สัญญารัก คบกับประธานฮั่ว30วัน - บทที่ 998 ขโมยไก่ไม่ได้ เสียข้าวสารอีกกำมือ
เกิดความโกลาหลขึ้นในที่เกิดเหตุ
ชิวเจ๋อสัมผัสได้ถึงความอันตราย เขาคุกเข่าลงบนพื้นอีกครั้ง “ผมขอร้องคุณ”
เย้นโม่หลินมองเขาด้วยสายตาเย็นชาอย่างยิ่ง
เจียงเป้ยนียืนอยู่ท่ามกลางฝูงชนแต่เช้าตรู่ เมื่อเห็นสิ่งนี้ เธอแสร้งทำเป็นโกรธและพูดตำหนิว่า
“ชิวเจ๋อ ถึงแม้คุณกับกู้จื่อเฟยจะเป็นรักแรกพบ และมีความสัมพันธ์แบบสามีภรรยา แต่ว่าเรื่องนี้คุณต้องให้ความสำคัญกับความสัมพันธ์ที่ว่าใครมาก่อนมาหลังด้วย หากสืบสวนขึ้นมา คุณก็จะเป็นแค่มือที่สามที่ทำลายความรักของคนอื่น แล้วคุณจะยังมีคุณสมบัติอะไรที่จะมาขอความสมหวังที่นี่”
เมื่อคำพูดที่โกรธเคืองถูกกล่าววาจาออกมา เหล่าผู้คนที่ไปจับชู้ด้วยกันเมื่อวาน ก็อดไม่ได้ที่จะพูดออกมา
“ก็คือ เมื่อวานในห้อง เห็นคุณถูกซ้อมตีปางตาย เลยไม่ได้ซ่อมแซมอีก คุณคิดว่าคนตระกูลเย้นเราถูกกดขี่ข่มเหงง่าย เป็นพระอรหันต์ และสามารถทนต่อการยั่วยุและความอัปยศของคุณครั้งแล้วครั้งเล่าได้หรือ?”
“เมื่อวานฉันน่าจะฆ่าแกพร้อมกู้จื่อเฟยนั่น!”
หลายคนพูดผรุสวาทอย่างโกรธจัด
ดวงตาของคนอื่นเบิกกว้าง ในที่สุดเรื่องนี้ก็ได้รับการยืนยัน
สิ่งที่ชิวเจ๋อพูดเป็นความจริง!
และมันก็เกิดขึ้นเมื่อวาน และยังถูกจับได้เสียด้วย แถมยังเกิดมีความสัมพันธ์กับกู้จื่อเฟย
ผู้คนต่างมองไปที่ชิวเจ๋ออย่างโกรธจัด
กัดฟันและสาปแช่งไปด้วย
“ไอ้คนระยำ กล้ามาทำเรื่องงามหน้าในตระกูลเย้น ไอ้นี่มันรนหาที่ตายเสียจริง”
“ขายหน้านัก ทำให้ตระกูลเย้นขายขี้หน้า!”
“นายน้อยครับ คนแบบนี้จะสามารถอยู่ต่อไปในตระกูลเย้นได้อย่างไร? ควรเอาออกไป กู้จื่อเฟยก็เหมือนกัน ก็ควรจะต้องออกไป”
“ใช่ครับนายน้อย กู้จื่อเฟยกล้าทำเรื่องที่ไร้ยางอายและหักหลังนายน้อยได้ลงคอ จะยังเก็บเธอไว้ทำไมกัน? เลิกเลย ต้องเลิก”
“พวกเราไม่ยอมรับผู้หญิงไร้ยางอายแบบนี้ให้มาเป็นคุณนายตระกูลเย้นของเราหรอก พวกเราตระกูลเย้น จะไม่ไว้หน้าคนคนนี้”
ผู้คนดุด่า เกลี้ยกล่อม เต็มไปด้วยความขุ่นเคือง
เจียงเป้ยนีมองดูทุกอย่างนี้ด้วยสายตาเย็นชา มุมปากมีรอยยิ้มน้อย
เธอมีวิธีที่จะทำลายชื่อเสียงของกู้จื่อเฟยเสมอ
เมื่อเห็นเช่นนี้ ชิวเจ๋อก็ถอนหายใจ ในที่สุดภารกิจนี้ก็สำเร็จ เพียงแค่ยุยงผู้คน แล้วฉวยโอกาสหนีไป เขาก็มีชีวิตรอด
แถมยังได้รับเงินทองมหาศาล
เย้นโม่หลินยืนอยู่ที่หน้าประตู ด้วยสายตาเย็นเยียบ คิ้วของเขาขมวดมุ่น สีหน้ามืดหม่น
อกของเขาสุมไปด้วยไฟโกรธ เขาต้องการแผดเผาคนเหล่านี้ให้วอด
ในเวลานี้ ก็มีเสียงแหลมสูงก็ดังขึ้นชัดเจน
“บอกว่าฉันมีความสัมพันธ์กับชิวเจ๋อ พวกคุณมีใครเห็นด้วยตาตัวเองบ้าง”
ตามเสียงไป กู้จื่อเฟยนั่งอยู่บนรถเข็น โดยมีสาวใช้กำลังเข็นให้ออกมาข้างนอก
เมื่อทุกคนเห็นเธอ พวกเขาก็โกรธขึ้นมาทันใด
“กู้จื่อเฟย นี่เธอไม่อายที่จะออกมาบ้างหรือ?”
