สัญญารัก คบกับประธานฮั่ว30วัน - บทที่254 จูบปิดปาก
บทที่254 จูบปิดปาก
หลังจากนั่งลงไปแล้ว ถึงแม้ว่าเย้นหว่านจะไม่ชินกับการที่ต้องมานั่งข้างๆโห้หลีเฉินในที่ๆมีคนเยอะขนาดนี้ แต่ว่าเมื่อกี้ทุกคนก็รู้แล้วว่าเธอกับเขาเป็นใคร ก็ไม่จำเป็นต้องทำตัวไม่มีเหตุผลอะไรแล้ว
แล้วอีกอย่างเพื่อที่จะหลีกเลี่ยงสิ่งที่ไม่คาดคิด เธอนั่งตรงนี้อย่างเชื่อฟังจะดีกว่า
โห้หลีเฉินเห็นเย้นหว่านนั่งกับเขา แต่ว่าก็ไม่ยอมพูดกับเขา ก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกหงุดหงิดเล็กน้อย
ดูเหมือนว่า การจะดึงความสัมพันธ์ของเธอให้เข้ามา ต้องอาศัยความพยายามมากกว่านี้
เขาพูดอย่างนิ่งเรียบ
“คืนนี้ฉันมีงานเลี้ยง เธอจะไปไหม?”
จู่ๆเย้นหว่านก็ได้ยินว่าโห้หลีเฉินพูดกับเธอ ก็รีบส่ายหน้าทันที
เธอกับเขา ควรจะรักษาระยะห่างถึงจะดี
“นัดทีน่าส่วนตัว เธอไม่อยากจะอธิบายเรื่องเมื่อกี้ให้เธอรู้ แล้วเปลี่ยนความประทับใจที่ไม่ดีที่เธอมีต่อเธอยังงั้นเหรอ?”เสียงที่สง่างามของชายคนนี้ดังขึ้นอีกครั้ง
เย้นหว่านมองเขาอย่างไร้หลักการใดๆ และพยักหน้าทันที
“ไป ฉันต้องไปแน่นอนอยู่แล้ว”
โห้หลีเฉินเห็นท่าทีที่มีชีวิตชีวาของเธอแบบนี้ ก็คลี่ยิ้มออกมา ไม่ได้พูดอะไรต่อ
เย้นหว่านเดาความคิดเขาไม่ออก หรือว่าที่เธอปฏิเสธเขาตอนแรก เขาโกรธยังงั้นเหรอ?
เธอคิดว่าปล่อยโอกาสที่หายากในรอบศตวรรษนี้ไปไม่ได้ เธอก็เริ่มพูดคุยกับเขาก่อนอย่างหาได้ยาก
“คุณโห้ ไม่คิดเลยนะว่าในอุตสาหกรรมแฟชั่นคุณก็มีเครือข่ายเยอะขนาดนี้ ผู้อำนวยการทีน่าก็เหมือนกับว่าจะเคารพคุณมาก การที่ได้รู้จักกับคุณ ถือว่าเป็นเกียรติสำหรับฉันเลย”
ที่จริงแล้ว ถ้าทิ้งความสัมพันธ์ส่วนตัวเหล่านั้นไว้ การที่ได้รู้จักกับเขา ก็ถือว่าเป็นเกียรติของเธอจริงๆ
ไม่ยังงั้น เธอก็ไม่รู้ว่าต้องพยายามอีกกี่ปี บางทีอาจจะสิบปี หรืออาจจะครึ่งชีวิตเลยก็ได้ ถึงจะได้ก้าวเข้ามาในประตูงานแฟชั่วโชว์นี้
โห้หลีเฉินไม่ค่อยได้ยินเธอออกปากชมเขาเท่าไหร่ ถึงแม้จะรู้ว่าตอนนี้เธอกำลังทำเพื่อมื้อเย็นในวันนี้อยู่ก็ตาม แต่ว่าก็อดใจเต้นไม่ได้
รู้จักคำว่าบันยะบันยังดี เขาก็ไม่ทำให้เธอทุกข์ใจอีกต่อไป พร้อมกับพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนว่า
