สัญญารัก คบกับประธานฮั่ว30วัน - บทที่469 ข่าวลือที่เป็นจริง
บทที่469 ข่าวลือที่เป็นจริง
ลูกน้องสีหน้าดูแย่ขึ้นมาก
เขาก้าวถอยหลังเล็กน้อย แล้วพูดอย่างระมัดระวังว่า “ขอโทษด้วยครับ คุณผู้ชาย คนที่พวกเราส่งไปไม่มีใครหาโห้หลีเฉินพบเลย”
หยูซือห้านขมวดคิ้วอย่างดุเดือด แล้วด่าว่า “เขากลับไปเมืองหนานไม่ใช่เหรอ? ”
“กลับไปเมืองหนานครับ แต่ว่าหลังจากนั้นก็ไม่มีร่องรอยอะไรเลย”
“พวกขยะ! คนตัวโตขนาดนั้นยังหาไม่เจอ แล้วจะเอาพวกแกมาทำไมกัน! ”
หยูซือห้านถีบลูกน้องด้วยความโกรธ ถีบจนเขาล้มลงไปที่พื้น และกระอักเลือดออกมา
แต่ว่าเขาไม่กล้าล่าช้าเลยแม้แต่นิดเดียว รีบลุกขึ้นและคุกเข่าที่พื้นทันที
“คนของพวกเราตามหาเกือบจะทุกที่ในเมืองหนานแล้ว แต่ว่าไม่มีใครเห็นแม้แต่เงาของโห้หลีเฉินเลย เหมือนกับว่าเขาระเหยกลายเป็นไอไปท่ามกลางผู้คน หรือบางที เป็นไปได้ไหมครับว่าที่จริงแล้วการที่โห้หลีเฉินกลับเมืองหนานนั้นเป็นเรื่องโกหก ที่จริงแล้วเขาไปที่เมืองอื่น
หยูซือห้านหรี่ตาลง เหมือนกับว่าเขาตื่นตัวอะไรได้บางอย่าง
ปกติแล้ววิธีการของโห้หลีเฉินนั้นยอดเยี่ยมอย่างมาก ตอนแรกก็อาศัยตัวตนของลูกชายหยูรั่วถองเพื่อกลับไปที่ตระกูลหยู แล้วก็สร้างพายุคลื่นให้ตระกูลหยูด้วยมือเปล่า แย่งสิทธิในการเป็นทายาทของเขาไป
ตอนนี้เขาซ่อนตัวอยู่ ไม่แน่ว่าอาจจะกำลังไตร่ตรองอุบายอะไรอยู่ วางแผนการอันแยบยลอะไร
เขาจะไม่มีวันถูกโห้หลีเฉินวางแผนอีกเด็ดขาด และปล่อยให้เขาได้ทำในสิ่งที่เขาต้องการ!
“ตอนนี้ที่จริงแล้วเป้าหมายของฉันกับโห้หลีเฉินนั้นเหมือนกัน วิธีที่จะได้รับสิทธิของตระกูลหยูอย่างรวดเร็วที่สุด ก็คือเริ่มจากเย้นหว่าน แต่ว่าโห้หลีเฉินถูกเย้นโม่หลินไล่ออกไปแล้ว เขายอมแพ้เส้นทางนี้ ไม่ ไม่ถูกต้อง!
หยูซือห้านคิดอะไรขึ้นได้ สีหน้าก็เปลี่ยนไปในทันที
เขารีบเดินดุ่มๆ ไปที่หน้าต่าง แล้วก็เปิดผ้าม่านมองไปยังบ้านของเย้นหว่าน แล้วสีหน้าของเขาก็สั่นเครืออย่างรุนแรง
ผ่านไปครู่หนึ่ง เขาก็ค่อยๆ บีบคำพูดออกมาจากช่องฟันของเขาช้าๆ “หลินเจียง แกรู้สึกไหมว่า เย้นหว่านตกหลุมรักกู้ซึงเร็วไปหน่อย? ”
หลินเจียงที่เป็นลูกน้องนั้นส่ายหน้า “ตอนนี้คนเราเปลี่ยนคู่ก็เป็นแค่เรื่องคืนเดียวเท่านั้นนะครับ”
ตอนนี้เย้นหว่านกับกู้ซึงยังไม่ได้คบกันอย่างเป็นทางการ ก็ถือว่าเป็นการพัฒนาความสัมพันธ์ที่ค่อนข้างช้า
“ไม่ใช่”
หยูซือห้านส่ายหน้า สายตาเฉียบแหลม
