สัญญารัก คบกับประธานฮั่ว30วัน - บทที่468 รักใหม่ รักเก่า
บทที่468 รักใหม่ รักเก่า
หลังจากถูกจ้องมองด้วยสายตาหลายคู่ แต่ว่าสีหน้าของโห้หลีเฉินก็ยังคงสงบ ใจเย็น
เขาค่อยๆ พูดว่า “เธอยังกินเผ็ดไม่ได้”
หลายวันนี้ เย้นหว่านกินแต่อาหารรสจืด งดอาหารบางอย่างอยู่
ปกติแล้วเธอเป็นคนที่ชอบกินเผ็ด กินอาหารจืดมาหลายวัน กินจืดจนปากจะจืดไปหมดแล้ว
ไม่ง่ายเลยว่าจะได้มากินข้าวที่โต๊ะอาหาร เธอก็อยากจะกินเนื้อเผ็ดสักสองสามชิ้นเพื่อคลายความอยากของตัวเอง
เย้นหว่านเงยหน้าขึ้นมา มองไปที่โห้หลีเฉินอย่างไม่ได้รับความเป็นธรรม
แล้วก็พูดว่า “ฉันหายดีแล้ว กินนิดหน่อย สองสามคำก็พอแล้ว”
เสียงที่นุ่มนวล ออดอ้อน ทำให้คนใจอ่อนยากที่จะปฏิเสธ
แววตาของโห้หลีเฉินขยับเล็กน้อย น้ำเสียงอ่อนโยน แต่ว่าท่าทางกลับแน่วแน่
“ไม่ได้”
เย้นหว่าน:“……”
เธอทำปากมุ่ย ไม่พอใจอย่างมาก โห้หลีเฉินเผด็จการมากเกินไปแล้ว
เธอมองไปที่ไก่เผ็ดในจานนั้นอย่างไม่เต็มใจที่จะแยกจาก แล้วก็วางตะเกียบอย่างไม่เต็มใจ แล้วก็พูดอย่างไม่ได้รับความเป็นธรรมว่า “ไม่กินก็ไม่กิน อีกสองวันค่อยกินก็ได้”
ดูท่าทางที่ยอมรับการประนีประนอมของเธอ โห้หลีเฉินก็ยิ้มอย่างรักและทะนุถนอม
เขาหันตะเกียบของเขา แล้วก็ไปวางลงบนจานอาหารที่รสจืดแต่ว่าอร่อย คีบเนื้อขึ้นมาแล้วก็วางลงบนจานของเย้นหว่าน
“กินอันนี้”
ถึงแม้ว่าจะไม่เผ็ด เป็นซอสสูตรลับของเชฟ อร่อยเหมือนกัน
ตอนนี้เองเย้นหว่านถึงได้ยิ้มออก แล้วก็คีบเนื้อชิ้นนั้นอย่างมีความสุข แล้วก็เริ่มกินเข้าไป
พวกกงจืออวีเฝ้ามองดูปฏิสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองคนเงียบๆ แล้วก็ยิ้มอย่างพอใจ
กู้ซึงเป็นห่วงเย้นหว่าน พิถีพิถันและเอาใจใส่ในรายละเอียด และสิ่งที่สำคัญก็คือ เขามีความแข็งแกร่งและยืดหยุ่น สามารถควบคุมเย้นหว่านได้
ถ้าเกิดว่าเป็นพวกเขา ถ้าโดนเย้นหว่านออดอ้อนเมื่อกี้นั้น ไม่แน่ว่าพวกเขาอาจจะไม่สามารถทนได้แล้วก็ปล่อยให้เธอกินสักสองชิ้นไปแล้ว
แต่ว่ากู้ซึงกลับสามารถทำให้เย้นหว่านไม่กินได้ แถมยังกล่อมให้เธอมีความสุขได้อีก
ถ้าเกิดว่าต่อไป มีกู้ซึงได้ดูแลเย้นหว่านอยู่ข้างๆ ไปเรื่อยๆ พวกเขาก็สบายใจ……
“คุณลุงคุณป้าคะ ฉันกับพี่ชายอยู่ที่นี่รบกวนเวลาพวกคุณมาก็เยอะแล้ว สร้างปัญหาให้พวกคุณอีก รออีกสักสองวันพอเสี่ยวหว่านดีขึ้นแล้ว พวกเราก็ควรจะกลับไปได้แล้ว”
กู้จื่อเฟยพูดด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม และมีมารยาท
จู่ๆ ก็พูดเรื่องกลับไปขึ้นมา ท่าทางของเย้นหว่านที่กำลังกินข้าวอยู่นั้นก็หยุดลง ในใจก็รู้สึกตื่นตระหนก
จะกลับไปแล้ว ทำไมพวกเขาถึงไม่บอกเธอก่อน?
