สัญญารัก คบกับประธานฮั่ว30วัน - บทที่486 นายไปไหนมา
บทที่486 นายไปไหนมา
เย้นหว่านเบิกตาโพลงด้วยความประหลาดใจในขณะที่รู้สึกหวาดกลัวอย่างมากนั้น ก็รู้สึกโล่งใจเหมือนกัน
นี่ถือว่าเป็นความโชคดีในความโชคร้ายของเธอ ได้ช่วยเหลือตัวเองไว้
แต่ว่าเธอยังไม่ทันจะดีใจ ในตอนนี้เอง ก็มีเสียงลูกธนูแหวกอากาศดังขึ้นมาอีกครั้ง
ธนูอีกสามดอก พุ่งออกมาจากทิศทางที่ไม่เหมือนกัน ทั้งหมดพุ่งมาที่เธอ
มาที่เธออีกงั้นเหรอ?!
เย้นหว่านขนหัวลุก เธอลุกขึ้นยืนด้วยความตื่นตระหนก แต่ว่าสุดท้ายแล้วเธอก็เป็นแค่คนธรรมดาคนหนึ่ง ไม่ได้มีความสามารถเท่าสายลับในหนัง ขาทั้งสองข้างของเธออ่อนอย่างไม่มีเหตุผล แม้แต่แรงที่จะยืนขึ้นยังไม่มีเลย
ยิ่งอย่าไปพูดถึงเรื่องหลบลูกธนูอะไรนี่เลย
เย้นหว่านปากคอแห้ง สมองว่างเปล่า
เธอจะเหมือนกับเสือดาวตัวนั้น ถูกลูกธนูยิงทะลุใช่ไหม?
ตายได้น่าอนาถเกินไป น่าสงสารจริงๆ
เย้นหว่านหลับตาลงด้วยความหวาดกลัวและหมดหวัง ในสมองของเธอปรากฏภาพหนึ่งขึ้นมา ภาพใบหน้าหล่อเหลาที่มีรอยยิ้มของโห้หลีเฉิน
น่าเสียดาย เธอคิดถึงเขา แต่ว่าเธอจะไม่ได้เจอเขาอีกแล้ว
“ระวัง!”
ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อนั้น จู่ๆ เย้นหว่านก็ถูกคนคน หนึ่งดึงให้เธอลุกขึ้น หลังจากนั้นเธอก็ตกเข้าไปในอ้อมแขนที่กว้างและแข็งแรงของเขา
หลังจากวินเวียนช่วงหนึ่ง เธอก็ยืนนิ่งในอ้อมแขนของเขา
เธอไม่ได้เจ็บปวดจากการที่ถูกลูกธนูแทงเหมือนที่คาดการณ์ไว้ เส้นประสาทที่ตึงเครียดของเย้นหว่านก็ได้ผ่อนคลายลง เธอลืมตาขึ้นอย่างดีอกดีใจ มีคนมาช่วยเธอแล้ว!
“ขอบ……”
เธอรู้สึกตื้นตันจนกำลังจะพูดอะไรออกมา แต่ว่าตอนที่เห็นใบหน้าหล่อเหลาที่อยู่ใกล้ๆ นั้น เธอก็อึ้งไปเลย
เธอตกใจ “กู้ซึง?”
กู้ซึงขมวดคิ้วแน่น แล้วก็ค่อยๆ ปล่อยเย้นหว่าน แล้วก็วิเคราะห์ร่างกายเธออย่างละเอียด
พอเห็นรอยแผลจากกิ่งไม้เล็ก ก็ขมวดคิ้วอย่างปวดใจ
“เจ็บไหม? ยังมีตรงไหนที่ได้รับบาดเจ็บอีกเหรอเปล่า? ”
น้ำเสียงที่ทุ้มต่ำ แสดงให้เห็นถึงความเป็นห่วงและความกังวลจากก้นบึ้งของหัวใจ
เย้นหว่านมองเขาอึ้งๆ แล้วดวงตาก็แดงก่ำขึ้นมา
ดวงตาของเธอเป็นประกาย เธอรีบจับแขนเสื้อของเขาไว้ เสียงสะอื้น แล้วก็ถามอย่างไม่ค่อยแน่ใจ “ โห้หลีเฉินเหรอ?”
“ฉันเอง”
โห้หลีเฉินยื่นมือออกไป แล้วก็ลูบผมของเธออย่างปวดใจ ท่าทางของเขาเต็มไปด้วยความรักและทะนุถนอม “ขอโทษด้วย ฉันมาช้าไป”
ใครจะไปรู้ว่าตอนที่เขารีบตามมาแล้วเห็นเย้นหว่านนอนอยู่ที่พื้น แล้วกำลังจะถูกลูกธนูพุ่งเข้าใส่นั้น เขาตกใจจนแทบจะหยุดหายใจอยู่แล้ว
โชคดีที่เขามาทันเวลา ถ้าเกิดว่าเขามาช้าไปอีกวินาทีเดียว บางทีเขาอาจจะไม่ได้เห็นเธออีกแล้ว
ผู้หญิงคนนี้สมควรตายจริงๆ เลย เขาก็แค่อยู่ห่างจากเธอไม่กี่วันเท่านั้น เธอก็เอาตัวเองเข้ามาอยู่ในสถานการณ์ที่อันตรายแบบนี้แล้ว!
“โห้หลีเฉิน นายไปไหนมา?!”
