สัญญารัก คบกับประธานฮั่ว30วัน - บทที่251 เปลี่ยนจากสภาพปกติ
บทที่251 เปลี่ยนจากสภาพปกติ
ฉูรั่วไป๋เข้าไปเป็นเพื่อนเธอ เย้นหว่านเดินเข้าไปหาฉูรั่วไป๋ในเชิงสัญลักษณ์ ให้เขาดูด้วย
“คุณฉู คุณว่าเป็นไง? ”
ฉูรั่วไป๋นั่งรอเย้นหว่านอยู่บนโซฟา พอเห็นว่าเธอเดินออกมา ก็ลุกขึ้นอย่างสุภาพ แต่ว่าตอนที่เห็นเธอนั้น การเคลื่อนไหวของเขาก็นิ่งไปเพราะความตะลึงในทันที
นี่เป็นครั้งแรกที่เขาเห็นเย้นหว่านแต่งกายอย่างเลิศหรูแบบนี้
งดงามและเรียบๆ ดูทั้งเรียบง่ายและสวย กลิ่นอายที่สวยใสบริสุทธิ์ เหมือนกับนางฟ้าที่หลงเข้ามาในโลกมนุษย์ สวยจนแม้กระทั่งทำให้เขาลืมหายใจ
ฉูรั่วไป๋ได้ยินเสียงการเต้นของหัวใจของตัวเองอย่างชัดเจน
เขาเคยเห็นผู้หญิงสวยและพราวเสน่ห์มาก็มากมาย แต่ว่าเย้นหว่านกลับเป็นแค่คนเดียวเท่านั้น ที่ทำให้เขาไม่สามารถละสายตาออกจากเธอได้
เขาอ้าปาก แล้วก็พ่นคำพูดออกมาเบาๆ สองคำ “สวยมาก”
คำชื่นชมที่ไม่ปกปิด ทำให้แก้มของเย้นหว่านค่อยๆ แดงขึ้นมา
เธอหลีกเลี่ยงสายตาของฉูรั่วไป๋อย่างเก้อเขิน “ถ้ายังงั้นก็เอาชุดนี้แล้วกัน เดี๋ยวฉันไปเปลี่ยนกลับก่อน”
ระหว่างที่พูดนั้น เย้นหว่านก็จะกลับไปที่ห้องลองชุด แต่ทันใดนั้นฉูรั่วไป๋ก็ยืนขึ้นมา แล้วก็ดึงข้อมือของเธอไว้
มีความอบอุ่นแปลกๆ ที่มาจากฝ่ามือของผู้ชายคนนี้ส่งผ่านมาถึงข้อมือของเธอ ทำให้เย้นหว่านรู้สึกตะลึง ไม่เป็นตัวของตัวเองเท่าไหร่
ฉูรั่วไป๋เองก็อึ้งเหมือนกัน เย้นหว่านที่อยู่ตรงหน้าเขาตอนนี้สวยเกินไปแล้ว สัญชาตญาณของเขาไม่อยากจะให้เธอไป
แต่ว่าการที่จู่ๆ จับเธอไว้แบบนี้ ที่จริงแล้วก็ทำให้รู้สึกอึดอัดเหมือนกัน
ฉูรั่วไป๋อดอารมณ์เสียไม่ได้ เมื่อก่อนเขาเป็นคนเจ้าชู้และไม่เคยตกอยู่ในบังคับการของใคร เล่มกับผู้หญิงๆ สวยๆ ให้อยู่ภายในฝ่ามือของตัวเองมาเยอะแยะมากมาย แต่ว่าเมื่ออยู่ต่อหน้าเย้นหว่าน เขากลับหุนหันพลันแล่นเหมือนกับเด็กที่ยังไม่โตยังไงยังงั้น
เขารีบปล่อยมือเธอ ยิ้มเพื่อแก้ไขความอึดอัดระหว่างทั้งสองคน
เขาพูด “พรุ่งนี้ฉันก็จะไปงานแฟชั่นโชว์พอดีเลย เราไปด้วยกันไหม? ”