“เย้นหว่านเหมือนกับคนในครอบครัวของเธอ ดื้อรั้น เอาใจใส่อย่างงมงาย ให้ความสำคัญกับเรื่องความรู้สึก ไม่มีวันที่จะเปลี่ยนใจง่ายๆ หรอก ใจของเธอยังคงคิดถึงโห้หลีเฉิน ต่อให้เธอยอมแพ้แล้วจริงๆ ก็ไม่มีทางที่จะยอมรับกู้ซึงได้เร็วขนาดนี้หรอก แม้แต่ว่า……”
นึกถึงสถานการณ์งานเต้นรำใส่หน้ากากเมื่อคืนนั้น อาจกล่าวได้ว่าเย้นหว่านตกหลุมรักกู้ซึงตั้งแต่แรกเห็น
แต่ว่าผู้หญิงที่พึ่งจะอกหักมา ทำไมถึงตกหลุมรักตั้งแต่แรกเห็นกับผู้ชายแปลกหน้าล่ะ? ในทางตรงกันข้าม รูปลักษณ์ภายนอกของกู้ซึง สถานะ เสน่ห์ ไม่มีอะไรที่ดีไปกว่าโห้หลีเฉินเลยด้วยซ้ำ
“ต้องมีปัญหาอย่างแน่นอน! ถ้าเกิดว่ากู้ซึงไม่ใช่กู้ซึง แต่ว่าเป็นโห้หลีเฉิน ทุกอย่างก็จบ! ”
หยูซือห้านพูดถึงสิ่งที่เขาพิจารณาด้วยเสียงสูง
หลินเจียงตกใจ สีหน้าเต็มไปด้วยความไม่อยากจะเชื่อ ราวกับว่าได้ยินคำพูดที่ไร้สาระอย่างมาก
เขาพูดว่า “คุณชายครับ นี่มันไม่ค่อยจะเป็นไปได้เท่าไหร่รึเปล่าครับ กู้ซึงอยู่ภายใต้จมูกเรามาตั้งหลายวันแล้ว ก็ไม่พบพิรุธเรื่องรูปลักษณ์เลยนะครับ แล้วอีกอย่าง การปลอมตัวบนโลกใบนี้ในตอนนี้ ก็ไม่สามารถปลอมได้เหมือนคนอื่น100%ขนาดนี้”
นี่ก็เป็นเหตุผลที่ตอนที่หลินเจียงสืบเกี่ยวกับกู้ซึงนั้น ไม่เคยสงสัยเรื่องนี้เลย
“คนอื่นอาจจะไม่สามารถทำได้ แต่ว่ามันคือโห้หลีเฉิน”
หยูซือห้านพูดเน้นออกมาทีละคำ เขากัดฟันด้วยน้ำหนักที่แรงมาก
มันคือโห้หลีเฉิน โผล่ออกมาโดยไม่มีมูล แต่ว่ากลับโหดเหี้ยมจนทำให้เขาหวาดกลัว ทั้งๆ ที่มีแค่พื้นหลังที่มาจากเมืองหนาน แต่ว่ากลับมีคาวมสามารถแข่งขันกับเย้นโม่หลินได้
โห้หลีเฉินถือการ์ดอยู่กี่ใบในมือกันแน่ หยูซือห้านก็ไม่กล้าพูดอย่างง่ายดาย
“แต่ว่า ถ้าเกิดว่าเขาคือโห้หลีเฉินจริงๆ แล้วใช้ตัวตนของกู้ซึงมาที่บ้านตระกูลเย้น ถ้ายังงั้นมันก็เป็นการขุดหลุมฝังศพตัวเองน่ะสิครับ”
หยูซือห้านยิ้มมุมปาก คลี่ยิ้มอย่างชั่วร้าย “ไม่ว่าจะปลอมตัวฉลาดแค่ไหน ก็หนีไม่พ้นการทดสอบทางการแพทย์ และการพิสูจน์ที่ยอดเยี่ยมหรอก และยิ่งไปกว่านั้น ตระกูลเย้นยังมีป่ายฉีที่เป็นบุคคลมหัศจรรย์ของโลกอยู่นะ”
สายตาของหลินเจียงเป็นประกาย “คุณผู้ชายครับ คุณคิดจะเปิดเผยกู้ซึงต่อหน้าสาธารณะใช่ไหม? แต่ว่าถ้าเขาหลบหลีกด้วยวิธีที่ฉลาด ไม่ยอมรับการตรวจล่ะ……”
“ฉันจะไม่มีวันให้โอกาสนั้นกับมัน”
หยูซือห้านพูดอย่างมั่นใจ
ครั้งนี้ เขาจะทำให้โห้หลีเฉินถึงจุดแห่งความตายอย่างแน่นอน ทำให้มันกับเย้นหว่านไม่มีทางเป็นไปได้
หึๆ ลองคิดดูแล้ว ถ้าเกิดว่าคู่สามีภรรยากงจืออวีรู้เข้า ว่าอนาคตลูกเขยที่พวกเขาชื่นชม กลับเป็นโห้หลีเฉินที่หลอกลวงพวกเขาอีกครั้ง พอได้รู้ความจริงนั้น จะมีปฏิกิริยายังไง?
