สัญญารัก คบกับประธานฮั่ว30วัน - บทที่259 ในสายตานั้น มันมีเพียงแค่เธอ
บทที่259 ในสายตานั้น มันมีเพียงแค่เธอ
อ้อมกอดที่ว่างเปล่า ทุกอย่างมันเกิดขึ้นอย่างกะทันหันจนโห้หลีเฉินนิ่งอึ้งไป
สายตาจดจ้องไปที่แผ่นหลังของเย้นหว่านที่วิ่งหนีไป หัวที่ร้อนมันทำให้เขาได้สติ
เขาขมวดคิ้วขึ้นอย่างหงุดหงิดใจ
ต่อหน้าของเย้นหว่านการยับยั้งชั่งใจของเขาดูจะค่อยๆ ลดลงไปเรื่อยๆ
เย้นหว่านวิ่งออกมาจากห้องเพียงอึดใจเดียว วิ่งออกมาไกลแล้ว จนค่อยผ่อนลมหายใจ
เมื่อกี้เธอก็ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น การใกล้ชิดโห้หลีเฉินขนาดนั้นมันทำให้เธอแทบเสียสติ
พูดง่ายๆ ก็คือควบคุมตัวเองไม่ได้
เย้นหว่านตบแก้มที่ร้อนระอุของตัวเอง เมื่อกี้เธอเป็นอะไรไปกันนะ?
พักใหญ่ เมื่อหายใจช้าลง ก็เพิ่งนึกได้ในสิ่งที่ต้องทำ
จึงรีบหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูเวลา มันเป็นเวลาบ่ายสองแล้ว
ได้เวลาไปดูแบบเสื้อผ้าแล้ว!
เย้นหว่านไม่สนใจอะไรอีก รีบเดินไปทางห้องที่นิทรรศการทันที
เธอเดินหอบมาจนถึง ก็เห็นโห้หลีเฉินยืนอยู่ที่ประตูทางเข้า
เขาใส่ชุดสูทเท่ ยืนตรงอยู่ยังไม่ได้เข้าไป ดูเหมือนกำลังรอใครบางคน
และคนรอก็ดูเหมือนจะไม่ได้รีบร้อนอะไร
เมื่อเห็นเขา สมองของเย้นหว่านก็หวนกลับไปคิดเรื่องในห้องน้ำอีกครั้ง และนั่นก็ทำให้อดไม่ได้ที่จะหน้าแดงขึ้น
เธอยืนห่างออกไปไม่กี่ก้าว กำลังลังเลอยู่ว่าแบบชุดนี้เธอจะยังไปดูอยู่ไหม
การเผชิญหน้ากับโห้หลีเฉินมันช่างน่าอึดอัดจริงๆ
โห้หลีเฉินอยู่ในอากาศสงบ ดูเหมือนก่อนหน้านี้ไม่ได้เกิดอะไรขึ้นเลย เขาเดินก้าวเข้ามาด้านหน้าของเย้นหว่าน
ก้มศีรษะลงจ้องมองเธอ ก่อนจะพูดเบาๆ “ไปเถอะ งานเริ่มแล้ว”
เสียงอ่อนนุ่ม ฟังดูเป็นธรรมชาติ
เย้นหว่านประหลาดใจน้อยๆ มองไปที่โห้หลีเฉิน จู่ๆ ก็เหมือนรู้สึกสนใจเธอออกมาอย่างชัดเจนอย่างไรอย่างนั้น
ไม่ใช่ว่าอีกนิดจะจูบกันหรอกหรอ? ยังไม่จูบนี่
แต่ทำไมหัวใจของเธอถึงได้สับสนวุ่นวายได้หล่ะ
เย้นหว่านเต็มไปด้วยความสับสน มันไม่ง่ายเลยที่จะทำให้ใจสงบลง เธอหายใจเข้าออกยาวๆ แสร้งทำเป็นใจสงบ
“อื้ม”
มาถึงตรงนี้แล้ว การที่จะหันหลังเดินออกไปมันจะยิ่งน่าอายมากกว่าเดิมอีก
ตอนนี้เธออยากจะดูแบบชุดใจจะขาดแล้ว
ดูเหมือนจะโห้หลีเฉินจะคะเนได้ว่าเย้นหว่านจะตอบรับ เขาจึงยิ้มขึ้น ก่อนจะงอแขนให้เธอ
เย้นหว่านหน้าแดงน้อยๆ ลังเลอยู่ครู่ ก่อนจะสอดแขนเข้ากับแขนของโห้หลีเฉิน
