สัญญารัก คบกับประธานฮั่ว30วัน - บทที่442 สองมาตรฐาน
บทที่442 สองมาตรฐาน
สัมผัสได้ว่าเย้นโม่หลินกำลังวิเคราะห์ตัวเองกับกู้ซึงอยู่ เย้นหว่านถูกมองจนขาดความมั่นใจ
ตอนนี้เธอไม่กล้าให้เย้นโม่หลินรู้ตัวตนที่แท้จริงของกู้ซึง ไม่ยังงั้นความไม่พอใจเก่าๆ ยังไม่ทันหายไป ความเข้าใจผิดใหม่ๆ ก็จะเกิดขึ้นอีกแล้ว
เธอไม่กล้าอยู่ใกล้กู้ซึงมากเกินไป ก็รีบขยับไปด้านข้างนอกหน่อย แล้วก็ละสายตาออกจากกู้ซึงด้วย
แล้วเธอก็เปลี่ยนเรื่อง “มา พวกเราเริ่มเล่นไพ่กันเถอะ”
เย้นโม่หลินมองดูไพ่ในมือ ขมวดคิ้วแน่น ใบหน้าที่หล่อเหลาก็ค้างแข็ง
เมื่อกี้เย้นหว่านกับกู้ซึงต่างก็ต่อประโยคกัน เพราะว่าเล่นไพ่เกมนี้ไม่เป็น เลยทำให้หยูซือห้านเสียหน้าอย่างมาก
ถึงแม้ว่าเขาเห็นแล้วจะรู้สึกดี แต่ว่าตอนนี้……
ตัวเขาเองก็เล่นไพ่เกมนี้ไม่เป็นเหมือนกัน ก็จะเป็นมือใหม่ที่อ่อนกว่าเด็กสามขวบอย่างที่พวกเขาพูดกันไม่ใช่เหรอ?
เย้นโม่หลินถือไพ่ด้วยนิ้วที่แข็งทื่อ ลังเลอยู่หลายวินาที หลังจากนั้น ก็โยนไพ่ลงที่เตียง
“ในเมื่อทำให้หยูซือห้านโกรธจนออกไปได้แล้ว ก็ไม่ต้องเล่นแล้ว ตอนนี้ก็ดึกมากแล้วนะเสี่ยวหว่าน เธอควรนอนได้แล้ว”
เย้นหว่านเม้มปาก เรื่องที่เย้นโม่หลินทำเพื่อเธอนั้น เธอก็ตระหนักดีอยู่แล้ว
เมื่อกี้ที่ลากกู้จื่อเฟยมาเล่นไพ่ ก็เพราะว่าจะหาเหตุผล ข้ออ้างเพื่อมาที่ห้องของกู้ซึงในกลางดึกแบบนี้
แต่ว่าตอนนี้เห็นทั้งสี่คนนั่งล้อมวงกันอยู่บนเตียง ดูกลมกลืนกันมาก
ถ้าเกิดว่าสามารถใช้โอกาสนี้เพื่อกระชับความสัมพันธ์ระหว่างเย้นโม่หลินกับโห้หลีเฉินได้ ก็ถือว่าเป็นเรื่องที่ดีที่สามารถพบเจอได้ แต่ไม่สามารถเรียกร้องมันมาได้
ดังนั้น เย้นหว่านก็ยิ้มแล้วก็ดึงเย้นโม่หลินที่กำลังจะลุกขึ้นให้กลับมา