เขารอคอยอย่างมาก
……
ที่บ้านตระกูลเย้น ไม่รู้ว่าเริ่มมาจากไหน แต่ว่าก็เริ่มมีข่าวลือ
และเนื้อหาก็คือ เย้นหว่านเปลี่ยนใจเร็วเกินไป มันไม่ปกติเลย แต่ว่าเหตุผลก็ไม่ใช่เพราะว่าพอเธอเจอกู้ซึงก็รู้สึกว่าสมพงษ์กันเลย แต่เป็นเพราะว่า กู้ซึงก็คือโห้หลีเฉินปลอมตัวมา
เนื้อหาของข่าวลือนี้มันฟังดูน่ากลัวเกินไป หลายคนพอได้ฟังครั้งแรกก็ไม่เชื่อ แต่ว่าคนที่พูดเรื่องนี้เยอะมาก ดีกรีความเป็นจริงก็เลยเพิ่มขึ้นไปด้วย
ค่อยๆ ดำเนินไปเรื่อยๆ ข่าวลือก็กลายเป็นกระแส เหมือนกับว่าจะถูกส่งต่อจนเป็นเรื่องจริง
คนที่รู้เรื่องภายใน ก็จะรู้ว่าข่าวลือนี้มีความเป็นไปได้ที่จะเป็นความจริงมากแค่ไหน ยิ่งรู้ ยิ่งรู้สึกตื่นตระหนก วุ่นวายไปหมด
กู้จื่อเฟยรีบวิ่งไปหาเย้นหว่าน ใบหน้าเต็มไปด้วยความกังวล
“เสี่ยวหว่าน ตอนนี้ทุกคนต่างก็สงสัยว่ากู้ซึงก็คือโห้หลีเฉิน ถ้าเกิดว่าเป็นแบบนี้ต่อไป ตัวตนที่แท้จริงของพี่ อาจจะต้องถูกเปิดโปงแล้ว”
เย้นหว่านขมวดคิ้ว อารมณ์เสียมาก
สองวันนี้เธอก็ได้ยินข่าวลือพวกนี้เหมือนกัน แล้วก็กำลังรู้สึกรำคาญเรื่องนี้อยู่
หากเป็นแค่การนินทาไร้สาระเรื่องของคนอื่น ก็ยังคงมีความมั่นใจที่จะชี้แจง อธิบาย แต่ว่าข่าวลือนี้ มันดันเป็นความจริง!
กู้จื่อเฟยเดินกลับมาที่ห้องอย่างเร่งรีบ เธอว้าวุ่นใจเป็นอย่างมาก
“ตอนนี้จะทำยังไงดี? จะให้ข่าวลือนี้มันแพร่ต่อไปไม่ได้นะ”
แต่ว่ายังคิดวิธีที่จะหยุดข่าวลือที่ยิ่งใหญ่โตขึ้นเรื่อยๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพไม่ออกเลย
“ต้องหาวิธีควบคุมให้ได้ ห้ามให้ถึงหูพ่อกับแม่เด็ดขาด”
เย้นหว่านพูดอย่างตื่นเต้น คิดเกี่ยวกับมาตรการรับมืออย่างว้าวุ่น
กู้จื่อเฟยตาเป็นประกาย แล้วก็พูดอย่างอ่อนแอว่า
“เรื่องนี้ เกรงว่าพ่อกับแม่เธอก็จะรู้แล้ว”
หยุดครู่หนึ่ง แล้วเธอก็พูดว่า “เมื่อกี้ตอนที่ฉันมานั้น เจอพี่เย้น เขายังถามฉันเกี่ยวกับเรื่องนี้”
เย้นหว่านอึ้งไป แล้วก็พูดอย่างกังวลว่า “เธอพูดว่ายังไงบ้าง? ”
“แน่นอนว่าฉันก็ต้องปฏิเสธสิ แต่ว่า ฉันเห็นสีหน้าของพี่เย้นแล้ว ฉันรู้สึกว่าเขาก็เริ่มสงสัยเพราะว่าข่าวลือนี้”
เย้นหว่านสูดลมหายใจเข้าลึกๆ
วิธีการของเย้นโม่หลินเธอก็รู้มาบ้าง ถ้าเกิดว่าเขาต้องการอยากรู้เมื่อไหร่ เขาต้องลงมือสืบหาอย่างแน่นอน
ด้วยวิธีการของเขา เป็นไปได้อย่างมากที่เขาจะสืบเจอพิรุธ……
“จะให้เรื่องเป็นแบบนี้ต่อไปไม่ได้เด็ดขาด! ฉันจะไปพูดกับพี่ฉัน”
เย้นหว่านกระวนกระวาย เธอลุกขึ้นแล้วรีบเดินออกไปด้านนอกทันที