สัญญารัก คบกับประธานฮั่ว30วัน - บทที่245 เขาก็ยอมแพ้เหมือนกันสินะ
บทที่245 เขาก็ยอมแพ้เหมือนกันสินะ
เธอลังเลนิดหน่อย แล้วก็นั่งลงบนโซฟาข้างๆ ยื่นมือไปหยิบถุงกระดาษมาเปิดออก
ตอนที่เห็นหนังสือที่ถูกจัดวางอย่างเรียบร้อยในถุงนั้น เธอก็อึ้งไปในทันที
นี่เป็นหนังสือที่เธออ่านเมื่อตอนบ่ายไม่ใช่เหรอ? เธอยังคิดอยู่เลยว่าพรุ่งนี้จะรีบไปแต่เช้าเพื่ออ่านต่อ ไม่คิดเลยว่าโห้หลีเฉินจะเป็นคนเอามา
“หนังสือจากห้องเก็บข้อมูล มันไม่ได้ยืมออกมาข้างนอกไม่ใช่เหรอ? ”
โห้หลีเฉินจิบไวน์ลงไป แล้วก็พูดด้วยน้ำเสียงนิ่งเรียบ “ฉันเป็นประธาน”
หนังสือทั้งหมดก็ต่างเป็นของเขา เขาอยากจะเอามา ใครจะมาทำอะไรเขาได้?
เย้นหว่านสำลัก แค่คิดว่ามันก็สมเหตุสมผลดี เมื่อคนรวยจะเอาแต่ใจขึ้นมาแม้แต่จะโต้แย้งเธอก็หาคำพูดมาไม่ได้
แต่ว่า เขาเอาหนังสือพวกนี้มาส่งให้เธอด้วยตัวเอง มันก็ทำให้เย้นหว่านรู้สึกประทับใจเหมือนกัน
เธอนึกถึงหนังสือเล่มนั้นที่เขาอ่านอยู่เมื่อตอนกลางวัน ก็เลยถามอย่างเกรงอกเกรงใจ
“คุณไม่อ่านแล้วเหรอ? ”
โห้หลีเฉินตอบอย่างไม่ใส่ใจ “เล่มนั้นฉันอ่านจบแล้ว”
เย้นหว่านประหลาดใจ เร็วขนาดนี้เลยเหรอ? ตอนที่อยู่ห้องเก็บข้อมูลนั้น มากที่สุดเธอก็อ่านได้แค่เนื้อหาครึ่งเดียวเท่านั้น แล้วหนังสือสองเล่มนี้เป็นหนังสือคู่กัน ความคืบหน้าก็น่าจะพอๆ กัน แล้วนี่มันเป็นแค่เวลาของมื้อเย็นเท่านั้น โห้หลีเฉินอ่านจนจบได้ยังไงกัน?
เขาคงอยากจะให้เธออ่านหนังสืออย่างสบายใจ ก็เลยหลอกเธอสินะ
เธอรู้สึกเหมือนว่าน่าจะเป็นแบบนี้แหละ ทำให้เย้นหว่านรู้สึกเกรงใจมากกว่าเดิม
“ฉันจะพยายามอ่านให้เร็วที่สุดแล้วคืนให้คุณ”
ระหว่างที่พูดอยู่นั้น เย้นหว่านก็มองเข้าไปในถุงกระดาษนั้นอีกครั้ง แล้วก็จริงๆ ด้วย มันไม่ได้มีแค่หนังสือเล่มที่โห้หลีเฉินอ่านเท่านั้น แต่ว่ายังมีหนังสือที่เธออ่านเมื่อช่วงบ่ายอีกด้วย
หนังสือทั้งสองเล่มนี้เป็นหนังสือคู่กัน เนื้อหาเสริมซึ่งกันและกัน เพราะฉะนั้นต้องอ่านด้วยกันถึงจะเหมาะสม
เย้นหว่านลังเลอยู่ครู่หนึ่ง แล้วก็เอาหนังสือเล่มที่เธออ่านแล้วส่งให้โห้หลีเฉิน
“ถ้ายังงั้นคุณอ่านเล่มนี้ก่อนเถอะ พอฉันอ่านเสร็จ แล้วค่อยเอามาแลกกัน”
แบบนี้ ก็จะได้ไม่ทำให้เขาเสียเวลามาก แล้วอีกอย่างโห้หลีเฉินอ่านหนังสือเล่มนี้ไปแล้ว ถ้าอ่านอีกเล่มหนึ่ง ก็จะเข้าใจได้ดียิ่งขึ้น
โห้หลีเฉินมองเย้นหว่าน นั่งอยู่แบบนั้นอย่างสง่างาม แต่ว่าไม่ได้รับไป
“ฉันจะรอให้เธออ่านจบก่อน”
น้ำเสียงที่ไม่เบาและไม่หนัก แต่มันฟังดูเหมือนเสียงเบาๆ ของน้ำพุในหุบเขา สามารถกระแทกก้นบึ้งของหัวใจของคนๆหนึ่งได้ทันที