ถ้าเกิดว่าโห้หลีเฉินจะไปแล้ว……
แค่คิด ใบหน้าของเย้นหว่านก็ซีดลงทันที เต็มไปด้วยความไม่อยากปล่อยมือ
กงจืออวีเองก็รู้สึกตกใจเหมือนกัน ไม่คิดว่ากู้จื่อเฟยจะพูดเรื่องกลับไปในเวลานี้ แต่ว่านี่ก็เป็นเรื่องที่สมเหตุสมผล พวกเขามาที่นี่จากระยะไกลในฐานะแขก ไม่ช้าก็เร็วก็ต้องกลับอยู่ดี
เพียงแค่ กงจืออวีมองดูใบหน้าเล็กๆ ที่พังทลายลงทันทีของเย้นหว่าน ก็รู้สึกปวดใจ ทนไม่ได้
ไม่ง่ายเลยกว่าที่อารมณ์ของเย้นหว่านจะดีขึ้นมาได้ ถ้าเกิดว่ากู้ซึงไปแล้ว ไม่แน่ว่าเธออาจจะขวัญหายไปหลายวันเลยก็ได้
แต่ว่าสิ่งที่สำคัญที่สุด เย้นหว่านกับกู้ซึงยังไม่ได้ตกลงเป็นแฟนกันเลย ถ้าเกิดว่ากู้ซึงไปแล้ว ระยะห่างนั้น อาจจะทำให้เย้นหว่านคิดถึงโห้หลีเฉินได้ง่าย และรื้อฟื้นความรู้สึกเก่าๆ กับโห้หลีเฉินขึ้นมา
ถ้ายังงั้นก็ได้ไม่คุ้มเสียน่ะสิ
กงจืออวีเม้มปาก ยิ้มพร้อมกับพูดด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยน
“พวกเธอต่างก็เป็นเพื่อนที่เสี่ยวหว่านสนิทที่สุด ก็ถือว่าเป็นคนในครอบครัวของเรา มันมีการรบกวนอะไรที่ไหนกัน? แล้วอีกอย่างในช่วงเวลานี้ มีพวกเธอคอยอยู่เป็นเพื่อนเสี่ยวหว่าน ทำให้เธอมีความสุขขึ้นเยอะเลย ฉันยังรู้สึกขอบคุณพวกเธอเลย”
กู้จื่อเฟยตื่นตะลึงเพราะได้รับความเมตตาที่คาดไม่ถึง “คุณป้าก็เกรงใจเกินไปแล้วค่ะ พวกเราอยู่ที่นี่ก็เล่นสนุกเหมือนกัน”
“ในเมื่อเล่นสนุก ก็อยู่เล่นต่ออีกหน่อยเถอะ”
กงจืออวีถือโอกาสพูด แล้วก็มองไปที่กู้ซึงด้วยสายตาที่ลึกซึ้ง “รอให้ช่วงเวลานี้ผ่านไป สุขภาพของเสี่ยวหว่านแข็งแรงขึ้น พวกเธอก็พาเธอออกไปเที่ยวเล่นด้วยก็ได้”
เย้นหว่านประหลาดใจ ถามออกมาอย่างเบิกบาน “แม่ หนูออกไปเที่ยวเล่นกับพวกเขาได้งั้นเหรอ? ”
ก่อนหน้านี้เธอถูกขังไว้ในบ้านห้ามออกไปไหน หลังจากนั้นถึงแม้ว่าจะปล่อยให้เธอออกไปได้ แต่ว่าก็ห้ามออกไปจากที่นี่
ไม่ยังงั้นเย้นหว่านคงจะนั่งเครื่องบินไปหาโห้หลีเฉินที่เมืองหนานตั้งนานแล้ว