“ทำเรื่องพรรค์นี้ แล้วโดนจับได้ ยังจะกล้าเถียงอย่างไม่มีเหตุผล? ไร้ยางอายเสียจริง”
กู้จื่อเฟยมองไปยังใบหน้าคุ้นเคยที่เห็นเมื่อวานกำลังด่าเธอแบบสาดเสียเทเสีย
พวกเขาคิดว่าพวกเขาได้เห็นกับตาของพวกเขาเอง และพวกเขาก็คิดไปเองในใจแล้ว ว่าเธอทำเรื่องอย่างว่า
กู้จื่อเฟยหันไปมองเย้นโม่หลินที่ยืนอยู่ข้างๆ มองดูคนเหล่านั้นด้วยความรังเกียจ
เธอยิ้มเย้นหยัน
“พวกคุณเอาแต่บอกว่าเห็นกับตา แล้วเห็นฉันกำลังทำกิจกรรมบนเตียงกับชิวเจ๋อไหม หรือคุณแค่เห็นฉันวิ่งออกจากห้องด้วยเสื้อผ้าที่ไม่เรียบร้อย? และในขณะนี้ชิวเจ๋อก็อยู่ในชุดเสื้อเชิ้ตที่ไม่เรียบร้อย นอนพะงาบอยู่ในห้องหรือ?”
“ถึงแม้จะแค่เห็นเธออยู่ในชุดเสื้อผ้าที่หลุดลุ่ย หญิงชายอยู่ในห้องเดียวกันก็ไม่ใช่เรื่องดีแล้ว! ถ้าหากพวกเธอบริสุทธิ์ นายน้อยคงไม่ตีชิวเจ๋อปางตายหรอก”
กู้จื่อเฟยแย้มริมฝีปากอย่างเย้ยหยัน “พูดอย่างนี้ ไม่ได้เห็นกับตาละสิ”
ทุกคนนิ่งไป
จากนั้น จึงผรุสวาทออกมาอย่างแรงว่า “กู้จื่อเฟย เธอนี่ล้วนไม่เหมาะสม เถียงข้างๆคูๆ อย่าคิดว่าเธอจะพูดอย่างนี้ แล้วมันจะสามารถชะล้างเรื่องเหยียบเรือสองแคมนี้ของเธอได้นะ”
กู้จื่อเฟยใช้สายตารังเกียจมองไปยังชิวเจ๋อและเจียงเป้ยนี ก่อนจะหยิบปากกันบันทึกเสียงออกมาจากตัว
“โชคดีที่ฉันพกปากกาบันทึกเสียงติดตัว เมื่อเจออันตรายจึงเปิดอัดบันทึกเสียง ไม่คิดว่ามันจะมีประโยชน์ในเวลานี้”
ปากกาบันทึกเสียง?
ทันใดชิวเจ๋อก็เงยหน้าขึ้นและมองไปที่ปากกาสีดำเล็กๆ ในมือของกู้จื่อเฟยด้วยความประหลาดใจ
เมื่อวานนี้ เขาได้สัมผัสกับกู้จื่อเฟยแบบแนบเนื้อ และเขายังฉีกเสื้อผ้าของเธอออกเกือบทั้งหมด แต่เขาไม่พบปากกาบันทึกเสียงบนร่างกายของเธอนี่?
เกิดอะไรขึ้น?
เขายังคิดไม่ตก กู้จื่อเฟยพลันกดเปิด ทันใดปากกาบันทึกเสียงก็มีเสียงดังแว่วออกมา
“ชิวเจ๋อ นี่คุณเข้ามาในห้องฉันทำไมกันคะ? ฉันกำลังเปลี่ยนเสื้อผ้าอยู่นะ คุณออกไป!”
