สัญญารัก คบกับประธานฮั่ว30วัน - บทที่481 เขาไม่กลับมาแล้วเหรอ?
บทที่481 เขาไม่กลับมาแล้วเหรอ?
ยิ่งเป็นแบบนี้ เย้นหว่านยิ่งรู้สึกไม่สบายใจ รู้สึกอย่างเลือนรางว่า การที่กู้ซึงมาในครั้งนี้ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย มีความเป็นไปได้อย่างมาก ว่าเขาจะอยู่ที่นี่ในฐานะของโห้หลีเฉิน
ถ้าเกิดว่าเป็นแบบนี้……
เย้นหว่านรู้สึกลุกลี้ลุกลน สับสนอย่างมาก
เมื่อมีเรื่องในใจ เย้นหว่านยิ่งรู้สึกไม่อยากอาหาร กินนิดหน่อยให้พอเป็นพิธี แล้วก็วางตะเกียบแล้วจากไป
กงจืออวีเห็นเย้นหว่านจิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว ก็ค่อยๆ ขมวดคิ้วเข้าหากัน สีหน้าดูกังวล
เธอถามเย้นโม่หลินด้วยน้ำเสียงที่ทุ้มต่ำ “เสี่ยวโม่ เสี่ยวหว่านเป็นอะไรไป? ”
เย้นโม่หลินส่ายหน้า “ผมเองก็ไม่ค่อยแน่ใจเหมือนกัน” เขาแค่รู้สึกว่าเย้นหว่านแปลกไป
เย้นหว่านกลับมาที่ลานบ้านของตัวเอง เดินไปตรงที่สวนเล็กของตัวเองทันที แล้วก็เดินไปที่มุม
แต่ว่าผ่านมานานขนาดนี้แล้ว โห้หลีเฉินไปตั้งนานแล้ว ตรงนั้นมันว่างเปล่า แม้แต่เงาของคนก็ไม่มี
มีความรู้สึกผิดหวังก่อเกิดขึ้นในหัวใจของเย้นหว่าน
เขาไปไหนแล้ว?
เขาจะแอบซ่อนตัวรอเธออยู่ในห้องไหนเหรอเปล่า?
พอคิดได้แบบนี้ เย้นหว่านก็รีบวิ่งไปที่ห้องของโห้หลีเฉิน ประตูไม่ได้ล็อก เธอก็ผลักประตูเข้าไปทันที
แต่ว่าภายในห้องนั้นก็ว่างเปล่า ไม่มีคนเหมือนกัน
เห็นได้อย่างชัดเจนว่าโห้หลีเฉินไม่ได้อยู่ที่นั่น
เย้นหว่านรู้สึกลุกลี้ลุกลนมากกว่าเดิม แล้วก็รีบไปตามหาที่ห้องของตัวเอง ก็ยังคงไม่มีใครเหมือนกัน
เธอนั่งลงบนโซฟาอย่างหงอยเหงาเศร้าซึม ใจของเธอรู้สึกกลัดกลุ้มขึ้นเรื่อยๆ ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า ตอนนี้โห้หลีเฉินไม่ได้อยู่ที่บ้านหลังนี้แล้ว
ตัวตนของเขาในตระกูลเย้นนั้นค่อนข้างจะอ่อนไหว เขาไม่สามารถไปเดินเตร่ที่อื่นในบ้านตระกูลเย้นได้อีกแล้ว ไม่แน่ว่า ตอนนี้เขาไม่ได้อยู่ที่บ้านตระกูลเย้นแล้ว
เขาไปแล้วงั้นเหรอ?
แล้วเขาไปไหนอีกแล้ว?