เขามองหน้าเธอ สีหน้าดูใจเย็นและสงบนิ่ง เป็นสุภาพบุรุษและสง่างาม
ไปด้วยกัน โดยพื้นฐานแล้วก็ถือว่าเธอเป็นคู่ควงของฉูรั่วไป๋
ก่อนที่จะรู้จักกับโห้หลีเฉินนั้น เย้นหว่านก็มาจากครอบครัวที่ฐานะปานกลาง เคยเกือบจะมีส่วนร่วมในสถานที่ระดับสูงเช่นนี้ แต่ว่าหลังจากรู้จักกับโห้หลีเฉินแล้ว ก็มีโอกาสได้ออกงานน้อยมาก และเธอก็จะเป็นคู่ควงของโห้หลีเฉินทุกครั้ง
การจะไปเป็นคู่ควงของผู้ชายคนอื่น ถือว่าเป็นครั้งแรกสำหรับเธอ
เย้นหว่านลังเลเล็กน้อย แต่เมื่อต้องเผชิญหน้ากับคำเชิญที่เป็นสุภาพบุรุษของฉูรั่วไป๋แล้วนั้น เย้นหว่านก็รู้สึกเกรงใจที่จะปฏิเสธ
เธอพยักหน้า “ก็ได้”
หัวใจที่กระวนกระวายของฉูรั่วไป๋ก็ผ่อนคลายลง หัวใจของเขาตอนนี้เหมือนกับว่ามีการจุดพลุที่สว่างโชติช่วง
อดไม่ได้ที่จะรู้สึกภาคภูมิใจ
โห้หลีเฉินแย่งโอกาสที่จะมอบบัตรเข้างานให้เย้นหว่านไปก่อน แต่แล้วยังไงกันล่ะ? สุดท้ายคนที่ชนะก็คือเขา เขาจะไปร่วมงานแฟชั่นโชว์กับเย้นหว่าน ในฐานะคู่ควงของเธอ
โอกาสที่จะได้พูดคุยสื่อสารกันก็เยอะมากขึ้น ฉูรั่วไป๋ก็ยิ่งมีความมั่นใจมากยิ่งขึ้นว่าจะสามารถบีบให้โห้หลีเฉินออกไปได้
——
เย้นหว่านให้ความสำคัญกับงานแฟชั่นโชว์ครั้งนี้มากๆ
เธอตื่นแต่เช้าเพื่อมาแต่งตัว แต่งหน้าแบบเรียบง่ายและละเอียดอ่อน สวมใส่ชุดราตรีที่พึ่งซื้อมาเมื่อวาน สวมรองเท้าส้นสูง ถือกระเป๋าใบเล็ก หลังจากจัดการทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว ก็ตรวจสอบอีกสองสามครั้ง แล้วหลังจากนั้นเธอถึงได้ออกไปที่โรงแรม
เธอมาถึงก่อนเวลาที่นัดกับฉูรั่วไป๋ไว้สิบนาที เย้นหว่านก็รอฉูรั่วไป๋อยู่ที่หน้าประตูโรงแรม
การได้มาร่วมงานแฟชั่นโชว์ในครั้งนี้ถือว่าเป็นโอกาสที่หายาก เย้นหว่านเองก็ไม่อยากจะไปสาย
เธอยืนอยู่บนรองเท้าส้นสูงนานจนเริ่มรู้สึกเมื่อยแล้ว แถมยังใส่ชุดราตรีอีก ก็เลยจำเป็นต้องยืนให้ตรง ยืนได้ไม่นานก็เหนื่อยแล้ว
เย้นหว่านยืนอยู่หน้าประตูโรงแรม รออยู่สักพัก จนเท้าของเธอเริ่มปวดเล็กน้อย ก็ยังไม่เห็นรถของฉูรั่วไป๋ขับเข้ามา
เธอมองดูเวลาอีกครั้ง มันได้เลยเวลานัดไปแล้ว
ทำไมฉูรั่วไป๋ยังไม่มาอีกล่ะ?