กงจืออวีเห็นท่าทางที่เบิกบานของเย้นหว่าน หัวใจก็กระตุก เธอทั้งรู้สึกปวดใจและรู้สึกผิด
ช่วงเวลาก่อนหน้านี้ เธอบังคับให้เย้นหว่านอยู่ห่างจากโห้หลีเฉิน ที่จริงมันก็เป็นการกลั่นแกล้งเย้นหว่านลูกคนนี้เหมือนกัน
เธอพยักหน้า แล้วก็พูดด้วยน้ำเสียงที่อบอุ่น “อืม”
เมื่อได้รับคำตอบที่ชัดเจน เย้นหว่านก็ดีใจจนเกือบจะกระโดดขึ้นมา
สามารถออกไปเที่ยวกับโห้หลีเฉินตามลำพังได้ ถ้ายังงั้นเขาก็ไม่จำเป็นต้องใช้ตัวตนของกู้ซึงแล้ว สามารถอยู่กับเธอเพียงลำพังได้ และก็สามารถถอดหน้ากากได้ เผชิญหน้ากับเธอด้วยใบหน้าที่แท้จริงของเขา
พวกเขา สามารถอยู่ด้วยกันได้อย่างอิสระเป็นเวลานาน
เย้นหว่านหันหน้ามาอย่างดีใจ แล้วก็คว้าแขนเสื้อของโห้หลีเฉิน พร้อมกับพูดอย่างตั้งหน้าตั้งตา
“ถ้ายังงั้นนายก็อยู่ต่ออีกหน่อยเถอะนะ? ผ่านไปช่วงหนึ่ง พวกเราก็ออกไปเที่ยวกัน”
พอเห็นดวงตาที่เปล่งประกายของเย้นหว่าน โห้หลีเฉินจะปฏิเสธลงได้ยังไงกัน
เขาเม้มปาก แล้วก็ตอบเบาๆ ว่า “ก็ได้”
เย้นหว่านดีใจมากกว่าเดิม
กู้จื่อเฟยกินซุป คลี่ยิ้มมุมปาก เป็นรอยยิ้มที่ประสบความสำเร็จ
ที่เธอพูดเรื่องกลับบ้านขึ้นมา ไม่ใช่เพราะว่าเธอวางแผนจะกลับไปจริงๆ หรอก ก็แค่ลองเชิงดูความต้องการและทัศนคติของกงจืออวีเท่านั้น ผลลัพธ์ที่ได้นี้ ทำให้เธอรู้สึกพอใจอย่างมาก
ถ้าเกิดว่าเป็นแบบนี้ต่อไป กงจืออวีก็จะอนุญาตให้เย้นหว่านออกไปข้างนอกกับโห้หลีเฉิน เท่ากับว่ายอมรับการคบกันของทั้งสองคน
เมื่อกลับมาจากทริปนั้น ก็สามารถเอาลูกน้อยกลับมาด้วย แล้วก็แต่งงานเพราะว่าท้อง……
จนถึงตอนนั้นไม่ว่าจะเป็นโห้หลีเฉินหรือว่ากู้ซึง ก็ไม่เกี่ยวอีกต่อไปแล้ว
กู้จื่อเฟยคิดอย่างมีความสุข ตอนนี้เอง ก็กลับได้ยินเสียงที่ไม่คล้องจองกันอย่างมาก
เย้นโม่หลินพูดว่า “เสี่ยวหว่าน เธออยากจะไปไหน? เดี๋ยวพี่ไปเป็นเพื่อน”
เย้นหว่าน:“……”
กู้จื่อเฟย:“……”
เย้นโม่หลินมีครอบครัวใหญ่ขนาดนี้ที่ต้องกังวล เขาไม่ยุ่งเลยสักนิดเหรอ ทำไมต้องตามไปทุกที่ด้วย?
