สัญญารัก คบกับประธานฮั่ว30วัน - บทที่429 ฝันร้าย
บทที่429 ฝันร้าย
เมื่อตากฝน เย้นหว่านไข้สูงขึ้น นอนซม
เธอลืมตาได้เป็นครั้งคราว สะลึมสะลืออย่างยิ่ง ไม่ค่อยมีสติ ดวงตาที่กะพริบ ถ้าไม่ใช่หิวน้ำ ก็จะร้องเรียกชื่อโห้หลีเฉิน
น้ำเสียงอ่อนแรง แต่ก็ละเมอเศร้าสลดไม่หยุด
กงจืออวีน้ำตาไหล แอบร้องไห้
เย้นเจิ้นจื่อตบไหล่กงจืออวีเบาๆ ปลอบใจหล่อน
“อย่าร้องไห้อีกเลย มีป่ายฉีอยู่ เสี่ยวหว่านไม่นานก็จะดีขึ้น”
ต่อหน้าเย้นเจิ้นจื่อ กงจืออวีนัยน์ตาแดงก่ำ ความเฉียบขาดแปรเปลี่ยนเป็นกังวลและ
อ่อนแอ
เธอกลืนน้ำเสียงลงคอ“แม่เป็นคนทำให้เสี่ยวหว่านทุกข์ขนาดนี้ แม่เอง”
“ไม่โทษคุณ คุณก็หวังดีกับเสี่ยวหว่านนั่นแหละ”
เย้นเจิ้นจื่อตบหลังกงจืออวี ให้เธอโล่งใจ ปลอบน้ำเสียงอ่อนโยน“รอเสี่ยวหว่านหายดีแล้ว เธอจะค่อยๆคิดได้ ในโลกนี้จะมีความรักไหนมากไปกว่าความรักแม่อีกเล่า”
ความรักทะนุถนอม ถึงได้ไม่สนใจทุกสิ่งอย่าง คอยปูทางอนาคตให้ ขจัดขวากหนามทุกอย่าง ต่อให้เย้นหว่านจะโกรธ จะเกลียด ก็ไม่เสียดาย
เย้นเจิ้นจื่อรู้ว่าในใจกงจืออวีเป็นทุกข์ ยิ่งรู้ว่ากงจืออวียืนกราน
กงจืออวีหัวพิงไหล่เย้นเจิ้นจื่อ พูดเสียงเบา
“เสี่ยวหว่านแยกทางกับโห้หลีเฉิน ฉันเองก็คอยสังเกต รู้ว่าโห้หลีเฉินออมมือมาตลอด ถึงได้ถูกต้อนจนๆมุมแบบนี้ ที่จริงฉันก็เคยคิด หากเขาต้องการอยู่ที่นี่แม้ว่าจะตายไปก็ยอม บางทีอาจ……”
“แม้ว่าเขาอยากอยู่ที่นี่ โอกาสที่คุณให้เขา ก็เพียงแค่เห็นใจเขา ไม่ใช่ยอมรับ”
เย้นเจิ้นจื่อตัดบทกงจืออวี“สุดท้ายคุณก็จะได้แต่ดูแคลนโห้หลีเฉินลูกเขยคนนี้ ไม่มีทางยอมรับได้”
“ตอนนี้เขาไปแล้ว คงไม่มีโอกาสอยู่กับเย้นหว่านชั่วชีวิต”
กงจืออวีเงียบอึ้งไปอีกหนึ่ง
ให้โทษสุดท้ายกับโห่หลีเฉิน ซึ่งก็คือโทษตาย
เย้นเจิ้นจื่อก้มหน้าถอนหายใจ“ไปก็ดี เย้นหว่านมีพวกเรา ก็ต้องหายดี”
——
เย้นหว่านฝันยาวนาน ในฝันสะลึมสะลือ มักจะเห็นโห้หลีเฉินบ่อยๆ สัมผัสได้ถึงความอบอุ่นของเขา ทำให้เธอไม่อยากที่จะตื่นจากนิทรา