“พี่ ที่จริงตอนนี้ก็ยังไม่ดึกเลยนะ ต่อให้ฉันกลับไปตอนนี้ก็นอนไม่หลับหรอก อาศัยช่วงเวลาที่เรารวมตัวกันได้ทั้งที พี่ก็เล่นกับพวกเราสักหน่อยเถอะดีไหม? ”
น้ำเสียงที่ออดอ้อน มีรสชาติของความอ่อนหวานแล้วก็เง้างอด
ทำให้คนที่ได้ยินจิตใจอ่อนยวบ
เย้นโม่หลินนั้นไม่ว่าเย้นหว่านจะขออะไรก็ยอมเสมอ ก็ทนปฏิเสธไม่ได้ บวกกับเรื่องที่ก่อนหน้านี้ได้ไล่โห้หลีเฉินออกไป ทำให้เย้นหว่านไม่สนิทกับเขา ไม่ง่ายเลยกว่าที่ตอนนี้เย้นหว่านจะเป็นคนมาหาเขาเอง……
เขาปฏิเสธไม่ลงจริงๆ
หลังจากลังเลอยู่ครู่หนึ่ง เย้นโม่หลินก็พยักหน้า “ก็ได้ แต่ว่า……”
หยุดอยู่ครู่หนึ่ง แล้วเขาก็พูดอย่างขืนๆ “พี่เล่นเกมไพ่พิชิตแลนด์ลอร์ดไม่เป็น”
พอเห็นว่าเย้นโม่หลินยอมตกลงแล้ว เย้นหว่านก็กำลังจะดีใจ แต่ว่ายังไม่ทันจะคลี่ยิ้ม ก็กลับแข็งทื่ออีกครั้ง
เย้นโม่หลิน พี่ชายที่ความสามารถมากมายของเธอนั้น เล่นเกมไพ่พิชิตแลนด์ลอร์ดไม่เป็นยังงั้นเหรอ?
มิน่าล่ะเมื่อกี้เขาถึงอยากจะกลับ
เย้นหว่านรู้สึกกระอักกระอ่วนเล็กน้อย ตอนที่กำลังจะพูดว่าให้เล่นเกมอื่นที่ทุกคนสามารถเล่นได้ดีกว่า ตอนนี้เอง ก็ได้ยินกู้จื่อเฟยพูดว่า
“เกมไพ่พิชิตแลนด์ลอร์ดเป็นเกมที่คนจีนชอบเล่นกัน พี่เย้นโตมาจากเมืองนอก เล่นไม่เป็นก็ถือว่าปกติ น่าจะไม่เคยได้ยินเกี่ยวกับมันเลยใช่ไหมไหม? ”
เพียงประโยคเดียว ก็ขจัดความเก้อเขินที่เย้นโม่หลินเล่นไม่เป็นได้จนหมดสิ้น
เย้นโม่หลินมองกู้จื่อเฟยอย่างแปลกใจเล็กน้อย ไม่คิดว่าเธอจะออกปากกู้หน้าให้เขา
ก่อนหน้านี้ตอนที่หยูซือห้านถูกโจมตีจนหน้าเสีย พวกเขาก็เอาแต่มองดูเรื่องตลก ตอนนี้พอมาถึงตาเขา เธอกลับออกตัวกู้หน้าให้เขา หาเหตุผล นี่คือคำว่าสองมารตรฐานที่เคยได้ยินกันรึเปล่า?