แม้แต่โทรศัพท์ก็เอาให้กู้ซึงไปแล้ว เย้นหว่านไม่รู้แม้แต่ว่าถ้าจะตามหาเขาต้องทำยังไง
เย้นหว่านรู้สึกอึดอัดเหมือนกับว่ามีก้อนหินก้อนใหญ่มาทับไว้ ทำให้เธอหายใจไม่สะดวก รู้สึกสับสนวุ่นวายใจ ไม่สบายใจเหมือนกับว่าหาที่ปักหลักไม่ได้
เธอรู้สึกว่า วันเวลาก่อนหน้านี้ที่เธอได้อยู่กับโห้หลีเฉินนั้น เหมือนกับว่ามันจะหายไปตลอดกาล
อนาคตจะเป็นอย่างไร ก็มองไม่ชัดแล้ว
“ตึกๆๆ ”
เสียงฝีเท้าที่ไม่หนักไม่เบาดังขึ้นจากทางด้านนอกลานบ้าน
เย้นหว่านลุกขึ้นโดยอัตโนมัติ เดินไปตรงหน้าประตู ก็เห็นกู้ซึงกับกู้จื่อเฟยเดินเข้ามาพร้อมกัน
พวกเขาเดินอยู่ด้วยกัน ทั้งพูดคุยและหัวเราะ บรรยากาศดูรักใคร่กลมเกลียวกัน
และท่าทางของกู้จื่อเฟยที่อยู่กับกู้ซึงนั้นต่างจากในตอนปกติมาก ปกติตอนที่เธออยู่กับกู้ซึงนั้น จะไม่เป็นธรรมชาติ และมีความเคารพนับถือ แต่ว่าตอนนี้ ทั้งพูดคุยหัวเราะดูสนิทสนมกันมาก
และก็มีแค่ตอนที่อยู่ต่อหน้าลูกพี่ลูกน้องของเธอเท่านั้น กู้จื่อเฟยถึงได้ปล่อยตัวสบายๆ เป็นธรรมชาติ
ความคิดหวังในใจของเย้นหว่าน ก็ตกลงอีกครั้ง
พอกู้ซึงเห็นท่าทางที่ผิดหวังของเย้นหว่านแล้วนั้น มุมปากของเขาก็อดกระตุกไม่ได้
เย้นหว่านนั้นไม่สนใจเขาเลยแม้แต่นิดเดียว
เขาพูดอย่างหดหู่ว่า “เริ่มดึกแล้ว พวกเธอรีบไปพักผ่อนเถอะ ฉันไปนอนแล้ว ฝันดีนะ”
พอพูดจบ กู้ซึงก็เดินไปทางห้องของโห้หลีเฉิน
ตอนนี้ไม่มีใครให้แสดงแล้ว เขาก็จะไม่ยั่วยุเย้นหว่านอีก ใครจะไปรู้ล่ะว่าเรื่องวางยาเมื่อกี้นี้ เขาก็ถูกคนบางคนเตือนและข่มขู่แล้ว
เย้นหว่านยืนซึมๆ อยู่ตรงนั้น มองดูกู้ซึงเดินไปยังห้องของโห้หลีเฉิน ก็รู้สึกฉลาดปราดเปรียวขึ้นมา เธอรีบยืนตัวตรงทันที
เธอก็รีบเดินตามไปทันที
แล้วก็เห็นว่ากู้ซึงนั่งอยู่บนเตียง แล้วก็รีบตะโกนว่า “เดี๋ยวก่อน! ”
ก้นของกู้ซึงที่กำลังจะหย่อนลงบนเตียง ค้างนิ่งอยู่กลางอากาศ รู้สึกเก้อเขินเล็กน้อย
เขาพูดอย่างลังเลว่า “บนเตียงนี้มันมีกลไกอะไรเหรอ? ”
“นายห้ามนั่ง”
เย้นหว่านเดินเข้าไป แล้วก็ดึงกู้ซึงให้ลุกขึ้น หันกลับไปมองผ้าปูที่นอนที่ไม่ได้มีริ้วรอยอะไร เธอถึงได้รู้สึกโล่งใจเล็กน้อย
แล้วก็พูดว่า “โห้หลีเฉินไม่ชอบให้คนนอกแตะต้องของ เขา โดยเฉพาะเตียง”
กู้ซึง:“……”
“ถ้ายังงั้นคืนนี้จะให้ฉันนอนที่ไหนล่ะ? ”
เย้นหว่านเบิกตาโพลงด้วยความตะลึง “คืนนี้นายจะนอนที่นี่ยังงั้นเหรอ?! ”
กู้ซึงพยักหน้า สีหน้าแสดงให้เห็นว่ามันต้องเป็นอย่างนั้นอย่างแน่นอน
เย้นหว่านจะระเบิดแล้ว ความกังวลในใจของเธอเดือดพล่านถึงขีดสุด
“ถ้านายจะอยู่ที่นี่ แล้วโห้หลีเฉินล่ะ? เขาไม่กลับมาแล้วเหรอ? ”
“ชั่วคราวก็จะเป็นแบบนี้ไปก่อน”
กู้ซึงนั่งลงบนโซฟาอย่างสบายอกสบายใจ มุมปากก็มีรอยยิ้มที่ขี้เล่น
เขาอธิบายให้เย้นหว่านเพิ่มเติมด้วยความใจดีที่หายากของเขา “ช่วงนี้ ฉันควรจะอยู่ที่นี่ไปก่อน”
“อะไรนะ?!”
เย้นหว่านยืนค้างนิ่งอยู่กับที่ สีหน้าซีดเผือดลงอย่างรวดเร็ว
ประโยคนี้มีความหมายโดยนัยก็คือ ช่วงนี้โห้หลีเฉินจะไม่มาที่นี่อีก และก็จะไม่แอบอ้างเป็นกู้ซึงอีกต่อไป
ถ้ายังงั้นเขาก็จะไม่ได้อยู่ข้างๆ เธอ……
“พอเห็นท่าทางที่ผิดหวังของเธอ ฉันเองก็เสียใจมาก ใบหน้าก็เหมือนกัน ที่จริงเธอเห็นฉันเป็นเขาแทนก็ได้นะ”
กู้ซึงเอนตัวพิงโซฟา กะพริบตาให้เย้นหว่าน ยั่วยวนเธอ
เย้นหว่านมีอารมณ์ไปหยอกล้อกับเขาที่ไหนกัน
ใจของเธอยิ่งสับสนวุ่นวายไปกันใหญ่ ถ้าเกิดว่ากู้ซึงจะอยู่ที่นี่นานล่ะก็ หมายความว่าเขาจะมาแทนโห้หลีเฉิน
ในบ้านตระกูลเย้นนั้น มีกู้ซึงได้เพียงแค่คนเดียวเท่านั้น
ถ้ายังงั้นที่ของโห้หลีเฉินจะอยู่ตรงไหนกัน?