“ผมใช้ลวดแงะประตูเข้ามา จะยอมจากไปได้อย่างไรละ? ……เฟยเฟย รูปร่างของคุณดีมาก”
“นี่คุณพูดอะไร? คุณ อย่าเข้ามานะ”
เสียงฝีเท้าที่ร้อนรนดังขึ้นในเทปอัด คล้ายกับกู้จื่อเฟยกำลังรีบร้อนที่จะหลบเลี่ยง
“ชิวเจ๋อ ฉันไม่รู้หรอกนะว่าคุณคิดอะไรอยู่ แต่คุณรีบออกไปจากที่นี่เสีย ฉันเป็นแฟนของเย้นโม่หลิน ฉันไม่มีความคิดอะไรแบบนั้นกับคุณเลยสักนิด ได้โปรดระมัดระวังคำพูดและการกระทำของคุณด้วยค่ะ”
“เฟยเฟย แต่ผมตกหลุมรักคุณตั้งแต่แรกเห็น เมื่อผมเห็นคุณ ผมก็คิดถึงคุณเสียจนลืมไม่ลง และอยากอยู่กับคุณทุกวินาทีเลย ตอนนี้ในห้องมีเพียงเราสอง ดีงามมาก เป็นใจให้เราทำเรื่องสนิทสนมกันได้พอดี”
“ไอ้เลวระยำ แกอย่ามาพูดจาไร้ยางอาย! อย่าเข้ามานะ ไม่อย่างนั้น ไม่อย่างนั้นเย้นโม่หลินไม่มีทางปล่อยแกไปแน่ เขาฆ่าแกแน่”
“ตายเพื่อหญิงงาม ก็ถือว่าสมควรแล้ว”
จากนั้น ก็มีเสียงของสิ่งของแตกกระจาย พร้อมกับเสียงกรีดร้องอันตื่นตระหนกของกู้จื่อเฟย
“อย่าเข้ามานะ! อย่าเข้ามา!”
“ไม่ฟังกันเลยวะ ในเมื่อคุณไม่ให้ความร่วมมือ ผมคงต้องใช้กำลังแล้ว”
……
ในขณะนี้ กู้จื่อเฟยกดปุ่มปิดมัน
ผู้คนในที่เกิดเหตุต่างพากันตกตะลึง ตกใจจนพูดอะไรไม่ออก
นี่คือความจริง มันเป็นอย่างนี้เองหรือ?
ตั้งแต่ต้นจนจบ ไอ้สวะชิวเจ๋อเข้ามาในห้องเพื่อกระทำการหยามเกียรติ? แล้วยังหน้าด้านพูดว่าเป็นรักครั้งแรก เราสองรักกันด้วยใจจริง
ทุกคนโกรธจัด
“ไอ้เลวชาติ! คิดไม่ถึงว่าแกจะมาทำเรื่องบัดซบแบบนี้ในตระกูลเย้นของเรา แล้วยังกล้าใส่ร้ายคุณกู้!”
“น่าขยะแขยงนัก! แกมันสมควรตาย!”
“อย่างไรก็ปล่อยมันไปไม่ได้ คนอย่างนี้มันเป็นเศษเนื้อร้าย กล้าที่จะวางแผนใส่ร้ายว่าที่คุณนายตระกูลเย้นในอนาคต ช่างน่ารังเกียจ”
เรื่องกลับตาลปัตรแล้ว ความโกรธและเกลียดชังของทุกคนแผ่ซ่านไปยังชิวเจ๋อ
ชิวเจ๋อตกตะลึง
ใบหน้าของเขาซีดขาว และเขาไม่รู้ว่าทำไมถึงกลายมาเป็นอย่างนี้ได้
ใบหน้าของเจียงเป้ยนีน่าเกลียดมาก เธอกำมือแน่น ในใจไม่สามารถซ่อนความโกรธและความตื่นตระหนกของเธอเอาไว้ได้
เธอกัดฟันมองไปที่ชิวเจ๋อ ใช้สายตาประณามเขาว่าทำไมปล่อยให้กู้จื่อเฟยอัดเสียงเอาไว้ได้
ขโมยไก่ไม่ได้ แล้วยังเสียข้าวสารอีกกำมือ
ชิวเจ๋อตื่นตระหนกไปทั่วร่าง
ร่างกายของเขาสั่นโดยไม่รู้ตัว ไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรต่อไป!
ท่าทางโหดร้ายและโกรธจัดของผู้คนรอบข้าง ไม่ปล่อยเขาไปแน่
แผนแตกกระเจิง เจียงเป้ยนีไม่ละเว้นเขาแน่
ร่างกายของชิวเจ๋ออดไม่ได้ที่จะสั่น เหงื่อเย็นไหล่ท่วมกาย
เขาเห็นกู้จื่อเฟยเก็บปากกาบันทึกเสียง แต่ทันใดนั้นก็นึกอะไรบางอย่างขึ้นได้
“ไม่จริง เธอโกหก! เธอไม่ได้เอาปากกาบันทึกเสียงไป เสียงนั่นมันปลอม!”