และประโยคที่เขาบอกว่าจะรอเธอนั้น มันไม่ได้เหมือนจะหมายความว่ารอเธออ่านหนังสือ แต่เหมือนกับว่ารอในตัวเธอมากกว่า มันทำให้หัวใจของเธอเต้นแรงในทันที
เย้นหว่านรู้สึกไม่เป็นตัวของตัวเองในทันที เธอกะพริบตาพร้อมกับหลบตาโห้หลีเฉิน
“ขอบคุณนะ เดี๋ยวฉันอ่านเสร็จแล้วจะเอาไปคืนให้”
“ได้”
โห้หลีเฉินพยักหน้า แล้วก็ไม่ได้พูดอะไรอีก
เขาวางแก้วไวน์ลงอย่างสบายใจ ลุกขึ้นยืน แล้วก็เดินออกไปด้านนอกอย่างสง่างาม
เย้นหว่านก็ยืนขึ้นอย่างมีมารยาท มองดูแผ่นหลังที่ตรงไปตรงมาของเขา ก็เกิดคลื่นเล็กๆ ในใจของเธอ ผ่านไปนานก็ยังไม่ได้ดึงสติกลับมา
เขามาที่นี่ ก็เพื่อจะเอาหนังสือมาให้เธอเท่านั้นจริงๆ
ดูเหมือนกับว่าเขาก็ตั้งใจจะรักษาระยะห่างกับเธอเหมือนกันใช่ไหม? วันนี้ที่ได้เผลอสัมผัสกัน โห้หลีเฉินก็ไม่ได้ทำกิริยาท่าทางที่ล่วงเกินอะไรเลย
ดูเหมือนกับว่าเขาก็จะเห็นด้วยกับเธอแล้วล่ะมั้ง ยกเลิกความคิดที่จะแต่งงานกับเธอไปแล้ว
แบบนี้เธอจะได้ผ่อนคลายลงหน่อย……
หลังจากส่งโห้หลีเฉินกลับไปแล้ว เย้นหว่านก็หยิบหนังสือทั้งสองเล่มออกมาเหมือนกับเด็กเล็ก สายตาของเธอมองไปยังหนังสือเล่มที่โห้หลีเฉินอ่านโดยที่ไม่รู้ตัว
เธอหยิบหนังสือเล่มนั้นขึ้นมา เปิดอย่างลวกๆ ก็ต้องประหลาดในเมื่อพบว่ามีบางหน้าของหนังสือเล่มนี้ถูกพับ เหมือนกับว่าทำสัญลักษณ์
เธอเปิดหน้าพวกนั้นดู ก็รู้สึกตกใจยิ่งกว่าเดิม
พวกนี้เป็นประเด็นเนื้อหาที่หนังสือทั้งสองเล่มนี้ต้องอ่านควบคู่กันถึงจะเข้าใจได้อย่างครบถ้วน!
โห้หลีเฉินไม่เพียงแค่หาเจอ แต่ว่ายังพับไว้อีกด้วย
น่าจะเพราะว่าเขาไม่ได้อ่านหนังสืออีกเล่มหนึ่ง ก็เลยไม่เข้าใจความหมายอะไรพวกนี้ เพราะฉะนั้นก็เลยทำสัญลักษณ์โดยการพับไว้
แต่นี่มันก็พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า——
โห้หลีเฉินอ่านหนังสือเล่มนี้จบแล้วจริงๆ! ตั้งแต่ต้นจนจบ ไม่ขาดตกบกพร่องแม้แต่คำเดียว
เย้นหว่านรู้สึกเหมือนว่าสมองของเธอแทบจะระเบิด พลิกดูหนังสือเล่มนี้หลายครั้งอย่างรวดเร็ว ก็ไม่คิดว่าเนื้อหาพวกนี้จะอ่านจบได้ภายในสองชั่วโมงนะ! แถมยังทำเครื่องหมายไว้อีกต่างหาก
โห้หลีเฉินอ่านจบได้ภายในเวลาน้อยนิดแค่นี้จริงๆ เหรอ? เขาเป็นปีศาจหรือยังไงกัน!
หลังจากช็อกอยู่พักหนึ่ง เย้นหว่านก็อดไม่ได้ที่จะคิดว่า เมื่อตอนบ่ายความเร็วของการอ่านหนังสือของโห้หลีเฉินนั้นก็พอๆ กับเธอ ทุกครั้งที่เธอเจอปัญหา เขาก็จะมาถามเธอพอดี แล้วก็ทำให้ปัญหาของเธอแก้ไขได้อย่างง่ายดาย
หรือว่า……
เมื่อตอนบ่ายนั้นเขาจงใจรอเธอยังงั้นเหรอ?!
พอคิดถึงความจะเป็นไปได้นี้ หัวใจของเย้นหว่านก็เต้นแรงมาก แทบจะบินออกจากอกไปเลย
เธอไม่กล้าแม้แต่จะคิดเลย ว่าผู้ชายที่สูงส่งแบบนั้น จะทำเรื่องแบบนั้นอยู่ข้างๆ เธอเงียบๆ
แต่ว่าทำไมเขาถึงต้องทำแบบนั้น? เบื่อเพราะว่ามีเวลาเหลือเยอะยังงั้นเหรอ? หรือว่า……
ในหัวของเย้นหว่านยุ่งเหยิงไปหมด มีความเป็นไปได้หลายอย่างที่เธอไม่กล้าจะคิด หนังสือที่อยู่ในมือ ได้กลายเป็นมันฝรั่งร้อนๆ อย่างไร้ร่องรอย
เธอต้องคืนหนังสือทั้งสองเล่มนี้ให้เขาให้เร็วที่สุด
เย้นหว่านตบหน้าตัวเองเบาๆ ทำจิตใจให้สงบ ไล่ความคิดที่ยุ่งเหยิงออกไปจากสมองของตัวเอง หลังจากนั้นก็อ่านหนังสืออย่างรวดเร็ว
หนังสือทั้งสองเล่มนี้เป็นหนังสือคู่ บวกกับที่โห้หลีเฉินพับหน้าที่เนื้อหาสำคัญมันสอดคล้องกันไว้แล้ว เย้นหว่านก็เลยอ่านได้เร็วขึ้นเยอะเลย
เธอค่อยๆ ระหว่างที่ศึกษาข้อมูลอยู่นั้นเธอก็เริ่มรู้ อ่านเข้าใจ
“กริ๊งๆๆ ——”
ภายในห้องที่เงียบสงบ จู่ๆ ก็มีเสียงโทรศัพท์สั่นดังขึ้นมา
เย้นหว่านที่โดนขัดก็ขมวดคิ้วอย่างไม่พอใจ หยิบโทรศัพท์ขึ้นมา แล้วก็เห็นว่าเพื่อนรักอย่างกู้จื่อเฟยเป็นคนโทรมา
นึกอะไรขึ้นได้ เธอก็มีชีวิตชีวาขึ้นมาทันที พร้อมกับรีบรับโทรศัพท์
“ จื่อเฟย นี่เธอซื้อตัวเข้าแฟชั่นโชว์ได้แล้วเหรอ? ”
การที่เย้นหว่านอยู่ที่เมืองเจียงนั้นมีเพียงแค่เป้าหมายเดียวเท่านั้น ก็คือเข้าร่วมแฟชั่นโชว์ขนาดใหญ่ที่จัดขึ้นที่เมืองเจียงนี้ มีนักออกแบบและผลงานจากทั่วทุกมุมโลก มากพอที่จะทำให้คนได้ประโยชน์ ได้เห็นเป็นบุญตา
แต่ว่าปลายสายนั้น เสียงของกู้จื่อเฟยดูหดหู่เล็กน้อย “ขอโทษด้วยนะเสี่ยวหว่าน ตั๋วมันมีน้อย แถมยังขายดิบขายดีอีก หายากกว่าตั๋วแถวหน้าของคอนเสิร์ตซุปเปอร์สตาร์อีก ฉันใช้ความพยายามอย่างมากแต่ว่าก็ยังไม่ได้มา”
เย้นหว่านอึ้งไป ผลลัพธ์นี้มันเกินความคาดหมายของเธอไปหน่อย
เธอไม่ได้ไปแย่งชิงด้วยตัวเอง และให้กู้จื่อเฟยไปซื้อโดยเฉพาะ ก็เพราะว่ากู้จื่อเฟยมีช่องทางมากกว่าเธอ มีโอกาสมากกว่าในการซื้อตั๋ว
แต่เธอก็ยังประเมินความนิยมของแฟชั่นโชว์นี้ต่ำเกินไป แม้แต่กู้จื่อเฟยก็ยังไม่สามารถซื้อได้
“ เสี่ยวหว่าน เธออย่าเสียใจไปเลยนะ ฉันจะติดต่ออีกครั้งเพื่อดูว่าจะได้ตั๋วไหม แล้วอีกอย่าง ต่อให้พลาดโอกาสในครั้งนี้ไป ครั้งนี้ก็ยังมีโอกาสนะ”
กู้จื่อเฟยกระซิบปลอบใจ
เย้นหว่านรับรู้ได้ถึงเจตนาดีของเธอ ก็พยายามฝืนยิ้ม “ฉันเข้าใจแล้ว ลำบากเธอเลยนะจื่อเฟย เดี๋ยวถ้าฉันกลับไปจะเลี้ยงข้าวเธอเอง”
“ได้ กลับมาแล้วเจอกัน ฉันรู้ว่าเธออยากจะเข้าร่วมงานแฟชั่นโชว์ในครั้งนี้มากๆ มาเสมอ แต่ว่าไม่ต้องเอาไปใส่ใจมากหรอกนะ”
กู้จื่อเฟยก็ยังคงปลอบใจอย่างไม่วางใจ แล้วค่อยวางสาย
หลังจากวางสาย เย้นหว่านก็เหมือนกับลูกโป่งรั่ว นอนลงบนโซฟาอย่างหมดแรง
แฟชั่นโชว์ที่เธอฝันถึงมานาน ต้องเสียโอกาสไปแบบนี้