สัญญารัก คบกับประธานฮั่ว30วัน - บทที่243 อารมณ์รุนแรงโหดร้ายที่ไม่เหมือนใคร
บทที่243 อารมณ์รุนแรงโหดร้ายที่ไม่เหมือนใคร
ฉูรั่วไป๋ยิ้มอย่างพอใจ แล้วก็อธิบายให้เย้นหว่านฟังต่ออย่างอดทน
แต่ว่าตอนนี้สีหน้าของโห้หลีเฉินนั้นดูไม่ดีเอามากๆ ละสายตาออกมาจากหนังสือ แล้วก็จ้องไปที่เย้นหว่านและฉูรั่วไป๋ที่อยู่ใกล้ตัวเองมากๆ
มีกองไฟสุมอยู่ในอกของเขา แทบจะรอไม่ไหวที่จะเตะฉูรั่วไป๋ลงมหาสมุทรแปซิฟิกไป
โห้หลีเฉินเกิดมาอย่างมีเกียรติและสูงศักดิ์ ทรงพลัง และยิ่งไปกว่านั้น เขาไม่สามารถควบคุมโทสะของตัวเองได้ตั้งแต่ไหนแต่ไร ใครที่รกหูรกตาก็จะโดนทำร้ายทันที อย่างฉูรั่วไป๋ตอนนี้ ไม่รู้ว่าจะตายไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้งแล้ว
แต่ว่าในขณะนี้ เขากลับจำเป็นต้องกดความโกรธในหัวใจของตัวเองไว้ อดทนต่อการที่ฉูรั่วไป๋ยั่วยุเขาต่อหน้าต่อตา
ทั้งหมดก็เพื่อเย้นหว่าน
โห้หลีเฉินสูดหายใจเข้าลึกๆ เม้มปาก แล้วก็ผลักหนังสือตรงหน้าของตัวเองไปทางเย้นหว่าน
เสียงไม่สูงไม่ต่ำ แต่ว่าดูเอาแต่ใจสุดๆ
“เย้นหว่าน อธิบายตรงนี้ให้ฟังหน่อย”
ฉูรั่วไป๋ที่กำลังอธิบายอยู่ก็หยุดกะทันหัน มองหน้าโห้หลีเฉินด้วยสีหน้าที่มึนงง สีหน้าเหมือนกับเห็นผียังไงยังงั้น
เขาไม่ได้ฟังผิดใช่ไหม?
คนที่สูงส่ง ไม่มีอะไรที่ไม่รู้ ไม่มีอะไรที่ทำไม่ได้อย่างโห้หลีเฉิน คุณโห้ แต่ว่าตอนนี้กลับถือหนังสืออยู่เล่มหนึ่ง แล้วให้เย้นหว่านอธิบายให้เขาฟัง!
เยสเข้ ลำดับขั้นตอนนี้มันบ้าไปแล้วรึเปล่า?
แต่ว่าเย้นหว่านชินแล้ว เธอลังเลเล็กน้อย “รอให้ฉันฟังจบก่อนได้ไหม? ” การแซงคิวมันเป็นเรื่องที่ไม่มีมารยาทมากๆ ยิ่งไปกว่านั้นโห้หลีเฉินยังมาพูดแทรกแบบนี้อีก เมื่อก่อนเขาไม่ได้ไร้คุณสมบัติแบบนี้นี่
แต่ว่าท่าทีของโห้หลีเฉินกลับเอาแต่ใจมากยิ่งขึ้น น้ำเสียงของเขานั้นทำให้ไม่สามารถปฏิเสธได้ง่ายๆ
“ไม่ได้”
เย้นหว่าน:“……”สรุปแล้วใครขอให้ใครช่วยกันแน่?
