สัญญารัก คบกับประธานฮั่ว30วัน - บทที่461 เย้นหว่าน เธอจะไม่รักษาคำพูดเหรอ?
บทที่461 เย้นหว่าน เธอจะไม่รักษาคำพูดเหรอ?
มันคือการให้ความสำคัญ และก็คือการรับผิดชอบเช่นกัน
เอาใจเย้นหว่านมาใส่ใจของตัวเอง
แค่เริ่มต้นก็ไตร่ตรองมากขนาดนี้แล้ว การมองการณ์ไกลของกู้ซึงก็ทำให้กงจืออวีรู้สึกปลื้มใจ
แค่การคุยกันธรรมดาๆ แต่ว่ามันเต็มไปด้วยการหยั่งเชิงและสังเกต ผลลัพธ์นั้น ทำให้กงจืออวีพอดี
เธอตัดสินใจอยู่ในใจเงียบๆ คุณสมบัติไม่เลว ภูมิหลังก็สะอาด มีความรับผิดชอบ ตอนนี้สามารถวางใจให้เขากับเย้นหว่านคบกันได้
สิ่งที่พ่อแม่สามารถให้กับลูกสาวได้ ก็คือความสะดวกและพื้นที่ที่ใหญ่ที่สุด
ขอแค่เป็นคนที่ถูกต้อง กงจืออวีจะไม่คำนึงถึงภูมิหลังของสถานะเขา และก็จะไม่ขัดขวางด้วย แต่ถ้าเหมือนกับโห้หลีเฉิน เจตนาร้ายแอบแฝง เธอก็จะใช้วิธีที่แข็งกร้าว ยังไงก็ไม่มีวันเห็นด้วยอย่างแน่นอน
ถึงแม้ว่าจะโกรธกระฟัดกระเฟียดออกไปแล้ว แต่ว่าเย้นหว่านก็ยังคงกังวลเกี่ยวกับโห้หลีเฉิน หลังจากกลับมาที่ห้องแล้วนั้น ก็ยังไม่อยากปิดประตู เธอนั่งอยู่ในห้อง บางทีก็มองออกไปนอกห้องบ้าง
ได้ยินเสียงคนเข้ามาที่ห้องนั่งเล่น เย้นหว่านก็รีบยืนขึ้นด้วยความดีใจ แล้วเดินออกไปนอกห้องอย่างรวดเร็ว
พอเห็นว่าเป็นโห้หลีเฉินจริงๆ เธอก็ค่อยๆ ถอนหายใจอย่างโล่งอก
แล้วก็ถามอย่างรีบร้อนว่า “เป็นยังไงมาก? แม่ทำให้นายไม่ลำบากใจไหม เผลอเปิดโปงอะไรไปรึเปล่า? ”
“เป็นห่วงฉันขนาดนี้เลยเหรอ? ถ้ายังงั้นอยากกอดฉันสักหน่อยไหม เพื่อให้แน่ใจว่าฉันยังสบายดี? ”
โห้หลีเฉินพูดจาล้อเล่น ในสายตาที่ลึกซึ้งของเขา เต็มไปด้วยความรักและความเสน่หาที่ไม่อาจปกปิดได้
เย้นหว่านรู้สึกกลัดกลุ้ม ยื่นมือไปตีหน้าอกเขาเบาๆ
“ไม่จริงจังเลย”
“ถ้ายังงั้นพวกเรามาทำเรื่องที่มันจริงจังกันหน่อยดีกว่า”
ระหว่างที่พูดนั้น โห้หลีเฉินก็ยื่นมือออกไปจับข้อมือของเย้นหว่านไว้ อีกมือหนึ่งก็โอบเอวของเธอ แล้วก็ถอยไปด้านหลัง กดเธอไว้กับกำแพง
เขามองเธอจากมุมสูง ดวงตาของเขาลึกล้ำเหมือนกับไฟที่กำลังลุกโชน
เย้นหว่านหายใจถี่ขึ้น ในหัวใจเหมือนกับว่ามีกระต่ายตัวน้อยอยู่ด้านใน กระโดดขึ้นลงไม่หยุดเลย
“นาย นายจะทำอะไร? ”
โห้หลีเฉินขยับริมฝีปากบางๆ แต่ว่าไม่ได้ทำเสียงอะไรออกมา ได้แต่ถอนหายใจเบาๆ ลมหายใจของเขารดลงบนใบหน้าของเย้นหว่าน
ดึงดูด ยั่วยวน
เขาจ้องมองเธอ ดวงตาสีเข้มลุกโชนไปด้วยไฟ
ริมฝีปากบางนั้น ค่อยๆ ขยับเข้าใกล้เธอขึ้นเรื่อยๆ
ลมหายใจของทั้งสองคน เหมือนกับว่าจะผสานเป็นหนึ่งเดียวกัน ทั้งอบอุ่นและร้อน เหมือนกับว่าจะแผดเผาหัวใจของเย้นหว่านไป
