สัญญารัก คบกับประธานฮั่ว30วัน - บทที่422 ตกตะลึง
บทที่422 ตกตะลึง
เย้นโม่หลินเองก็ไม่คิดว่าเย้นหว่านที่ถูกดึงรั้งเอาไว้จะจู่ๆพุ่งออกมา หากแต่เขาได้ลั่นไก
ปืนออกไปแล้ว มิอาจเก็บคืนได้
ชั่วพริบตา ปฏิกิริยาที่ไวที่สุดของเขาคือ เก็บกระบอกปืน
ลูกปืนกระดอนเฉียดไป หากแต่ก็ยังกระดอนไปทางเย้นหว่านและโห้หลีเฉิน
เย้นโม่หลินจ้องมองทิศทางที่ลูกปืนกระดอนไป เห็นเต็มตาว่าไปทางเย้นหว่าน จึงมอง
อย่างตะลึง โห้หลีเฉินโผเข้ากอดไว้อย่างไม่สนใจสิ่งรอบตัว เขาปกป้องเธอไว้
“ปัง”
เสียงปะทุขึ้น ไม่รู้ว่าลูกปืนไปตกที่ไหน
เย้นหว่านไม่รู้สึกเจ็บอะไรเลย แต่ใจของเธอ กับตึงเน้นราวหัวใจหยุดเต้น
ลูกปืนไม่ได้โดนเธอ หรือว่าจะโดนโห้หลีเฉิน
“เป็นอย่างไรบ้าง อย่าเป็นอะไรนะ โห้หลีเฉิน คุณเป็นไงบ้าง รีบบอกฉันสิ”
เย้นหว่านกลืนก้อนแข็งๆลงลูกคอร้องไห้ออกมา น้ำตาพรั่งพรู
เธอตัวสั่นเทาคว้าเสื้อโห้หลีเฉินไว้ มองเขาด้วยแววตาพร่ามัว สับสนหาใดเปรียบ
โห้หลีเฉินยื่นมือไปเช็ดน้ำตาเย้นหว่าน สายหน้ายิ้มให้
“ผมไม่เป็นไร ”พูดพลางชี้นิ้วไปที่กำแพง กำแพงนั้นไม่ไกล มีรอยกระสุนสองลูก“ดูสิ กระสุนอยู่โน่น”
มองไปทางกำแพงเป็นกระสุนจริงๆ เย้นหว่านถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก
เธอน้ำตาไหลร้อนรน ตัวสั่นเทาในอ้อมกอดโห้หลีเฉิน
“ตกใจหมดเลย ฮือๆๆ ทำฉันตกใจหมดเลย”
โห้หลีเฉินคลายตัวเย้นหว่านออก ลูบเธอเบาๆ
ปลอบด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน“ไม่เป็นไรนะ ไม่เป็นไร”
ด้านข้าง เย้นโม่หลินสีหน้าอึมครึม มองโห้หลีเฉินด้วยแววตาสับสน
แววตามีความตะลึงและเหลือเชื่อ
เขาเป็นคนลั่นปืน เขารู้ดีที่สุด จังหวะนั้น โห้หลีเฉินอยู่ที่ปากประตูมัจจุราชแล้ว
ถ้าไม่ใช่กระสุนเบี้ยว ตำแหน่งที่โห้หลีเฉินพุ่งไปกันเย้นหว่าน โห้หลีเฉินจะต้องโดนกระสุนเต็มๆ
หากแต่เขาพุ่งเข้าไปกอดเย้นหว่านเอาไว้ สถานการณ์คับขันแบบนั้น แน่นอนว่าไม่ได้คิดถึงเรื่องกระสุนเบี้ยว
โห้หลีเฉินกำลังใช้ชีวิตเข้าปกป้องเย้นหว่าน
เย้นโม่หลินไม่เชื่อว่าโห้หลีเฉินจะยอมสละเพื่อเย้นหวานขนาดนี้ แต่ความจริงปรากฏตรงหน้า เขาถึงขั้นตกตะลึง
แม้แต่ชีวิตยังกล้าสละ เขาจะไปหลอกใช้อะไรเย้นหว่านได้
ปัญหานี้ เป็นครั้งแรกที่ปรากฏขึ้นในใจเย้นโม่หลิน เขาลังเลไม่แน่ใจ
เย้นหว่านได้รับการปลอบประโลมจากโห้หลีเฉิน หัวใจที่เต้นเกือบหลุด จึงค่อยๆวางลง
เมื่ออารมณ์สงบ เธอจึงรีบยืนขึ้นอย่างตื่นเต้น
เธอรีบเดินไปขวางโห้หลีเฉินไว้อีกคราว
“พี่ ทำเกินไปแล้ว!ถ้าโห้หลีเฉินเป็นอะไรไปจริงๆ ฉันจะไม่ยกโทษให้พี่ชั่วชีวิต!”
