูกรักษา เลือดผสมเหล้าทำให้พื้นชั้นสองสกปรกไปหมดเลย”
ยิ่งได้ฟัง สีหน้าของเย้นโม่หลินยิ่งมืดหม่น
เขาขมวดคิ้วแน่น และมองไปที่กู้จื่อเฟยดวงตาที่กดดัน
“เพราะว่าหาผมใช่ไหม?”
กู้จื่อเฟยกะพริบตาราวกับเด็กที่ทำผิด
ในตอนนั้น เธอกังวลมาก ดังนั้นเธอจึงไม่สนใจเท้าของเธอ และต้องการหาเย้นโม่หลินโดยเร็วที่สุด แต่เธอกลับทำให้เท้าของตัวเองอยู่ในสภาพเช่นนี้ กลับทำให้เย้นโม่หลินเจ็บปวดใจ และโทษตัวเอง
เย้นโม่หลินถอนหายใจอย่างหนัก
เขามองดูเท้าเล็กๆ ที่บาดเจ็บของเธอด้วยความสงสาร และพูดอย่างเคร่งขรึม:
“ต่อไปผมจะไม่ปล่อยให้คุณอยู่คนเดียวอีก ไม่ว่าเรื่องใดก็ไม่อีกแล้ว”
ถ้าหากรู้แต่แรกว่าการที่เขาออกไปจะทำให้เธอบาดเจ็บ เขาจะไม่จากไปแน่นอน
คำพูดที่เหมือนคำสาบานทำให้หัวใจของกู้จื่อเฟยเต้นเร็วขึ้น
ฟ้าหลังฝนช่างสวยงามจริงๆ
เจียงเป้ยนีกล้าที่จะใส่ร้ายเธอ แต่เพราะอุบายนี้ ไม่เพียงแต่ทำให้เธอได้เปรียบโดยไม่ต้องเสียแรง มันยังทำให้ความรู้สึกระหว่างพวกเขาลึกซึ้งขึ้นไปอีกขั้น
กู้จื่อเฟยเอื้อมมือไปกอดคอของเย้นโม่หลิน ก่อนจะหอมแก้มเขา
“ฉันจำไว้แล้วนะ ต่อไปไม่อนุญาตให้หลอกลวง”
เย้นโม่หลินแข็งทื่อ อึดอัดเล็กน้อย แต่เขาตอบอย่างจริงจังว่า “โอเค”
ป่ายฉี “……”
เห็นคนนอกที่นั่งหัวโด่อยู่ตรงนี้ไหม? อยากจะทิ้งกล่องยาไว้ แล้วลาออกไปจริง
กู้จื่อเฟยเหยียดยื่นเท้าออกไปให้ป่ายฉีรักษาแผล ก่อนจะนึกอะไรออก
เธอพูดอย่างกังวลว่า
“พี่เย้น ยังมีอีกเรื่องใหญ่เรื่องหนึ่ง ที่ฉันยังไม่ได้บอกคุณ”
สีหน้าของเย้นโม่หลินไม่ใส่ใจ “เรื่องอะไร?”
กู้จื่อเฟยตื่นตระหนกเล็กน้อย “ตอนที่ฉันออกมาฉันเห็นเจียงเป้ยนีกับกลุ่มคนในตระกูลเย้น พวกเขายุยงว่าฉันกับชิวเจ๋อทำอะไรสกปรกกัน แต่ฉันรีบวิ่งมาหาคุณก่อน”
ตอนนี้พวกเขา คงนำเรื่องพวกนี้ ไปบอกให้หลายคนรู้แล้ว
ถ้าเป็นเช่นนั้น ชื่อเสียงของเธอคงย่อยยับ
ในอนาคตจะมีความรักกับเย้นโม่หลินอย่างมีความสุขได้อย่างไร?
เย้นโม่หลินพูดเสียงขรึม “ไม่ต้องห่วง แม่ของผมระงับเรื่องนี้ไว้แล้ว ไม่มีใครเอาไปปแพร่งพรายต่อหรอก”
กู้จื่อเฟยมองไปยังเย้นโม่หลินด้วยความประหลาดใจ