แต่ว่าสุดท้ายแล้วเมื่อต้องเผชิญหน้ากับโห้หลีเฉิน เย้นหว่านก็เคยชินกับการหวาดกลัวเขา เธอก็เลยทำได้แค่หันหน้ากลับไปมองโห้หลีเฉิน แล้วก็ดูหนังสือที่เขาผลักมาให้
พอดีกัน มันเป็นเนื้อหาที่ฉูรั่วไป๋อธิบายให้เธอฟังเมื่อกี้นี้
พอมาอ่านแบบนี้ ก็ไม่จำเป็นต้องให้ฉูรั่วไป๋อธิบายต่อแล้ว เธอเข้าใจทั้งหมดแล้ว
ฉูรั่วไป๋นั่งอยู่ตรงนั้นด้วยสีหน้าที่หดหู่ มองดูท่าทางที่โห้หลีเฉินตั้งใจฟังเย้นหว่านอธิบายเนื้อหาอยู่นั้น ก็ได้แต่รู้สึกเหมือนกับว่ามีม้าหญ้าโคลนเป็นหมื่นตัวกำลังวิ่งอยู่ในใจเขาตอนนี้
คิดว่าเขามองไม่ออกเหรอ? ถึงแม้ว่าโห้หลีเฉินจะดูเหมือนกับว่ากำลังตั้งใจฟังเธออธิบาย แต่ว่าความสนใจของเขา 90% อยู่ที่เย้นหว่าน
นี่มันเป็นการเรียนที่ไหนกัน ก็เห็นได้ชัดอยู่ว่ามันเป็นการจีบสาว!
ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของโห้ถิงกรุ๊ปที่สง่างาม มาลดเกียรติถามไถ่ผู้ที่ต่ำกว่าแบบนี้ ไม่อายหรือยังไงกัน?
แต่ว่าน่าเสียดาย ที่เย้นหว่านไม่รู้ตัว
เขาล่ะอยากจะเตือนเย้นหว่านจริงๆ ว่าไอ้โห้หลีเฉินคนนี้มันเป็นแค่หมาป่าอวดหางเท่านั้น
หลังจากที่เย้นหว่านอธิบายให้โห้หลีเฉินฟังจนจบอีกครั้ง เธอเองก็เข้าใจอย่างทะลุปรุโปร่งด้วยเหมือนกัน เท่ากับว่าได้ทบทวนอีกรอบหนึ่ง สามารถเรียกได้ว่าตอนนี้ความรู้แน่นปึก
เมื่อได้ความรู้ใหม่เพิ่มเติม ก็ทำให้อารมณ์เธอเปิดกว้างขึ้นเยอะเลย แม้แต่การที่โห้หลีเฉินนั่งอยู่ข้างๆ ในตอนนี้ ความรู้สึกตื่นเต้นและขัดขืนก็ลดลงเรื่อยๆ
เหมือนกับว่า การอ่านหนังสือแบบนี้มันทำให้กลมกลืนมากยิ่งขึ้น
แต่ฉูรั่วไป๋กลับโกรธจนหน้าเขียวแล้ว
หลังจากนั้นทุกครั้งที่เขาอธิบายให้เย้นหว่านฟัง แล้วในตอนที่เขาจะถือโอกาสดึงเข้าเรื่องความสัมพันธ์นั้น โห้หลีเฉินก็จะยื่นหนังสือมา ให้เย้นหว่านอธิบายให้เขาฟัง
และเนื้อหา ก็สามารถคลายข้อสงสัยของเย้นหว่านได้พอดี
และพอเย้นหว่านอธิบายให้โห้หลีเฉินฟังเสร็จแล้ว ก็ไม่ต้องการฉูรั่วไป๋อีกแล้ว
ฉูรั่วไป๋นั่งแข็งเป็นหินมองดูเย้นหว่านกับโห้หลีเฉินพูดคุยกันอย่างสนิทสนม อ่านหนังสือเล่มเดียวกัน หัวของทั้งสองคนเหมือนจะพิงกันอยู่แล้ว
และความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองคนนี้ที่เดิมทีไม่ค่อยสนิทสนมกันเท่าไหร่ และในระยะห่างที่ใกล้ขนาดนี้ มันก็ได้ถูกละลายไปอย่างเงียบๆ
ฉูรั่วไป๋รู้สึกว่ากระดิ่งส่งสัญญาณเตือนของเขากำลังจะระเบิดแล้ว