“การทำธุรกิจต้องอาศัยเครือข่ายอยู่แล้ว การจะได้รู้จักคนในวงการแฟชั่นก็เป็นเรื่องที่แน่นอนอยู่แล้ว ถ้าเกิดว่าเธอสนใจล่ะก็ ต่อไปก็อยู่ข้างๆฉันเยอะๆหน่อย จะได้รู้จักกับคนที่เธออยากเจออีกเยอะเลย”
กล่าวเป็นนัยก็คือ อยู่ข้างๆเขา การที่ได้ไปกินข้าวด้วยวันนี้ ก็ไม่ใช่เรื่องยากอะไร
เย้นหว่านไม่คิดเลยว่าเขาจะพูดดีแบบนี้ รีบพยักหน้าขอบคุณ
“ขอบคุณนะ”
โห้หลีเฉินฟังคำพูดที่ไม่สนิทสนมของเธอ สีหน้าที่ยากกว่าจะผ่อนคลายลง ก็เย็นขึ้นเล็กน้อย
“ภายในเวลาสั้นๆสิบนาที เธอขอบคุณฉันมาสองครั้งแล้ว”
เขากับเธอ ไม่ควรจะต้องเกรงใจอะไรกันขนาดนี้
“เหรอ?” เย้นหว่านยิ้ม เสแสร้งทำเป็นไม่เข้าใจความหมายลึกๆของเขา
เขาช่วยเหลือเธอ เธอขอบคุณ มันก็เป็นเรื่องที่ควรจะทำอยู่แล้ว
ไม่นาน แสงไฟในห้องก็หรี่ลง งานแฟชั่นโชว์เริ่มขึ้นแล้ว
เย้นหว่านถือโอกาสหันข้าง มองไปยังเวที
ไม่นาน นางแบบที่สูงและปราณีตก็เดินออกมาทีละคน
บนร่างกายของพวกเธอ เป็นการออกแบบใหม่ล่าสุดและยิ่งใหญ่ที่สุด ทำให้เกิดเสียงฮือฮาในวงการแฟชั่นอีกครั้ง
เย้นหว่านตกตะลึงกับผลงานแต่ละชิ้น มองดูอย่างตั้งใจมาก
เธอไม่ได้สังเกตเลยว่า โห้หลีเฉินที่อยู่ด้านข้าง เอาแต่มองเธอ
สำหรับโห้หลีเฉินแล้วนั้น เขาไม่ได้สนใจงานแฟชั่นโชว์อะไรเท่าไหร่ แต่เพราะว่าเย้นหว่าน แค่จ้องนิดเดียว ก็โดนเธอดึงดูดเข้าไปแล้ว
ในตอนนี้ เห็นแค่เธอกำลังจ้องมองขึ้นไปบนเวทีอย่างตั้งใจ ในดวงตาสีเข้มที่สวยงามคู่นั้น สะท้อนให้เห็นผลงานที่แวววาว แสงที่เหมาะสม ดำเหมือนหินออบซิเดียน สว่างไสวเหมือนดวงดาว
เธอที่เรียบง่ายแบบนี้ ประทับตราในใจของเขา ทำให้เขาไม่สามารถละสายตาไปจากเธอได้
เหมือนกับว่า เธอสวยงามกว่าอะไรทั้งหมดในที่นี้
เย้นหว่านดูอยู่นานมาก ก็รู้สึกคอแห้งเล็กน้อย เธอเอื้อมมือจะไปหยิบขวดน้ำตรงข้างเท้า แต่ว่าคลำไปคลำมา ก็หาไม่เจอ
โห้หลีเฉินเห็นท่าทางของเธอที่ไม่ยอมละสายตาเลย ก็คลี่ยิ้มออกมา แล้วก็หยิบขวดน้ำแร่ เปิดฝาอย่างสง่างาม แล้วก็ยื่นใส่มือของเธอ
“ขอบคุณนะ” เย้นหว่านเองก็ไม่ได้คิดอะไรมากมาย รับมาอย่างลวกๆ ดื่มลงไป ทันใดนั้นเธอก็นึกอะไรขึ้นได้
คนที่นั่งข้างๆเธอก็คือโห้หลีเฉิน ถ้ายังงั้นน้ำแร่นี้เขาก็เป็นคนส่งมาให้ ฝาเขาก็เป็นคนเปิดให้
นี่มันน่าอึดอัดเกินไปแล้ว……
เหมือนกับว่าโห้หลีเฉินจะอ่านความคิดของเธอออก ก็ค่อยๆหันหน้าเขาไปข้างๆเธอแล้วพูดว่า
“ชอบงานแฟชั่นโชว์ครั้งนี้มากไม่ใช่เหรอ? ตั้งใจหน่อย”