ปกติแล้วเวลาจะไปไหนฉูรั่วไป๋จะเป็นคนที่ตรงต่อเวลามา แม้แต่มาก่อนเวลาด้วยซ้ำ การมาสายแบบนี้เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นน้อยมาก โดยเฉพาะเรื่องสำคัญอย่างไปงานแฟชั่นโชว์แบบนี้
เย้นหว่านรู้สึกสงสัย แล้วก็โทรหาฉูรั่วไป๋
ทันใดนั้นปลายสายก็มีเสียงอัตโนมัติิขึ้นมาทันที เลขหมายที่ท่านเรียก ไม่สามารถติดต่อได้ในขนาดนี้ กรุณาติดต่อใหม่อีกครั้งค่ะ
ฉูรั่วไป๋ไปไหนแล้ว หรือว่าไม่มีสัญญาณเหรอ?
เย้นหว่านไม่ยอมแพ้ เธอโทรหาฉูรั่วไป๋อีกครั้ง แต่ก็ยังคงไม่มีใครรับสาย
และนี่มันก็ล่าช้าแล้ว เลยเวลามา20นาทีแล้ว
ทางฝั่งงานแฟชั่นโชว์ เดาว่าน่าจะเริ่มแล้วนะ
เธอจะไปสายยังงั้นเหรอ?
เย้นหว่านกำลังสับสนว่าจะทำยังไงดี และในตอนนี้เอง Lamborghini ที่คุ้นเคยก็จอดอยู่ตรงหน้าเธอ
กระจกหลังค่อยๆ ลดลง ปรากฏให้เห็นใบหน้าหล่อเหลาที่ทำให้คนหายใจไม่ออกของโห้หลีเฉิน
เขาเงยหน้าขึ้นมา สายตาที่คลุมเครือกวาดไปทั่วเรือนร่างของเธอ แววตามีประกายความพึงพอใจ
เขาถามอย่างสบายๆ ว่า “จะไปงานแฟชั่นโชว์เหรอ? ”
เย้นหว่านรู้สึกแปลกใจเล็กน้อยที่โห้หลีเฉินปรากฏตัวที่นี่ แต่ว่าเธอก็พยักหน้า
โห้หลีเฉินถามอีกครั้ง “รอรถอยู่เหรอ? ”
“อืม”
เย้นหว่านพยักหน้าอีกครั้ง
โห้หลีเฉินยกมือขึ้นมา ดูเวลาจากนาฬิกาข้อมือ แล้วก็พูดด้วยน้ำเสียงนิ่งเรียบ “สายแล้ว เดี๋ยวฉันไปส่งเธอเอง”
เย้นหว่านส่ายหน้า แล้วอธิบายว่า “ฉันรอฉูรั่วไป๋อยู่ เขาก็จะไปเข้าร่วมงานแฟชั่วโชว์เหมือนกัน ฉันจะไปกับเขา”
พอได้ยินชื่อฉูรั่วไป๋ สายตาของโห้หลีเฉินก็จมดิ่งลงทันที
หลังจากนั้น มันก็กลับมาเป็นปกติ “ดูเหมือนว่าเขาจะยังไม่มาสักพักแล้วนะ”
“น่าจะใกล้ถึงแล้วล่ะมั้ง”
เย้นหว่านมองไปยังถนนด้านนอก แม้แต่เงาของฉูรั่วไป๋ก็ยังไม่มีเลย ประโยคนี้แม้แต่ตัวเธอเองรู้สึกขาดความมั่นใจ
ฉูรั่วไป๋ไม่มีทางมาสายโดยไม่มีเหตุผล และก็จะไม่ขาดการติดต่ออย่างไม่มีเหตุผลเหมือนกัน น่าจะเพราะว่ามีเรื่องอะไรมากีดขวาง
“ยังจะรอเขาอยู่งั้นเหรอ? ”
โห้หลีเฉินเตือนด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ “งานแฟชั่นโชว์ปีนี้ยิ่งใหญ่อลังการ กฎก็เข้มเหมือนกัน เพื่อที่จะป้องกันไม่ให้วุ่นวาย เมื่อถึงเวลาเข้างานนั้น ถ้าเกิดว่ามาช้าสิบนาทีก็จะเข้าไปไม่ได้แล้วนะ”
ช้าสิบนาทีก็เข้าไม่ได้แล้วยังงั้นเหรอ?