เย้นหว่านไม่รู้เลยว่าโห้หลีเฉินวางแผนยังไงบ้าง แต่เธอแค่รู้สึกงงงวย สับสน ไม่รู้ว่าต้องทำตัวยังไง
เธอเสียใจไปชั่วขณะ แล้วก็พูดด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำว่า “นายรู้ไหมว่าจะติดต่อโห้หลีเฉินได้ยังไงบ้าง? ฉันอยากจะตามหาเขา”
กู้ซึงส่ายหน้าอย่างตรงไปตรงมา
“ฉันไม่รู้ ปกติแล้วเขาจะเป็นคนติดต่อฉัน”
เย้นหว่าน:“……”
ใจเธอรู้สึกหนาวเหน็บ
แล้วก็ถามอย่างไม่พอใจ “ถ้ายังงั้นโทรศัพท์นาย……”
“เป็นของโห้หลีเฉิน ข้อมูลทั้งหมดอยู่ในนั้น รวมถึงวีแชทด้วย”
เย้นหว่าน:“……”
ตอนนี้เธอเหมือนกับมะเขือเปราะ ไม่เหลือเรี่ยวแรงอะไรเลย
ดูเหมือนกับว่ากู้ซึงจะมาเพียงเพื่อแค่แทนที่โห้หลีเฉินเท่านั้น สำหรับเรื่องอื่น เกรงว่าเขาน่าจะไม่รู้อะไรเท่าไหร่นัก
รอให้โห้หลีเฉินติดต่อมายังงั้นเหรอ?
เย้นหว่านพยายามระงับอารมณ์ที่อึดอัดและเศร้าหมองของตัวเองไว้ แล้วพูดว่า “ถ้าเกิดว่าโห้หลีเฉินติดต่อนายมา นายต้องบอกฉันทันทีเลยนะ”
“ได้ แต่ว่าฉันมีเงื่อนไขอยู่ข้อหนึ่ง”
เย้นหว่านขมวดคิ้ว “เงื่อนไขอะไร? ”
กู้ซึงชี้ไปยังเตียงที่ไม่ไกลเท่าไหร่นัก “คืนนี้ฉันจะนอนบนเตียง”
เขาไม่เคยชินกับการนอนบนโซฟาแทนบนเตียงเท่าไหร่นัก ไม่ยังงั้นคืนนี้ต้องนอนไม่หลับอย่างแน่นอน แต่ว่าเย้นหว่านห่วงใยข้าวของโห้หลีเฉินขนาดนั้น เป็นไปได้ว่าอาจจะไม่อนุญาตให้เขานอนบนเตียง
เย้นหว่านเริ่มลังเล
เธอก็ไม่ได้วางแผนจะให้กู้ซึงนอนบนเตียงจริงๆ ยังไงโห้หลีเฉินคนนี้เนี่ยก็เป็นคนจุกจิกอยู่แล้ว แถมยังรักสะอาดอีก ไม่อนุญาตให้คนอื่นแตะต้องของเขา ยิ่งไม่อนุญาตให้คนอื่นนอนบนเตียงของเขาอีก
ถึงแม้ว่าตอนนี้โห้หลีเฉินจะไม่อยู่ แต่ว่าเธอก็ไม่อยากให้คนอื่นแตะต้องของเขา ทำให้โห้หลีเฉินรู้สึกไม่สบาย
เย้นหว่านลังเลอยู่ครู่หนึ่ง แล้วก็ถามว่า “ฉันให้นายเปลี่ยนเงื่อนไขได้ ถ้าเป็นเงื่อนไขข้ออื่นฉันจะพิจารณาดู”
“ไม่ได้” ท่าทางของกู้ซึงนั้นแน่วแน่มาก
เย้นหว่านกลัดกลุ้ม เธออารมณ์เสียที่กู้ซึงยุ่งยากขนาดนี้
หลังจากลังเลอยู่ครู่หนึ่ง เธอก็หันไปมองเตียง มองแล้วมองอีก แล้วก็ตัดสินใจอย่างยากลำบาก
“ฉันจะเปลี่ยนผ้าปูที่นอนและเครื่องนอนให้นายทั้งหมด”
ผ้าปูที่นอนและเครื่องนอนเป็นของส่วนบุคคล ถ้าเปลี่ยนทั้งหมด ก็ถือว่าเป็นของใหม่ ก็แค่นอนบนเตียงเท่านั้น โห้หลีเฉินกลับมาแล้วก็คงไม่ได้ถือสาอะไรเท่าไหร่หรอกใช่ไหม?