โห้หลีเฉินใช้อำนาจเพื่อผลประโยชน์ส่วนตัวแบบนี้มันโหดร้ายเกินไปแล้ว แล้วกระต่ายน้อยอย่างเย้นหว่าน จะต้านไว้ได้ยังไงกัน
ถ้าเกิดว่าเป็นแบบนี้ต่อไป ไม่ต้องใช้เวลานานหรอก เย้นหว่านก็จะถูกเขาหลอกไปอีกครั้ง
ฉูรั่วไป๋พยายามคิดหาทางออกอย่างกลัดกลุ้ม สายตาก็เผลอไปมองเวลาที่นาฬิกาข้อมือของตัวเองอย่างไม่ได้ตั้งใจ มันเกือบจะ17.30แล้ว
ได้เวลากินข้าวแล้ว
พอดีเลย
ดวงตาของฉูรั่วไป๋มีแผนการลอยผ่านมา เขาปิดหนังสืออย่างสบายใจ เสียงไม่ดังหรือเบาเกินไป แต่ก็สามารถทำให้เย้นหว่านให้ความสนใจได้
เขาพูดว่า “ เสี่ยวหว่าน ได้เวลากินข้าวแล้ว พวกเราไปกินข้าวกันก่อนเถอะ”
เย้นหว่านอึ้งไป เร็วขนาดนี้เลยเหรอ?
เธออ่านหนังสืออย่างจดจ่อมาก รู้สึกเหมือนพึ่งกินข้าวกลางวันไปเอง
เธอมองดูเวลา มัน17.30แล้วจริงๆ ด้วย ถ้าเกิดว่าเป็นสถานการณ์ธรรมดา ป่านนี้เธอก็เริ่มไปหาอะไรกินแล้ว แต่ว่าปกติแล้วเธอกับฉูรั่วไป๋เรียกได้ว่าเป็นคนบ้างาน ถ้าเกิดว่าได้ทำงานแล้วนั้น ก็จะไม่กินข้าวตอน17.30ตามเวลาหรอก บางทียังไปกินตอน1-2ทุ่มด้วยซ้ำ
วันนี้การอ่านหนังสือกำลังเป็นไปได้ดี แล้วทำไมฉูรั่วไป๋ถึงเกิดอยากจะไปกินข้าวตรงเวลากันนะ?
เหมือนกับว่ามองออกว่าเย้นหว่านกำลังสงสัย ฉูรั่วไป๋ก็เลยอธิบายอย่างอดทน
“ตอนมื้อกลางวันกินไปไม่เยอะเท่าไหร่ เลยรู้สึกหิวนิดหน่อยแล้วล่ะ”
มุมปากของเขาคลี่รอยยิ้มออกมา น้ำเสียงเหมือนกับว่าจะรู้สึกเกรงใจนิดหน่อย
แต่ว่าลักษณะทางทางนี้ของเขาทำให้เย้นหว่านรู้สึกผิดในทันที ตอนเที่ยงเพราะว่าเธอจะหลบโห้หลีเฉิน ยังไม่ทันจะกินข้าวเสร็จก็รีบวิ่งออกมา และเพราะว่าเธอออกมา ฉูรั่วไป๋ก็ออกตามมาเหมือนกัน
เธอยังกินไม่อิ่ม ฉูรั่วไป๋ก็ไม่อิ่มยิ่งกว่า
“ถ้ายังงั้น……พวกเราไปกินข้าวกันก่อนเถอะ”
เย้นหว่านรู้สึกไม่ค่อยอยากจะเลิกอ่านหนังสือ แต่สุดท้ายก็ตัดสินใจ ทำสัญลักษณ์ตรงที่อ่านถึงในหนังสือไว้ แล้วก็ลุกขึ้นยืน
มือหนาของฉูรั่วไป๋ว่องไว หยิบหนังสือของเขากับเย้นหว่านวางไว้ด้วยกัน “เดี๋ยวฉันเอาไปวางเอง เธอรอฉันข้างนอกนะ”
พอพูดจบ ฉูรั่วไป๋ก็เอาหนังสือไปเก็บที่ชั้นอย่างกระตือรือร้น
เย้นหว่านยืนอยู่ตรงนั้น แล้วก็หันไปมองโห้หลีเฉินโดยที่ไม่ได้ตั้งใจ
แต่ว่าเห็นแค่เขายังคงก้มหน้าอ่านหนังสือ ใบหน้าหล่อเหลาที่ทำให้คนหลงใหลของเขานิ่งเรียบไร้สีหน้า เหมือนกับว่าถ้าเธอจะไปก็ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับเขา
ถ้ายังงั้นก็เหมือนกับว่าเธอไม่ได้จำเป็นต้องบอกเขาใช่ไหม?