เย้นโม่หลินตะลึง สีหน้าซีดขาว
รู้จักมาตั้งนาน เย้นหว่านเป็นเด็กดีมาตลอด ไม่เคยพูดจาอะไรแบบนี้
เขาถึงได้รู้สึกว่า โห้หลีเฉินสำหรับเย้นหว่านแล้ว ดูท่าจะสำคัญมากจริงๆ
เย้นหว่านเห็นเย้นโม่หลินตกตะลึง จึงรีบดึงโห้หลีเฉินไปที่หน้าต่าง พูดกระตุ้นเสียงเบาว่า“รีบหนีไป ฉันจะบังพี่ชายไว้”
โห้หลีเฉินมองเย้นโม้หลินด้วยแววตาสับสน ตอนนี้เขาดูเหมือนไม่ตัดสินใจจะยิงปืนแล้ว
เพียงแต่ว่า……
โห้หลีเฉินพยักหน้า กำชับเสียงเบา“คุณอย่าขยับอีกเลย แผลปริหมดแล้ว!”
ตอนนี้ตกลงเรื่องของใครสำคัญกว่ากัน เย้นหว่านผลักเขาอย่างร้อนใจ
“ฉันรู้แล้ว คุณรีบไปสิ รีบไป”
โห้หลีเฉินไม่รีรอ ผลักหน้าต่างกระโดดหนีไปต่อหน้าเย้นโม่หลินและบอดี้การ์ดสองคน
เมื่อเห็นโห้หลีเฉินออกไป บอดี้การ์ดสองคนถึงได้สติ รีบร้อนตามออกไป เย้นหว่านผลักหน้าต่าง บังอยู่ด้านหน้าหน้าต่างไว้
“ทุกคนห้ามขยับ ใครกล้าเข้ามาฉันจะทุบให้ตาย”
พูดจบ เย้นหว่านคว้าแจกัน แล้วชูขึ้นสูง
ท่าทีเหมือนเสือน้อย น่ากลัวมาก
บอดี้การ์ดสองคนไม่ได้กลัวเธอฟาด อย่างมากก็แค่เจ็บๆคันๆ แต่ถ้าพวกเขาเผลอทำให้คุณหนูบาดเจ็บ นั่นแหละซวยของแท้
บอดี้การ์ดสองคนลังเล กำลังคิดว่าจะพุ่งเข้าไปดีหรือไม่ ในเวลานี้ ได้ยินแต่น้ำเสียงแหบพร่าของเย้นโม่หลิน
“พวกแกออกไป”
บอดี้การ์ดสองคนเหมือนได้รอดตัว รีบหยุดไม่กล้าขึ้นหน้า แต่ก็สงสัยว่าไม่ตามโห้หลีเฉินแล้วหรือ
เย้นโม่หลินไม่มีอารมณ์จะไขข้อสงสัยให้พวกเขา ก้มหน้าก้มตา เดินไปทางเย้นหว่าน
เย้นหว่านรู้สึกตึงเครียด ชูแจกันไว้สูงๆ
“อย่าเข้ามานะ อย่าคิดว่าเป็นพี่ชายแล้วจะไม่กล้าทำอะไรนะ!”