เย้นหว่านหดตัว จิตใจว้าวุ่น แต่ว่าไม่สามารถต้านทานได้
เธอกะพริบตา แล้วค่อยๆ หลับตาลงช้าๆ รอให้ริมฝีปากของผู้ชายตรงหน้า ขยับเข้ามาใกล้เรื่อยๆ
ผ่านไปครู่หนึ่ง เธอกลับไม่ได้สัมผัสว่าริมฝีปากของโห้หลีเฉินนั้นขยับเข้ามาใกล้
เสียงของเขานั้น ดังขึ้นข้างหูของเธออย่างแผ่วเบา เซ็กซี่และน่าดึงดูด “เย้นหว่าน สิ่งที่เธอรับปากฉันไว้เมื่อเช้า ตอนนี้ได้เวลาทำแล้ว”
หัวของเย้นหว่านมีเสียงระเบิด
เธอลืมตาขึ้นด้วยความประหลาดใจ ทั้งอับอายและโกรธจนอยากจะหายไปจากตรงนี้
ทำ ทำไมเขาถึงเป็นแบบนี้……
“ฉันๆๆ ง่วงแล้ว ควรจะไปนอนได้แล้ว ฝันดีนะ”
หลังจากพูดจบ เย้นหว่านก็ผลักผู้ชายตรงหน้าออกด้วยจิตใจที่ว้าวุ่น แล้วก็คิดจะวิ่งหนีไป
เหมือนกับว่าโห้หลีเฉินเตรียมตัวไว้ตั้งแต่แรกแล้ว เขาจับข้อมือของเย้นหว่านไว้อย่างว่องไว แล้วก็ดึงเธอกลับมา
ทั้งสองคนสลับตำแหน่งกัน เพราะว่าแรงเฉื่อย ทำให้เย้นหว่านโผตัวเข้าไปที่อ้อมอกของโห้หลีเฉิน ชนจนดันให้เขาไปชนกับกำแพง
และเธอ ร่างเล็กๆ แนบอยู่กับหน้าอกของเขา แนบแน่นอยู่แบบนั้น
ทันใดนั้นใบหน้าของเย้นหว่านก็แดงไปจนถึงหลังหู
โห้หลีเฉินทองเธอ น้ำเสียงทุ้มต่ำเหมือนไฟที่กำลังมอดไหม้ “เธอไม่ทำก็ได้ ถ้ายังงั้นพวกเราก็เข้าสู่ประเด็นหลักเลย”
“ไม่ได้ๆ ”
เย้นหว่านพูดอย่างตื่นตระหนก หัวใจยุ่งเหยิงไปหมด
ตอนนี้เขาอยู่กับเธอที่นี่อย่างโจ่งแจ้งนะ ไม่แน่ว่ามีสายตากี่คู่ที่แอบดูอยู่ ถ้าเกิดว่าเธอนอนกับเขาล่ะก็ จะถูกจับได้ได้อย่างง่ายดายเลยนะ
ไม่ว่าจะพูดยังไง ตอนนี้ภายนอกพวกเขาควรจะรักษาระยะห่างกันไว้ถึงจะดี
สายตาของโห้หลีเฉินที่มองไปที่เย้นหว่านนั้นมืดลง น้ำเสียงแหบพร่า มีการบ่นเล็กน้อย
“เธอรับปากฉันแล้ว……”
เย้นหว่านแทบอยากจะกัดลิ้นตัวเองทิ้ง ตอนนั้นเพราะว่าเธอถูกสถานการณ์รอบข้างบังคับ ถึงได้รับปากไปแบบนั้นต่างหาก
จะไปรู้ได้ยังไงว่าโห้หลีเฉินคิดจริงจัง คิดไว้ในใจตลอด
เย้นหว่านอยากจะเถียงข้างๆ คูๆ หน่อย “ฉัน……”
“เย้นหว่าน เธอจะไม่รักษาคำพูดยังงั้นเหรอ? ”
เสียงที่ทุ้มต่ำของโห้หลีเฉินตัดบทเย้นหว่าน สีหน้าดูพยายามควบคุมตัวเอง แล้วก็มีความผิดหวังอย่างเห็นได้ชัด “ถ้าเกิดว่าเธอไม่เต็มใจจริงๆ ก็ช่างมันเถอะ”
พอพูดจบ เขาก็ปล่อยมือของเย้นหว่าน เอาหลังพิงกำแพง สีหน้าดูหดหู่
เย้นหว่านมองเขาที่เป็นแบบนี้ หัวใจก็เหมือนจะว่างเปล่าในทันที ความรู้สึกผิดก็เพิ่มขึ้นอย่างมาก
คบกันมานานขนาดนี้ โห้หลีเฉินก็รักษาคำพูดของตัวเองมาโดยตลอด ไม่เคยผิดคำพูดต่อเธอเลย แต่ว่าเธอนั้นกว่าจะรับปากเขาทำเรื่องเรื่องหนึ่งนั้นไม่ง่ายเลย แถมยังมาเสียใจภายหลัง……