เย้นหว่านลังเลอยู่ครู่หนึ่ง คิดว่าที่จริงแล้วความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขามันก็ค่อนข้างจะน่าอึดอัดอยู่ เลยตัดสินใจว่าคุยกันให้น้อยกว่าน่าจะดี
ดังนั้น เธอก็เลยเม้มปาก แล้วก็เดินย่องออกไปอย่างเบาที่สุด
วินาทีที่เธอหันหลังแล้วเดินออกไปนั้น นิ้วของโห้หลีเฉินที่จับกระดาษอยู่นั้นก็จับแน่นขึ้นมาทันที ทำให้กระดาษแผ่นนั้นมีรอยยับอย่างเห็นได้ชัด
สามารถมองเห็นความโกรธได้ในแววตาของเขา
ผู้หญิงคนนี้ จะตัวติดกับฉูรั่วไป๋ไปกินข้าวโดยที่ไม่เรียกเขาก็ช่างเถอะ แต่ว่าพอจะไปแม้แต่จะบอกเขาก็ไม่มีเลยงั้นเหรอ?
เห็นเขาที่นั่งหัวโด่อยู่ตรงนี้เป็นเพียงแค่สิ่งของที่ถูกจัดวางไว้ยังงั้นเหรอ?
ตอนนี้มีกองไฟลุกโชนอยู่เต็มท้องของเขา มีเสียงคำรามอย่างรุนแรงในอกของเขา อยากจะจับเย้นหว่านกลับไปสั่งสอนสักหน่อย
แต่ว่า……
นิ้วที่เห็นข้อต่อได้ชัดเจนของโห้หลีเฉินค่อยๆ คลายลง แล้วก็เปลี่ยนไปหน้าอื่น
ท่าทางของเขาตั้งใจอ่านหนังสือมาก เหมือนกับว่าต่อให้ฟ้าผ่าก็ไม่สามารถหยุดเขาได้
เย้นหว่านเดินมาถึงหน้าประตู แล้วก็หันกลับไปมองโห้หลีเฉินอย่างไม่รู้ตัว ก็เห็นว่าเขายังคงนั่งอ่านหนังสืออยู่ หัวใจของเธอก็ปั่นป่วน ไม่รู้ว่าเป็นความรู้สึกอะไรกันแน่
โชคดีไป ดูเหมือนกับว่าเมื่อต้องเผชิญหน้ากับเขาแล้วก็ไม่ได้ประหม่าและอยากจะหนีขนาดนั้นแล้ว
สุดท้ายเขาก็ไม่ได้ตามมา
“โอเค ไปกันเถอะ”
ฉูรั่วไป๋เก็บหนังสือเรียบร้อย แล้วก็เดินมาอย่างรวดเร็ว
เย้นหว่านรีบดึงสายตากลับมา แล้วก็คลี่ยิ้ม “ไปกันเถอะ”
หลายวันมานี้ฉูรั่วไป๋ก็เข้าๆ ออกๆ กับเธอตลอด กินข้าวด้วยกันจนเคยชินไปแล้ว เย้นหว่านเองก็ไม่ได้รู้สึกว่ามีอะไรผิดปกติ
ตอนที่เธอกับฉูรั่วไป๋เดินไปได้ไกลแล้ว ผู้ชายที่เมื่อกี้ยังนั่งอ่านหนังสืออยู่ ก็เอาหนังสือในมือทุบโต๊ะ แรงมากมายมหาศาล เหมือนกับว่าจะทุบโต๊ะจนทะลุไปเลย
หลังของเขาตั้งตรง ความโกรธอย่างสุดขีดแผ่ไปทั่วร่างกาย