“โห้หลีเฉิน……”
“อย่าไป……”
ในฝัน น้ำเสียงเย้นหว่านแผ่วเบา ต่อให้ลืมตาขึ้น แต่สายตาที่สะลึมสะลือ ก็ยังคงไม่ตื่น
จากฝัน
เธอยื่นมือออกไปอย่างไม่รู้ตัว ราวกับอยากคว้าอะไรไว้
ทันใดนั้น มือเรียวยาว ยื่นมาเกาะกุมมือเธอไว้
ฝ่ามือเขาใหญ่มาก กว้างมาก มีความอบอุ่นอยู่ ทำให้เย้นหว่านราวกับได้เกาะขอนไม้ เธอรู้สึกตัวว่าเกาะเขาแน่น
ริมหูมีเสียงกระซิบขึ้น“เย้นหว่าน……”
เย้นหว่านมองไปตามเสียง เธอมองเขาในห้วงคำนึงอย่างบ้าคลั่ง
เป็นเขา
เป็นโห้หลีเฉิน
“ทำไมคุณเพิ่งมา”
เย้นหว่านกลืนก้อนแข็งๆลงคอ น้ำตาไหลพราก สีหน้าอึดอัดเต็มประดา
ชายหนุ่มชะงักงัน กุมมือเย้นหว่านแน่น มือหนึ่งค่อยๆลูบผ่าน เช็ดน้ำตาบนหน้าเย้นหว่าน
“ผมมาแล้ว ไม่ต้องร้องไห้แล้ว ผมปวดใจ”
“คุณอยู่ฉันไม่ร้องไห้”
เย้นหว่านเปิดปากราวเด็กน้อย ออกแรงไขว่คว้าชายหนุ่ม และก็ผลุนนั่งขึ้นมา ยื่นมือโอบกอดชายหนุ่มไว้
เธอไม่ค่อยมีแรงนัก หากกลับกอดไว้แน่น
“คุณรับปากสิ ว่าจะไม่ไปไหนอีก จะไม่ทิ้งฉันไว้คนเดียว”
เย้นหว่านวิงวอนทั้งน้ำตา น้ำเสียงน่าสงสาร ราวกับเด็กน้อยที่ถูกทอดทิ้ง
เธอกลัวจับใจ ความรู้สึกมืดบอดตอนที่โห้หลีเฉินไม่อยู่ ราวกับตกนรกหมกไหม้ แม้แต่
ท้องฟ้าก็มืดดำ บรรยากาศก็วังเวง
ชายหนุ่มเข้าไปโอบกอดเย้นหว่าน ยื่นมือไปตบหลังเธอ
ราวกับกล่อมเด็กก็ไม่ปาน ทั้งนุ่มนวลและอ่อนโยน“ตกลง อย่าร้องไห้นะ รีบหายไวๆ รู้มั้ย”
“อืมๆ”
เย้นหว่านพยักหน้าไม่หยุด ดวงหน้าเล็กๆที่เต็มไปด้วยคราบน้ำตา ยิ้มอย่างเป็นสุข
ด้านหน้าประตู เย้นโม่หลินเดินเข้า หยุดชะงักฝีเท้า
เขามองคนทั้งคู่ที่กอดคอกันในห้องอย่างตกตะลึง แววตาร้ายกาจพาดผ่าน อยากจะดึงพวกเขาออกอย่างดุดัน หากแต่ยิ้มมองเย้นหว่านอย่างตะลึง
รอยยิ้มนั้นสะดุดตา ทำให้เย้นโม่หลินชะงักฝีเท้า
เขาไม่ได้เห็นรอยยิ้มเย้นหว่านมานานเท่าใดแล้ว ในเวลานี้ เย้นหว่านนอกจากดื้อดึงกับ
เขา ก็คือสีหน้าอมทุกข์ ทุกข์โศก