เพียงเข้ามาใกล้ เธอก็ได้กลิ่นกายหอมๆ มาจากตัวของโห้หลีเฉิน กลิ่นที่เป็นเฉพาะแต่เขาคนเดียว นั่นทำให้หัวใจเธอวุ่นวายขึ้นอีกครั้ง
โห้หลีเฉินที่เดินอยู่ค่อยๆ หยดลง มองไปที่เย้นหว่าน พูดด้วยน้ำเสียงย่าฟัง
“ไม่ต้องตื่นเต้นไป”
หยุดอยู่พัก ก็พูดเสริมขึ้นอีก “ก็แค่มาชมนิทรรศการเท่านั้นเอง”
เย้นหว่านหน้าแดงขึ้นอีก เขารู้แน่นอนอยู่แล้วว่าการที่มาชมนิทรรศการนั้นเธอไม่ได้ตื่นเต้นอะไรเลย
แต่เมื่อถูกเขาพูดแบบนั้น ร่างกายของเย้นหว่านที่เกร็งๆ นั้นก็ผ่อนคลายขึ้นมาได้หน่อย
งานครั้งนี้มีเสื้อผ้าหลายร้อยกว่าชุด ซึ่งทั้งหมดเป็นผลงานของดีไซเนอร์ชั้นนำ ถึงแม้ตอนนี้มันจะถูกจัดวางให้แขกผู้มีเกียร์ติรับชม แต่ก็ยังดูดีมาก
มันเป็นโถงขนาดใหญ่ ที่กระจัดกระจายไปด้วยเสื้อผ้าในรูปแบบต่างๆ
อีกทั้งแบบเหล่านั้นก็อยู่ในหุ่น มันจึงทำให้แขกสามารถเชยชมได้
หลายร้อยชุดอยู่ด้วยกัน มันเป็นยิ่งกว่าห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่ มันเป็นดั่งเทศกาลอาหารตาทีเดียว
เย้นหว่านไม่เคยเห็นงานที่จัดเสื้อผ้าโชว์ได้มากมายขนาดนี้มาก่อน อีกทั้งทุกๆ ชุด เธอก็สามารถที่จะเข้าไปดูใกล้ๆได้ แม้แต่ด้านหน้าของนางแบบ อีกทั้งยังแนวคิดของดีไซเนอร์อีกด้วย
สำหรับนักออกแบบที่ชอบออกแบบนั้น มันเหมือนเป็นงานเฉลิมฉลองอย่างหนึ่ง
ความประหม่าที่มีอยู่ก่อนหน้านี้อันตรธานหายไป โดยถูกเสื้อผ้าที่สวยงามดึงดูดสายตาไปแทน
เดิมทีเธอเดินเกาะโห้หลีเฉินเอาไว้ โดยให้เขาเดินนำ แต่เมื่อเข้ามาแล้ว เป็นเธอที่เป็นคนลากนำโห้หลีเฉินเดินเอง
เธอกระตือรือร้นที่จะไปดูชุดอย่างละเอียดใกล้ชิด
ชุดเหล่านี้เป็นดั่งผลงานเอกของนักออกแบบทุกๆ คน แต่ละคนจะมีสไตล์พิเศษ มันเป็นสถานที่ที่ทำให้เธอได้ชื่นชม และเรียนรู้ไปด้วย
ก็เหมือนกันกับเย้นหว่าน ที่สามารถจะมาที่นี่ได้นั้นก็นับเป็นโชคดีและทำให้เธอรักในการออกแบบมากยิ่งขึ้น
พวกเขาค่อยๆ ชื่นชมผลงานที่ตัวเองชื่นชอบ บ้างก็ทำให้ชื่นชม บ้างก็ทำให้เศร้าใจ
ที่ไม่เหมือนคนอื่นนั่นก็คือ
หลายคนกำลังดูผลงาน และเย้นหว่านเองก็ไม่สามารถละสายตาไปจากชิ้นงานได้ แต่โห้หลีเฉินนั้นตั้งแต่แรกเริ่มเข้างานมา สายตาของเขากลับมองมาแต่ที่ร่างของเย้นหว่าน
สายตาของเขาลึกล้ำ ราวกำลังมองเด็กน้อยที่เขาคอยตามใจ
ดูเหมือนในสายตาของเขาตอนนี้ ไม่มีสิ่งใดที่คุ้มค่าแก่สายตา แต่รอยยิ้มของเธอกลับดูสวยงามมากยิ่งกว่าสิ่งใดในโลก