เขาค่อนข้างรู้สึกแปลกใจ แต่ว่าความรู้สึกแบบนี้ก็ไม่เลวเหมือนกัน
“เกมไพ่นี้ง่ายมาก พี่เย้น เดี๋ยวฉันบอกสองรอบพี่ก็เล่นเป็นแล้ว”
กู้จื่อเฟยถือไพ่ไว้ในมือ แล้วก็ขยับมานั่งข้างๆ เย้นโม่หลิน
กลิ่นหอมจางๆ บนตัวของผู้หญิง พอขยับเข้ามาใกล้ ก็พุ่งเข้ามาที่อวัยวะสัมผัสของเย้นโม่หลิน
เขาอึ้งไปช้าๆ แล้วก็หันหน้าไปมองกู้จื่อเฟยที่นั่งอยู่ห่างจากเขาเพียงแค่ครึ่งฝ่ามือ
ระยะห่างเพียงเท่านี้ นอกจากแม่กับเย้นหว่าน คนอื่นยังไม่เคยมีใครเข้าใกล้เขาขนาดนี้มาก่อน
เย้นโม่หลินอยากจะขยับออกในทันที กู้จื่อเฟยกลับขยับเข้ามาตรงหน้าเขาพร้อมกับไพ่ในมือ แล้วก็อธิบายให้เขาฟังด้วยน้ำเสียงที่เบาและว่องไวว่าแลนด์ลอร์ดต้องต่อสู้ยังไง
ท่าทีที่จริงจังและมุ่งมั่นในการอธิบายของกู้จื่อเฟยนี้ ทำให้ท่าทางของเย้นโม่หลินค้างแข็ง
ตามมารยาทแล้ว ตอนนี้เขาไม่สามารถขยับออกได้
อีกด้านหนึ่ง เย้นหว่านก็โน้มตัวเล็กน้อย ขยับเข้าไปใกล้โห้หลีเฉิน
แล้วก็โน้มตัวเข้าไปกระซิบข้างหูของเขา “นี่เป็นครั้งแรกที่ฉันเห็นสีหน้าแบบนี้ของพี่ชายฉัน”
เหมือนกับว่าไม่เป็นตัวของตัวเอง แต่ว่าก็พยายามฝืนทนเอาไว้
นี่ไม่เหมือนกับที่เขาทำกับคนอื่น พวกคนนอก ไม่ว่าพวกเขาจะแข็งแกร่งแค่ไหนหรือใช้วิธีสายฟ้าฟาดมีปราบปราม เขาก็ยังไม่ได้มีความอดทนและความยับยั้งชั่งใจขนาดนี้
แต่พอเผชิญหน้ากับกู้จื่อเฟย ผู้หญิงที่ดูดีคนหนึ่ง มาสอนเขา นอกจากไม่สบายใจแล้ว ก็ยังคงไม่สบายใจอยู่ดี
กลัวว่าเขาจะทำตัวไม่ถูก
ทันใดนั้นเย้นหว่านก็เชื่อในสิ่งที่กงจืออวีเคยพูด ว่าต่อให้เย้นโม่หลินทำอะไรก็ดีไปหมด แต่ว่าเรื่องอารมณ์ความรู้สึกนั้นกลับว่างเปล่า ไม่ได้มีความรู้สึกอะไรกับผู้หญิง ดูเหมือนกับว่าเรื่องระหว่างชายหญิงนั้น พี่ชายของเธอคนนี้น่าจะไม่เคยมีประสบการณ์อะไรเลยแม้แต่นิดเดียว
โห้หลีเฉินกวาดตามองไปที่เย้นโม่หลินและกู้จื่อเฟยด้วยสายตาที่ลึกซึ้ง แล้วริมฝีปากก็คลี่ยิ้มที่ดูมีแผนการ
เขาพูดด้วยเสียงทุ้ม “ตอนนี้ที่เธอเห็น มันพึ่งเป็นแค่การเริ่มต้น”
“หมายความว่ายังไง?”
เย้นหว่านไม่เข้าใจ มองไปที่โห้หลีเฉินอย่างสงสัย
โห้หลีเฉินกลับพูดอย่างไม่สามารถหยั่งรู้ได้ “เดี๋ยวเธอก็รู้เอง”
เดี๋ยวจะรู้อะไรยังงั้นเหรอ?
เธอหรี่ตาลง วิเคราะห์โห้หลีเฉิน ที่เขากลับมาครั้งนี้ เหมือนกับว่าปิดบังอะไรเธอหลายเรื่อง
สรุปแล้วเขาวางแผนอะไรไว้ลับหลังยังงั้นเหรอ?