รอยยิ้มของเธอ นานๆเห็นที แต่สดใสยิ่ง
นี่คือสิ่งที่เย้นโม่หลินเฝ้าดูมาตลอด
เย้นโม่หลินกอดคนทั้งคู่ด้วยแววตาสับสน มองอยู่สักพัก เม้มปาก ความเบาใจ ค่อยๆ
ปลดปล่อย
ตอนนี้ก็ดี
โห้หลีเฉินไปแล้ว ยังมีหยูซือห้าน เขาสามารถปลอบใจเย้นหว่าน
แม้ว่าไม่รู้ว่าจะใช้วิธีอะไร แต่เย้นหว่านผู้อมทุกข์ กลับยินยอมที่จะอยู่ในอ้อมกอดเขา
เธอยิ้มแล้ว น่าจะเป็นเรื่องที่ดี
โบราณว่า ต้องวางรักเก่า ให้เร็วที่สุด เริ่มต้นรักใหม่ เป็นดังว่า โบราณกล่าวไว้ไม่ผิด
เพี้ยน
ในห้อง เย้นหว่านกอด‘โห้หลีเฉิน’อย่างอิ่มเอม ใจที่ว่างเปล่า ได้รับการเติมเต็ม
“โห้หลีเฉิน ฉันคิดถึงคุณเหลือเกิน คิดถึงทุกวันเลย คิดถึงแม้ในฝัน”
เธอครึ่งหลับครึ่งตื่นสะลึมสะลือ ยิ้มหวาน
หยูซือห้านกอดเย้นหว่านอ่อนโยน ใบหน้าหล่อเหลา มองอย่างมีเลศนัย
เขาเอ่ยเสียงนุ่ม“คุณคิดถึงผมมากเหรอ แต่ผมไม่คิดถึงคุณแล้ว”
เย้นหว่านอยู่ในภวังค์ พอได้ยินดังนี้ ก็ไม่เข้าใจ
เขาหมายความว่าอย่างไร
เธอคลายเขาออกเชื่องช้า แววตาพร่าเลือน มองเขางุนงง
“โห้หลีเฉิน ทำไมคุณไม่คิดถึงฉันแล้วล่ะ”
“เพราะเราไปกันไม่ได้”
หยูซือห้านทำเสียงทุ้ม พูดแบบชอกช้ำ ไร้เรี่ยวแรง“เย้นหว่าน อยู่กับคุณเหนื่อยเหลือเกิน เหนื่อยจริงๆ ปล่อยผมไปเถอะ ได้ไหม”
เย้นหว่านตะลึง นิ่งทึ่งไปทั้งคน
น้ำตากบตา แววตาพร่าเลือน เสียงของหู หากชัดเจน
ทำไมโห้หลีเฉินพูดอะไรแบบนี้ เขาไม่เอาเธอแล้วเหรอ
“เย้นหว่าน ปล่อยผมไป”
เสียงของเขา ดังขึ้นอีก
เสียงนุ่มลึกแกมวิงวอน
เขาไม่เอาเธอแล้ว ยังจะให้เธอปล่อยเขาไป ความรักของเธอ กลายเป็นภาระแล้วหรือ
เย้นหว่านใจเต้นราวเข็มทิ่มแทง ในหัวส่งเสียงระงมไปหมด เธอกุมมือร้องไห้
“ฉันไม่เชื่อ ฉันไม่เชื่อ……”
“เย้นหว่าน ผมปล่อยคุณแล้ว ผมจะไม่หาคุณอีก”
พูดพลาง หยูซือห้านลุกขึ้น
ท่ามกลางความสะลึมสะลือ เห็นโห้หลีเฉินลุกยืน สาวเท้าไปข้างหน้า เงาที่เคยทำให้เธออุ่นใจ บัดนี้กลายเป็นเงาอันเย็นเฉียบ