ถ้ายังงั้นเย้นหว่านกับโห้หลีเฉินจะอยู่ด้วยกันสองต่อสองอย่างเต็มที่ พลอดรัก สร้างเบบี๋ได้ยังไงกัน?
เย้นหว่านอยากจะปฏิเสธ หาเหตุผลให้เย้นโม่หลินไม่ต้องไป เธอกำลังอยากจะพูดอะไร แต่ว่าโห้หลีเฉินก็จับมือเธอที่อยู่ใต้โต๊ะ หมายความว่าว่าไม่ได้เธอพูดอะไร
โห้หลีเฉินมองไปที่เย้นโม่หลินด้วยสายตาลึกซึ้ง พร้อมกับพูดว่า
“คุณชายเย้นไปด้วยก็ดีเหมือนกันครับ ไม่ยังงั้นผู้หญิงสองคน ผมคงดูแลไม่ไหวแน่”
แน่นอนว่าโห้หลีเฉินจะเป็นคนดูแลเย้นหว่าน ความหมายโดยนัยก็คือ เย้นโม่หลินต้องดูแลกู้จื่อเฟย
เย้นโม่หลินมองไปที่ผู้หญิงที่กำลังนั่งยิ้มอยู่ข้างๆ ทันใดนั้นปากเขาก็กระตุก รู้สึกเย็นวาบที่แผ่นหลังของเขาเล็กน้อย
จู่ๆ เขาก็รู้สึกไม่ค่อยอยากไปแล้ว
กงจืออวีเห็นด้วยที่จะให้เย้นหว่านไปเที่ยวกับกู้ซึง ก็เหมือนเป็นการยอมรับกลายๆ ว่าเห็นด้วยที่จะให้พวกเขาคบกัน เรื่องนี้ ถูกคนที่มีความตั้งใจรู้ข่าวอย่างรวดเร็ว
หยูซือห้านโกรธจนแทบจะทุบเฟอร์นิเจอร์ทั้งหมดในห้องทิ้ง
“สมควรตายจริงๆ ยังไงฉันก็ไม่มีวันอนุญาตให้พวกเขาคบกัน โห้หลีเฉินยังไม่ชนะ แล้วกู้ซึงเป็นใครกันที่จะมาแย่งเย้นหว่านไปจากฉัน! ”
ลูกน้องยืนอยู่ด้านข้าง เหงื่อเริ่มซึมออกมา ร่างกายสั่นเล็กน้อย
เขากล่าวอย่างกล้าหาญว่า “เรื่องความรู้สึกอะไรแบบนี้ มันไม่เกี่ยวกับสถานะนะครับ คุณผู็ชาย พวกเราแพ้แล้วจริงๆ ควรกลับได้แล้ว……”
“ไม่! ฉันไม่มีวันแพ้ กู้ซึงอยากจะแต่งงานกับเย้นหว่าน มันไม่ง่ายขนาดนั้นหรอกนะ! ”
หยูซือห้านกำหมัดแน่น ดวงตามืดมนอย่างมาก “โห้หลีเฉินอยู่ที่ไหน? ไปตามหามันแล้วก็บอกข่าวนี้ให้มันรู้ซะ! ฉันไม่เชื่อหรอกว่า ถ้ามันรู้ว่าผู้หญิงที่ตัวเองรักกำลังจะแต่งงานกับคนอื่น มันจะจะยังใจเย็นได้! ”
จนถึงตอนนั้น อีกคนก็รักเก่า อีกคนก็รักใหม่ ดูซิว่าเย้นหว่านจะเลือกอะไร!