มองความงงงวยของเย้นหว่านออก โห้หลีเฉินก็ไม่ได้ต้องการจะให้เธอสงสัยอะไร
เขาเอียงศีรษะเล็กน้อย แล้วก็พูดด้วยเสียงที่เบามาก
“ถ้าเกิดว่ายังมองฉันแบบนี้ต่อไป ไฟที่มอดไปเมื่อกี้นี้ มันจะเผาไหม้ขึ้นมาใหม่นะ”
ไฟนั้นคืออะไรไม่ต้องบอกก็รู้
เย้นหว่านก็แก้มแดงขึ้นมา เธอถลึงตาใส่เขา แล้วก็ขยับไปด้านข้างด้วยความเขิน
เย้นโม่หลินเรียนรู้ได้เร็วมาก กู้จื่อเฟยแค่อธิบายจุดที่สำคัญให้เขาฟังเพียงครั้งเดียว เย้นโม่หลินก็เข้าใจแล้ว
เขานั่งตัวตรง แล้วก็พูดด้วยสีหน้าที่จริงจัง “ถ้ายังงั้นก็เริ่มกันเถอะ”
เขามองไพ่ตรงหน้าของตัวเองอย่างตั้งใจมาก ท่าทางนั้น เหมือนกับว่ากำลังทำเรื่องใหญ่อะไรอยู่ จริงจังอย่างมาก
เย้นหว่านเห็นแล้วรู้สึกอยากจะหัวเราะ ที่แท้ตอนที่พี่ชายของเธอเก้อเขิน ก็มีปฏิกิริยาแบบนี้นี่เอง ก็น่ารักดีเหมือนกันนะ
กู้จื่อเฟยกระตือรือร้นมากที่สุดแล้ว เธอรีบหยิบไพ่ในเตียงขึ้นมา ล้างไพ่ใหม่ แล้วก็แจกไพ่
หลังจากแจกไพ่เสร็จแล้ว เกมไพ่ก็เริ่มต้นอย่างเป็นทางการ
เกมไพ่สี่คนพิชิตแลนด์ลอร์ดนี้ เป็นเกมที่จับกลุ่ม กลุ่มละสองคน แล้วนอกจากตัวตนของแลนด์ลอร์ดจะชัดเจนแล้วนั้น คนอื่นจะไม่มีใครแยกออก สามารถเดากัน หรือโกหกกันก็ได้
วิธีการเล่นก็ถือว่าง่าย ถึงแม้ว่าเย้นโม่หลินพึ่งจะเคยเล่นครั้งแรก แต่ว่าก็รู้กฎพื้นฐานของเกมนี้แล้ว
แต่เพียงแค่กลเม็ดเล็กๆ น้อยๆ นั้น มือใหม่อาจจะยังไม่รู้
เกมแรก กู้จื่อเฟยกับเย้นโม่หลินเป็นทีมเดียวกัน แต่ก็ต้องเดือดร้อนเพราะความผิดพลาดของเย้นโม่หลิน
กู้จื่อเฟยมองหน้าไพ่ แล้วก็คร่ำครวญว่า “ไม่ยอมๆ ที่จริงพวกเราควรจะชนะ”
เย้นโม่หลินแค่มองก็รู้แล้วว่าเป็นเพราะเขา ใบหน้าที่หล่อเหลาของเขาก็ดูไม่ค่อยสบายใจ
เขาพูดด้วยเสียงที่ทุ้มต่ำ “sorry”
“ไม่โทษพี่หรอก นี่พึ่งเป็นครั้งแรกของพี่นี่หน่า ไม่ชำนาญก็ถือว่าเป็นเรื่องปกติ”
กู้จื่อเฟยหันไปปลอบเย้นโม่หลิน แล้วก็ยื่นมือไปตบไหล่ของเย้นโม่หลินโดยที่ไม่รู้ตัว
เย้นโม่หลินอึ้งไปในทันที ใบหน้าหล่อเหลาดูหนักแน่น
ตรงไหล่ของเขาไม่ใช่ที่ที่คนจะมาตบได้ง่ายๆ ตามอำเภอใจ