หลังจากพูดจบ เขาก็กลับมานั่งท่าเดิมอย่าเป็นธรรมชาติ
เย้นหว่านใจเต้นแรงกว่าเดิม เมื่อกี้ตอนที่โห้หลีเฉินหันมานั้น เธอสามารถได้กลิ่นที่หอมและสดชื่นจากตัวเขาอย่างชัดเจน
น่าจะเพราะว่ากลัวเสียงดังรบกวนคนอื่น ตอนที่เขาพูดนั้นก็เลยขยับเข้ามาใกล้มาก เกือบจะอยู่ตรงหูของเธออยู่แล้ว
แม้ว่าเขาจะออกไปแล้ว แต่ว่าหูของเธอยังมีความอบอุ่นจากเขาวนเวียนอยู่ ช่างทำให้คน——ร้อนอย่างแปลกประหลาด
เย้นหว่านไม่กล้ามองโห้หลีเฉิน ใช้เวลาอยู่นานกว่าจะทำให้ตัวเองสงบได้อีกครั้ง
เธอดูแฟชั่นโชว์ต่อ เบี่ยงเบนความสนใจ
งานแฟชั่นโชว์ในครั้งนี้ เปลี่ยนเป็นสองชุด หนึ่งคือชุดของฤดูใบไม้ร่วงและฤดูหนาวของวันนี้ อีกหนึ่งคือชุดหิมะในฤดูหนาวของวันพรุ่งนี้
แต่ว่าชุดของวันนี้ ก็มีไปกว่าร้อยแบบแล้ว แต่ละชิ้นคุณภาพยอดเยี่ยม กระบวนทัพแข็งแกร่งและยิ่งใหญ่
เย้นหว่านรู้สึกเหมือนได้เปิดหูเปิดตา เธอได้รับประโยชน์มากมาย และก็รอคอยวันพรุ่งนี้อย่างคาดหวังมาก
งานจัดแสดงจบหลังจากผ่านไปสองชั่วโมง พิธีกรยืนอยู่บนเวทีอย่างกระตือรือร้น พูดพร้อมกับรอยยิ้มบนใบหน้า
“วันนี้เป็นงานเลี้ยงแห่งวิสัยทัศน์จริงๆนะคะ ต้องขอบคุณทุกท่านที่มาร่วมงานในวันนี้อีกครั้ง ต่อไป พวกเราจะคัดเลือกผู้โชคดีเข้าห้องตัวอย่าง ได้สัมผัสกับสินค้าตัวอย่างอย่างใกล้ชิด แถมยังได้ติดต่อกับดีไซเนอร์อีกต่างหาก
ผู้โชคดีที่ได้รับแจ้ง กรุณามาตอนบ่ายสองโมงนะคะ”
พอได้ยินข่าวนี้ แทบจะทุกคนที่อยู่ในที่นี้รู้สึกตื่นเต้นขึ้นมาทันที
ได้ใกล้ชิดกับแฟชั่น ดีไซเนอร์ เป็นโอกาสที่ดีไซเนอร์ตัวเล็กๆจะคุกเข่าและอ้อนวอนต่อพระเจ้า สำหรับนักข่าวแล้วนั้น ก็อยากจะเข้าไปสัมภาษณ์ ถ่ายรูปยอดนิยม เพื่อจะเอาไปพาดหัวข่าวในวันพรุ่งนี้”
เย้นหว่านก็ต้องรอคอยมากเช่นกัน ในห้องตัวอย่างนิทรรศการที่ใหญ่โตแบบนี้ เสื้อผ้าหลายร้อยชุดอยู่ในนั้น มันช่างสวยงามเกินจินตนาการ
แต่ว่า เรื่องของความโชคดีอะไรแบบนี้ เกรงว่าจะไม่ตกมาที่ตัวเธอ แค่เธอสามารถมานั่งอยู่ตรงนี้ได้ ก็ถือว่าเป็นลาภอันประเสริฐแล้ว
“อยากไปไหม?” ตอนนี้เอง ก็มีเสียงที่งดงามเหมือนแม่เหล็กถามขึ้นมา
เย้นหว่านมองโห้หลีเฉินอย่างประหลาดใจ เห็นใบหน้าที่สูงส่งและสง่างามของเขาดูสบายๆ เหมือนกับว่ากำลังพูดเรื่องที่ปกติที่สุดอยู่ยังไงยังงั้น
เธอถามอย่างไม่อยากจะเชื่อ “กิจกรรมนี้ คุณสามารถขอโควต้าจากภายในได้เหรอ?”