“ตึกตึกตึก”
ในขณะที่เย้นหว่านกำลังชื่นชมผลงานด้วยในโถงใหญ่ที่ค่อนข้างเงียบด้วยความหลงใหลนั้น เสียงรองเท้าส้นสูงก็ดังสับเข้ามา
อีกทั้งเสียงนั้นก็กำลังมุ่งเข้ามาใกล้ทางเธอเรื่อยๆ
เย้นหว่านที่อยู่ในอารมณ์ที่ไม่อยากจะหยุดชื่นชมผลงานขมวดคิ้วขึ้นก่อนจะเงยหน้ามองไปทางต้นเสียง
พอช้อนสายตามอง เธอก็พบกับทีน่า คนเธอที่คุ้นเคยเข้า
ซึ่งเป็นผู้อำนวยการงานแสดงในครั้งนี้
เย้นหว่านนับถือเธอมาก และไม่คิดเลยว่าจู่ๆ เธอจะปรากฏตัวขึ้นที่นี่ เธอจึงมีรอยยิ้มขึ้นทันทีเมื่อพบ
“ผู้อำนวยการทีน่า”
“อื้อ”
ทีน่าพยักหน้า สวยตากวาดผ่านตัวเย้นหว่านก่อนจะไปตกที่ตัวของโห้หลีเฉิน
เธอมองไปที่โห้หลีเฉินพลางยิ้ม “คุณโห้ ดูแล้วเป็นยังไงบ้างคะ? ”
สายตาของโห้หลีเฉินละจากร่างของเย้นหว่านก่อนจะตอบสุ่มๆ “ก็ดีนะ” ด้วยเพราะเย้นหว่านดูจะพอใจมาก
ในโลกใบนี้ การที่จะทำให้โห้หลีเฉินพูดว่าดีได้นั้น นับว่าน้อยมาก
ทีน่าเองก็ได้ยินเรื่องที่ว่านี่มาเหมือนกัน ดูเหมือนจะเพียงไม่กี่ครั้งเท่านั้น ไม่คิดเลยว่าในงานโชว์ที่เธอเป็นคนจัดนี้จะได้รับการการันตีจากเปอร์เซ็นต์หลีเฉิน
ทีน่ารู้สึกมีความสุขขึ้นมา ยิ้มอย่างเชิญชวน:
“คุณโห้ จริงๆ แล้ววันนี้ได้ที่เปิดแบบชุดให้แขกได้ชื่นชม จริงๆ ก็มีอีกหนึ่งจุดประสงค์ มันมีผลงานชิ้นหนึ่งที่ไม่ได้จัดแสดง เป็นผลงานของฟีโรเจ๊กนักออกแบบชื่อดัง ซึ่งก็เป็นผลงานชั้นนำแต่ดันเกิดปัญหาขึ้น
“ผลงานของฟีโรเจ๊กมีปัญหาอะไรหรอคะ? ” เป็นนักออกแบบ
เย้นหว่านถามอย่างตกใจ
ฟีโรเจ๊กเป็นนักออกแบบที่มีชื่อเสียงสูงสุดและมีคนชื่นชมล้นหลาม มีชื่อเสียงมาเนิ่นนาน เพราะงานที่เขาผลิตออกมานั้นน้อยนัก แต่ในทุกๆ ชิ้นก็จะเป็นชิ้นที่เป็นสุดยอดผลงาน
อีกอย่างเขาก็เป็นคนที่เข้มงวดกับการออกแบบ งานออกแบบที่ร่างมานั้นเป็นดั่งเจ้าให้แห่งความสมบูรณ์แบบไม่เคยมีปัญหาในผลงานเลย ไม่สิ ไม่ต้องพูดถึงปัญหาหรอก มันไร้ที่ติเลยก็ว่าได้
งานที่เขาเอามานั้นเกิดมีปัญหาขึ้น พอได้ยินคำนี้ เย้นหว่านก็ราวกับได้ยินเรื่องผี
ทีน่าไม่ได้รู้สึกประหลาดใจในกิริยาของเย้นหว่าน ไม่ว่าใครที่ได้ยินเธอพูดประโยคนี้ขึ้นมาก็มีปฏิกิริยาไม่ต่างกัน
แต่เมื่อมองไปที่โห้หลีเฉิน กลับได้เห็นเพียงใบหน้าหล่อเหลาที่ไม่มีการตอบสนองแต่อย่างใด นั่นจึงทำให้เธอยิ่งประหลาดใจ
ราวกับว่า การที่ผลงานของฟีโรเจ๊กเกิดปัญหานั้น ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับตัวเขาเลย