สัญญารัก คบกับประธานฮั่ว30วัน - บทที่460 แค่รู้สึกดีเท่านั้น
บทที่460 แค่รู้สึกดีเท่านั้น
โห้หลีเฉินจับมือน้อยๆของเย้นหว่านไว้แน่น
เขาก้มหน้าเล็กน้อย ริมฝีปากบางขยับเข้าไปใกล้หูเธอ เขาพูดเสียงเข้มว่า: “ทำไมเหรอ ไม่อยากให้พี่ชายเธอมีคนอื่นในใจหรือไง?”
น้ำเสียงนั้น ฟังดูแล้วเหมือนจะหึงนะ
เย้นหว่านอึ้ง คิดได้ว่าข้างตัวเย้นโม่หลินไม่มีผู้หญิงเลย ในโลกเขา มีแค่เธอกับแม่ที่เป็นผู้หญิงสองคน ในใจเขาก็มีแต่พวกเธอ
แต่นี่คือพี่ชายแท้ โห้หลีเฉินหึงอะไรกัน?
เย้นหว่านมองโห้หลีเฉินอย่างสงสัย เธอกระตุกยิ้ม พูดอย่างดีใจว่า “คุณโห้ เมื่อก่อนฉันไม่รู้เลยว่า นายขี้หึงมากขนาดนี้”
ตั้งแต่มาที่นี่ เขาก็ใช้แต่ชื่อกู้ซึง เธอไม่เคยเรียกเขาว่าคุณโห้เลย
คำเรียกขานที่คุ้นเคยนี้ ทำเอาหัวใจโห้หลีเฉินเต้นตึกตัก อารมณ์ที่เก็บอยู่ในภายในใจก็หวั่นไหวขึ้นมาอีกครั้ง
เขาจับมือเย้นหว่านไว้ดึงเข้าไปใกล้ตัวเอง ร่างกายทั้งสอง แทบจะแนบชิดกันอยู่แล้ว
เสียงโทนต่ำของเขาดูมีเสน่ห์และเซ็กซี่แปลกๆ “เรื่องที่เธอไม่รู้ยังมีอีกมาก ฉันให้โอกาสเธอ ชินเองช้าๆ”
คำพูดจีบสาวนี้ทำเอาหัวใจเย้นหว่านแทบละลาย
เธอรู้สึกได้ถึงลมหายใจของเขา ความอบอุ่นของเขา หัวใจเต้นรัวไม่เป็นจังหวะ แทบจะกระเด็นออกไปอยู่แล้ว
เธอไม่มีความหวังอื่น ขอแค่ทั้งชีวิตนี้ได้อยู่กับโห้หลีเฉิน ไม่แยกจากกันอีก
พอกลับไปบ้านตระกูลเย้น ทั้งบ้านก็นั่งกินข้าวเย็นพร้อมหน้าพร้อมตากัน
กงจืออวีกับเย้นเจิ้นจื๋อถามไปว่าบ่ายนี้เล่นเป็นยังไงบ้าง อาหารมื้อนี้ ดูจะสงบสุขกันมาก
พอกินข้าวเสร็จแล้ว เพราะกงจืออวีให้โห้หลีเฉินพูดเรื่องความเป็นอยู่ในเมืองหนาน โห้หลีเฉินต้องไปคุยในห้องหนังสือกับกงจืออวีลำพัง
เย้นหว่านรู้สึกร้อนตัว แอบดึงโห้หลีเฉินไว้ ไม่ไว้ใจให้เขาไปเอง
โห้หลีเฉินตบมือเย้นหว่านเบาๆ และกระซิบข้างหูเธอเสียงเบาว่า:
“ฉันจะรีบกลับมานะ เธอไปล้างมือรอได้เลย”
เย้นหว่านอึ้ง อยู่ดีๆให้เธอไม่ล้างมือทำไมกัน?
เธอก้มหน้ามองมือตัวเองอย่างสงสัย สะอาดดีนี่ ก็ไม่ได้สกปรกมากนะ
โห้หลีเฉินกระตุกยิ้ม ปล่อยมือเย้นหว่านออก
“เตรียมตัวไว้ รอฉันกลับมานะ”
พูดจบ เขาก็เดินไปทางห้องหนังสือทันที
เย้นหว่านยืนนิ่งอยู่ที่เดิม พยายามปะติดปะต่อคำพูดของเขา และรู้แล้วว่าเขาหมายความว่ายังไง
ตอนเช้า เธอถูกเขาบีบบังคับให้ตกลงใช้มือกับเขา!
ผ่านไปตั้งหนึ่งวันแล้ว เขายังไม่ลืมอีกเหรอ ยังให้เธอไปล้างมือ แล้วยังเตรียมตัวรอเขาอีก
หมดคำจะพูดจริงๆเลย……
น่าอายจริงๆ!
เย้นหว่านมองแผ่นหลังของโห้หลีเฉินด้วยอาการที่ทั้งอายและทั้งโมโห เขาคิดแต่เรื่องลามกพวกนี้ทั้งวันเลยใช่ไหม เขาคงจะตอบแม่ได้ดีแหละ
เธอไม่เป็นห่วงเขาอีกแล้ว
เย้นหว่านกัดฟันกรอดอย่างโมโห เดินกลับห้องตัวเองด้วยใบหน้าแดงก่ำ
……
ห้องหนังสือโดยเฉพาะของกงจืออวี ตกแต่งหรูหรา เธอนั่งอยู่บนที่นั่งหรู ท่าทางสง่างาม มีความแข็งแกร่ง แม้จะมีอายุมากแล้ว แต่ก็ยังคงความสาวไว้ได้ดี
เธอยื่นมือออกไปอย่างสง่า “เชิญนั่ง”
โห้หลีเฉินพยักหน้า นั่งลงบนโซฟาหน้ากงจืออวี
กงจืออวีเริ่มถาม: “อยากดื่มอะไร? กาแฟหรือว่าไวน์?”
“กาแฟดีกว่า ขอบคุณครับ”
โห้หลีเฉินนั่งตัวตรง เขายิ้มอย่างสุภาพบุรุษไม่เกรงตัวมาก
สีหน้า มารยาท กงจืออวีหาข้อผิดพลาดไม่ได้เลย
แอบสังเกตโห้หลีเฉินตั้งแต่หัวจรดเท้า กงจืออวีเอียงตัวไปด้านหลัง นั่งพิงโซฟาด้วยท่วงท่าที่สง่างาม
ใบหน้านั้น มีความหลักแหลมและดุดัน
“คุณกู้ ฉันเรียกคุณมา คุณน่าจะรู้ดีว่าฉันจะถามอะไร?”
สังเกตง่ายๆแล้ว จากนั้นก็เป็นการพูดเปิดประเด็นทันที
สีหน้าโห้หลีเฉินเปลี่ยนไปเล็กน้อย ใบหน้าของเขาอ่อนโยน แต่ก็ไม่อ่อนแอ
“ทราบดีครับ”
เขาตอบไปว่า “เพราะเย้นหว่าน”
“คุณกู้เป็นคนฉลาด คนฉลาดไม่พูดอ้อมค้อม ดีค่ะ”
กงจืออวีพยักหน้า สีหน้ากลับดูเฉียบแหลมขึ้น “สองวันมานี้ เสี่ยวหว่านกับคุณกู้อยู่ด้วยกันมา น่าจะรู้ดีว่าเธอรู้สึกยังไงกับคุณนะ?”
โห้หลีเฉินพยักหน้า “คุณหนูเย้นชอบผมครับ”
คำตอบที่มั่นใจ
แม้เย้นหว่านยังไม่สารภาพรัก แต่พอคำพูดหลงตัวเองแบบนี้ออกมาจากปากเขา กลับดูเป็นเรื่องที่สมควรอยู่แล้ว
ยิ่งไปกว่านั้นกงจืออวี ก็ไม่ได้รำคาญใจอะไร กลับกัน ก็รู้สึกสมเหตุสมผลอยู่แล้ว
กู้ซึงจริงใจจนทำเอากงจืออวีไปต่อไปถูก
เธอกลับไม่ทำสีหน้าตกใจอะไรออกมา มุมปากยังคงรักษารอยยิ้มสง่าไว้อยู่ ท่าทีใจเย็น
“งั้นคุณล่ะ?”
ถามด้วยเสียงเรียบ แต่กลับมองด้วยสายตาที่แทบจะทะลุร่างกายคน ไม่อนุญาตให้เขาโกหก
อยู่ตรงหน้ากงจืออวีแบบนี้ เหมือนว่าถ้าพูดโกหกแม้แต่คำเดียว ก็จะร้อนรนจนถูกจับได้
โห้หลีเฉินสบตากงจืออวีกลับ สายตาดูใจเย็นมาก
เขาเม้มปาก และพูดว่า: “ผมรู้สึกดีกับเย้นหว่านครับ”
กงจืออวีขมวดคิ้วเล็กน้อย “แค่รู้สึกดีเหรอ?”
รู้สึกดีกับชอบ มีความแตกต่างกันมากเลยนะ
การชอบก็คือให้ความสำคัญกับคนคนนี้แล้ว และรู้สึกดี กลับเป็นการดูใจกันเท่านั้น และสามารถถอยได้ในทุกครั้ง
กงจืออวีดูจะไม่พอใจกับคำตอบนี้มาก
โห้หลีเฉินกลับไม่ตื่นเต้น เขาพูดอย่างเรียบเฉยว่า:
“ผมประทับใจครั้งแรกที่เจอกับเย้นหว่านมากครับ การได้อยู่ด้วยกันสองวันนี้ เธอทำให้ผมหวั่นไหว แต่ผมยังไม่รู้จักเธอมาก และไม่แน่ใจว่าพวกเราจะเหมาะสมกันไหม ผมเป็นคนให้ความสำคัญกับความรัก ถ้าชอบ ก็ต้องมุ่งเป้าหมายไปทางแต่งงานครับ”
ถ้าไม่เหมาะสม ก็รีบแยกกันจะดีกว่า
ความหมายของคำนี้ดูจะไร้ความรู้สึก แต่กงจืออวีกลับพยักหน้าเห็นด้วย
ในเมื่อเรื่องความรู้สึกมีเหตุผลมาขนาดนี้ กู้ซึงดูจะมีสติมากกว่าที่เธอคิดไว้
และผู้ชายแบบนี้ อารมณ์ของเขา หมายความว่าต่อไปเขาจะเป็นสามีที่มีความรับผิดชอบมากคนหนึ่ง
กงจืออวีพูดต่อว่า: “ขอถามหน่อยว่า ในเมื่อคุณกู้คบกันก็เพื่อแต่งงาน แล้วเมื่อก่อนคุณเคยคบกันใครไหม?”
โห้หลีเฉินสายตากระสับกระส่าย มืดมนลงเล็กน้อย เหมือนสัมผัสถึงอดีตที่แสนเจ็บปวดของเขา
“ผมเคยมีแฟนตอนเรียนมหาลัย เธอถือว่าเป็นรักแรกของผม และเป็นแฟนคนเดียวที่ผมเคยคบด้วย ต่อมาเพราะมีเหตุผลบางอย่าง พวกเราจึงได้แยกทางกัน”
กงจืออวีสืบประวัติกู้ซึงมาอย่างดี รู้เรื่องที่เขาเคยมีแฟนในมหาลัย และเหตุผลที่แยกกัน ก็เพราะว่าทั้งสองพอออกจากมหาลัยแล้ว ผ่านการขัดเกลาจากสังคม ถึงรู้ว่านิสัยทั้งสองเข้ากันไม่ได้
สำหรับกู้ซึงแล้ว ก็ถือว่าเป็นความรักร้าวในอดีต
“ตอนนี้นายไม่เริ่มต้นรักใหม่ง่ายๆ ก็เพราะเธองั้นเหรอ?”
“เพราะเธอ และไม่ใช่เธออย่างเดียว”
โห้หลีเฉินมองกงจืออวีอย่างเรียบเฉย น้ำเสียงยังคงเรียบสงบ “การได้ชอบคนคนหนึ่ง มีเพียงแต่งงานแล้วถึงมีสิทธิสัญญาให้ทั้งชีวิตนี้ของเธอมีความสุข ถ้าได้รัก ก็แยกจากกัน ที่เหลือไว้ก็มีเพียงบาดแผล สำหรับเย้นหว่านแล้ว ผมไม่อยากทำร้ายเธอ”