โห้หลีเฉินพยักหน้าอย่างนิ่งเรียบ
เย้นหว่านรู้สึกเหมือนว่าจิตวิญญาณของตัวเองได้รับการกระทบกระเทือนมากขึ้น มีอำนาจนี่มันดีจริงๆ สามารถทำเรื่องที่คนอื่นต้องพยายามทั้งชีวิตยังไม่ได้ได้อย่างง่ายดาย
แต่เธอก็คิดว่าเหมือนกับว่าเธอจะสร้างปัญหาให้เขามากเกินไปแล้ว แล้วอีกอย่างเธอก็ไม่อยากจะติดหนี้บุญคุณเขาด้วย ก็เลยส่ายหน้าเบาๆ
“ฉันไม่อยากไป ของตัวอย่างที่อยู่ด้านในนั้นเมื่อกี้ก็ได้เห็นหมดแล้ว ไม่มีอะไรน่า……อุ้บ!”
เย้นหว่านยังไม่ทันจะพูด ตรงหน้าก็มืดไป ทันใดนั้นลมหายใจที่รุนแรงก็ปรากฏขึ้นที่ริมฝีปากของเธอ
ดวงตาสีดำของเธอเบิกกว้าง มองไปที่ดวงตาสีดำที่อยู่ใกล้มากด้วยความหวาดกลัวและมึนงง เธอจะผลักเขาออกโดยสัญชาตญาณ
แต่ว่าโห้หลีเฉิน ปล่อยเธอก่อน
เย้นหว่านรีบมองไปรอบๆทันที เหมือนกับว่าทุกคนกำลังรอคอยที่จะได้เป็นผู้โชคดีอยู่ ก็เลยไม่ทันสังเกตพวกเขา
เธอโล่งอก แล้วก็หันไปมองโห้หลีเฉิน อยากจะถามกลับด้วยความโกรธ
“คุณ……”
“จะบอกว่าเสื้อผ้าของคนอื่นไม่ได้มีอะไรดูดี ถือว่าเป็นข้อห้ามที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในวงการแฟชั่นเลยนะ” โห้หลีเฉินตัดบทเธอ แล้วเตือนด้วยเสียงเบา
ทันใดนั้นเย้นหว่านก็มีปฏิกิริยาโต้ตอบทันที
จริงๆด้วย ในงานแฟชั่นโชว์แบบนี้ คำพูดพวกนั้น ถ้าเกิดว่ามีคนได้ยินเขา ต้องถูกประณามอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ แม้แต่โดนนักข่าวเขียนว่า ‘ดีไซเนอร์ตัวน้อยเย่อหยิ่ง ดูหมิ่นผลงานเทพเจ้าผู้ยิ่งใหญ่’ เพื่อเรียกจำนวนคนเข้าชม
และเธอ ก็จะโดนคนในอินเตอร์เน็ตโจมตี ด่ากระทบฝ่ายตรงข้าม
ดังนั้น ที่เขาจูบเธอ ก็เพื่อที่จะช่วยเธอยังงั้นเหรอ?