ทันใดนั้นเธอก็รู้สึกว่า เธอรู้สึกผิดต่อเขาเหลือเกิน
ความรู้สึกผิดแล่นไปที่หัวของเธอ เย้นหว่านรีบตอบโดยที่ไม่คิดเลยด้วยซ้ำ “ฉันเต็มใจ ฉันจะทำ! ”
ดวงตาของโห้หลีเฉินเป็นประกายขึ้นมาทันที แต่ว่าสีหน้ายังคงดูหดหู่เหมือนเดิม เขาเม้มริมฝีปากบาง
“เธอไม่ต้องฝืนตกลงก็ได้นะ”
“ฉันไม่ได้ฝืน ฉันเต็มใจจริงๆ ”
หัวใจของเย้นหว่านอ่อนยวบขึ้นไปอีก เธอรีบแสดงความในใจของเธอ เพื่อที่จะปลอบใจเขา เธอรีบยื่นมือออกไป แล้วก็คว้าหัวเข็มขัดของเขาไว้
“แก๊กๆ ”
เสียงดังฟังชัดของหัวเข็มขัด สะท้อนขึ้นอย่างชัดเจนจากห้องโถงที่เงียบสงัด
ดวงตาของโห้หลีเฉินมืดลงทันที
เขาจับมือเล็กๆ ของเย้นหว่านไว้ แล้วก็พูดด้วยเสียงทุ้ม “เข้าไปในห้อง”
ระหว่างที่พูดนั้น เขาก็จะดึงเธอเข้าไปในห้อง
ตอนนี้เอง ก็มีเสียงที่รีบด่วนของผู้ชายคนหนึ่งดังขึ้นตรงประตูอย่างกะทันหัน
“กู้ซึง นายฝึกฝีมือการยิงปืนของนายยังไงกัน พวกเรามาคุยกันหน่อยสิ……”
เย้นโม่หลินเดินเข้ามาอย่างรวดเร็ว นังไม่ทันจะพูดจบ พอเห็นภาพเหตุการณ์ตรงหน้า คำพูดทั้งหมดก็สำลักกลับลงคือไป
พระเจ้ารู้ไหมว่าเขาเห็นอะไร?
คนสองคนที่แนบอยู่ตรงกำแพง ผู้ชายอยู่ด้านในผู้หญิงอยู่ด้านนอกเหรอ? แล้วเย้นหว่านก็โผเข้าไป ท่าทางที่เหมือนกับจะปลดเข็มขัดของคนอื่นนั้น จริงจังรึเปล่า?
ท่าทางของกู้ซึงนั้น เห็นได้ชัดว่ากำลังต่อต้าน……
“ฉันไม่เห็นอะไรทั้งนั้น! ”
เย้นโม่หลินเอามือกุมหน้า แล้วก็หันหลังทันที
เขานึกไม่ถึงเลยจริงๆ ว่าน้องสาวของเขาจะรุนแรงขนาดนี้ จะข่มขืนคนอื่นในห้องโถงแบบนี้
โชคดีที่เขามาเห็นก่อน
เย้นหว่านแข็งทื่อไปทั้งตัว รีบหันหน้าไปด้วยความประหลาดใจ แล้วก็เห็นแผ่นหลังที่สูงใหญ่ของเย้นโม่หลินยืนอยู่ตรงนั้น
ทันใดนั้นแก้มของเธอก็แดงก่ำทันที เหมือนกับว่าทั้งใบหน้าของเธอถูกแผดเผา
เรื่องที่น่าอับอายแบบนี้ ถูกคนอื่นเห็นเข้าซะแล้ว แถมคนคนนั้นยังเป็นพี่ชายแท้ๆ ของเธออีก
ต่อไปเธอจะไปมีหน้าไปเจอหน้าเขาได้ยังไง!?
“ฉัน ฉันไปนอนแล้ว”
หลังจากเธอทิ้งประโยคที่ติดอ่างนี้ไว้ เย้นหว่านไม่กล้าทิ้งเวลาแม้แต่ครึ่งวินาที หันหน้าไปแล้วก็พุ่งเข้าไปในห้องของตัวเองเหมือนกับลูกปืนใหญ่
เสียงปิดประตูดัง “ปัง” ล็อกประตู ทุกอย่างเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วภายในครั้งเดียว
โห้หลีเฉินมองไปที่ประตูที่ปิดไปอย่างแผ่วเบา กองไฟในดวงตาของเขายังไม่ดับไป แต่มันเต็มไปด้วยรอยยิ้มที่รักและทะนุถนอม แล้วก็ความเสียดาย
ดูเหมือนว่าคืนนี้ จะไม่ได้กินอีกแล้วสินะ…