เย้นหว่านกล่าวอย่างดุเดือด เธอโกรธเย้นโม่หลินเต็มประดา ตอนนี้เธออยากจะทุ่มใส่ เขาเหลือเกิน ทุ่มแรงๆ ให้เขายิงปืนสะเปะสะปะ
เย้นโม่หลินเบ้ปากบางๆ เธอยังคงไม่หยุดฝีเท้า เดินสาวเท้าไปหาเย้นหว่าน
ใกล้เข้ามาเรื่อยๆ
“พี่ พี่อย่าเข้ามานะ!ฉันทุ่มใส่พี่จริงๆด้วย!”
เย้นหว่านชูแจกันขึ้นสูง ครั้งแล้วครั้งเล่า แต่ก็ยังไม่ได้ทุ่มลงไป
จนกระทั่งเย้นโม่หลินไปหยุดตรงหน้าเย้นหว่าน
เขายื่นมือออกไป กดแจกันลง แล้วดึงออกจากมือเย้นหว่าน วางไว้ข้างๆ
ในมือว่างเปล่า เย้นหว่านไม่มีแม้แต่กำลังจะอาละวาด
เธอกะพริบตาจ้องเย้นโม่หลิน ฝืนพูด“ฉันไม่ยอมพี่หรอกนะ ต่อให้พี่จะตามไปตอนนี้ โห้หลีเฉินหนีไปไกลแล้ว พี่ตามไม่ทันหรอก”
“อืม”
ใครเลยจะคิด เย้นโม่หลินแค่พยักหน้ารับ ไม่ได้คิดจะไปเปิดหน้าต่าง
จากนั้น เขายื่นมือไปคว้าข้อมือเย้นหว่านเอาไว้ มองเลือดบนบาดแผลเธอด้วยแววตาลุ่มลึก
“เจ็บมั้ย”
เย้นหว่านตะลึง
มองเย้นโม่หลินอย่างเหลือเชื่อ รู้สึกเหม่อลอยเล็กน้อย
เย้นโม่หลินหน้าคว่ำ แต่กลับไม่พูดอะไร ดึงเย้นหว่านไปนั่งลงตรงโซฟา
จากนั้น เขาไปหยิบกล่องยาที่เตรียมเอาไว้ ทำบาดแผลให้เย้นหว่านด้วยท่าทีที่คล่องแคล่ว
เย้นหว่านมองเย้นโม่หลินที่กำลังทำแผลให้ตนเองด้วยแววตาลุ่มลึก เปิดปากถาม“พี่ ไม่ตามโห้หลีเฉินแล้วหรือ”
เย้นโม่หลินเม้มปาก ไม่ตอบคำถาม
สีหน้าอันหล่อเหลาเคร่งขรึม ทำให้คนอ่านใจไม่ออก
เย้นหว่านรู้สึกไม่สงบ จึงถามขึ้นอีก“เมื่อกี้พี่ปล่อยโห้หลีเฉินไป พี่คิดว่าจะปล่อยเขาแต่แรกแล้วใช่ไหม”
เย้นโม่หลินแววตาเป็นประกาย มือบีบกล่องยา จนเกือบจะถูกกล่องยาบาด
สีหน้าเขาสับสน น้ำเสียงฟังดูอันตราย“นับจากวันที่เขาออกจากบ้านสกุลเย้นไปอย่างมีชีวิต เพียงเพราะเธอ ครั้งหน้า ถ้าพี่เห็นเขาคงไม่ปล่อยไว้แน่”
ทุกๆคำพูด เขากัดฟันพูดกรอก
เมื่อกี้ก็จะชักปืนฆ่าคนอยู่แล้ว ครั้งหน้าถ้าไม่ใจอ่อน คงจะเอาชีวิตโห้หลีเฉินไปแล้ว