ถ้ายังงั้นก็ถือว่าตั๋วมันเสียเปล่าน่ะสิ!
เย้นหว่านเบิกตาโพลงด้วยความตกใจ แล้วก็รีบดูเวลา การเดินทางจากที่นี่ไปที่งาน ก็น่าจะทันเวลาเปิดพอดี แต่เนื่องจากช้ามา20กว่านาทีแล้ว ตอนนี้จะรีบตามไป ก็น่าจะยังสายอยู่
แล้วถ้าเกิดว่ารถติด การที่ต้องไปให้ทันเวลาสิบนาทีหลังจากเวลาเริ่มงานก็ถือว่าเป็นเรื่องยาก……
โห้หลีเฉินยกนาฬิกาข้อมือขึ้นมาดูเวลาอีกครั้ง ใบหน้าที่หล่อเหลาของเขาเฉยเมย
“ฉันเองก็จะไปงานแฟชั่นโชว์เหมือนกัน ตอนนี้เธอไปกับฉันยังถือว่าทัน แต่ว่าถ้าเกิดว่าเธอยังอยากรอต่อไป ถ้ายังงั้นฉันไปก่อนนะ”
หลังจากสิ้นเสียงของโห้หลีเฉิน ก็มีเสียงสตาร์ทรถจากที่นั่งคนขับ
เหมือนกับว่าจะออกไปเมื่อไหร่ก็ได้
หัวใจของเย้นหว่านบีบแน่นทันที ถึงแม้ว่าที่นี่จะเป็นโรงแรมระดับห้าดาว แต่ว่ารถที่เข้าๆ ออกๆ ปกติแล้วก็จะเป็นรถส่วนตัว ตรงหน้าประตูเรียกแท็กซี่ค่อนข้างยาก เธอยังจำเป็นต้องเดินไปที่ถนนด้านนอกเพื่อเรียกแท็กซี่ ไปๆ มาๆ ก็ต้องใช้เวลาไม่น้อยเลย
ถ้าเกิดว่ากลับไปกลับมาอีก เป็นไปได้อย่างมากว่าเธอจะพลาดงานแฟชั่นโชว์ในครั้งนี้
หลังจากลังเลอยู่สองสามวินาที เย้นหว่านก็ตัดสินใจ แล้วก็เดินเข้าไปทางรถของโห้หลีเฉิน “คุณโห้ รบกวนคุณพาฉันไปด้วยนะคะ”
ริมฝีปากบางของโห้หลีเฉินเม้มเข้าด้วยกัน และรอยยิ้มที่พึงพอใจก็แผ่ไปทั่วดวงตาของเขา
แต่ว่าใบหน้าของเขายังคงจริงจัง พร้อมกับพยักหน้าอย่างสูงส่ง
เย้นหว่านเปิดประตูรถพร้อมกับขึ้นรถไป นั่งลงข้างๆ โห้หลีเฉิน
หลังจากขึ้นรถแล้วเธอถึงได้เห็นว่า วันนี้โห้หลีเฉินแต่งองค์ทรงเครื่องมาก ผมถูกเซตอย่างประณีต สวมใส่ชุดสูทระดับสูงที่ถูกตัดมาเพื่อเขาโดยเฉพาะ พอดีกับเรือนร่างของเขาเป๊ะ ทำให้รูปร่างที่เดิมทีเพอร์เฟคอยู่แล้วของเขานั้นดูไร้ที่ติมากขึ้นไปอีก
สูงส่งและสง่างามจนทำให้คนหลงใหล
เย้นหว่านใจลอย และก็รีบนั่งหลังตรงทันที พร้อมกับพยักหน้าให้โห้หลีเฉินอย่างสุภาพ
“ขอบคุณ”
โห้หลีเฉินเม้มปาก ไม่ได้พูดอะไร เอนกายลงบนเก้าอี้อย่างสบายๆ หลับตาพักผ่อน
เขาดูแพงมาก แต่กลับไม่รู้สึกห่างเหิน
แต่ว่าก็ไม่เข้าใกล้ ไม่รุกราน