เชือกเส้นสุดท้ายในใจของเย้นหว่านนั้น ได้ขาดลงแล้ว
ความกังวลและหวาดกลัวเกินไป ทำให้เธอทนไม่ไหวอีกต่อไป น้ำตาของเธอไหลลงมาทันที พุ่งเข้าไปในอ้อมแขนของโห้หลีเฉินแล้วก็ร้องไห้โวยวายออกมา
เธอร้องไห้ด้วยความปวดใจ ความเศร้า และระบายความคิดถึงในช่วงนี้ ระบายความกลัวจนถึงขีดสุดของเธอเมื่อกี้นี้
เธอคิดจริงๆ ว่าเธอจะไม่มีโอกาสได้เจอเขาอีกแล้ว
แต่เขาก็เป็นเหมือนฮีโร่ส่วนตัวของเธอ ตกลงมาจากท้องฟ้าในเวลาที่คับขันแบบนี้ แล้วก็ช่วยเธอเอาไว้
โห้หลีเฉินปวดใจเป็นอย่างมาก พอเห็นเย้นหว่านร้องไห้แบบนี้ก็ทำตัวไม่ถูก ได้แต่ใช้มือที่หนาของตัวเอง ลูบไปที่ผมของเย้นหว่านเบาๆ
น้ำเสียงที่ทุ้มต่ำของเขาปลอบโยนเธออย่างอดทน “ฉันมาแล้ว ฉันจะปกป้องเธอเอง ไม่เป็นอะไรแล้วนะ”
มีเขาอยู่ เย้นหว่านก็ไม่ต้องเป็นห่วงอะไรทั้งนั้น
เธอแนบอยู่ในอ้อมแขนของเขาแล้วก็ร้องไห้โวยวายออกมายกใหญ่ ปราศจากความกลัว ความกังวลและความหวาดผวาเมื่อกี้ก็ได้วางลงแล้ว
เพราะว่าเธอรู้ว่า ขอแค่มีเขาอยู่ เธอก็ไม่ต้องกังวลอะไรทั้งนั้น ยังไงเธอก็ต้องปลอดภัย
ร้องไห้อยู่ครู่หนึ่ง ราวกับว่าเย้นหว่านร้องไห้จนพอใจแล้ว ก็สะอึกสะอื้นแล้วก็หยุดร้องไห้
เธอค่อยๆ เงยหน้าขึ้นมา ถึงได้พบว่า เสื้อผ้าตรงหน้าอกของโห้หลีเฉินนั้น เปียกไปด้วยน้ำตาและน้ำมูกของเธอ
เธอรู้สึกขอโทษอีกแล้ว
โห้หลีเฉินที่เป็นคนรักความสะอาดขนาดนี้ แต่ว่าเธอกลับทำให้เสื้อผ้าเขาเป็นแบบนี้
“ฉัน ฉันไม่ได้ตั้งใจ……”
“ฉันไม่รังเกียจหรอก”
เสียงที่ทุ้มต่ำและเต็มไปด้วยความอ่อนโยนจนทำให้คนที่ได้ยินรู้สึกหลงใหล
เย้นหว่านอึ้งไป ทันใดนั้นกระแสความอุ่นก็ถูกฉีกเข้ามาในหัวใจของเธอ ทำให้หัวใจทั้งดวงของเธอรู้สึกอบอุ่น
เธอจับชายเสื้อของเขาไว้แน่น เธอรู้สึกทั้งมีความสุขและไร้กังวล
เหมือนกับว่าที่ได้เจอกับความหวาดกลัวและหวาดผวาเมื่อกี้นั้น มันได้ผ่านไปหมดแล้ว หายไปหมดเลย
เธอมองเขา เสียงยังคงแหบแห้งเล็กน้อย แต่ก็อดไม่ได้ที่จะถามว่า “คนที่ฉันเห็นตอนที่อยู่บนเรือ คือนายจริงๆ เหรอ? ”
ไม่ยังงั้นโห้หลีเฉินจะปรากฏตัวมาช่วยเธอได้ทันเวลาได้ยังไงกัน
โห้หลีเฉินพยักหน้า “ฉันเอง”
เขากอดเธอแล้วก็นั่งลงบนขอนไม้ข้างๆ แล้วก็ค่อยๆ หยิบกิ่งไม้ออกจากผมของเธอเบาๆ
“ฉันรู้ว่าเธอจะเข้ามาในป่า ตอนแรกก็รอเธออยู่ที่ป่า แต่ว่าสุดท้ายเธอก็ไม่มา”
เย้นหว่านหน้าแดง เธอรู้สึกขอโทษ
เธอพูดติดอ่าง “ฉัน ฉันไม่ค่อยรู้ทางน่ะ”
ปกติเธอก็ไม่ค่อยรู้ทิศรู้ทางอยู่แล้ว แล้วยิ่งในป่าแบบนี้ เธอก็กลายเป็นคนที่ไม่มีเซ้นส์ในเรื่องทิศทางไปกันใหญ่เลย
โห้หลีเฉินขมวดคิ้ว “เธอไม่ได้ให้กู้ซึงนำทางมาเหรอ? ”
เย้นหว่านยิ่งรู้สึกขอโทษไปมากกว่าเดิม เพราะว่าเธอรีบร้อนอย่างมาก พอเข้าป่ามาแล้วก็ทำตามสิ่งที่ตัวเองคิด ทั้งเดิน ทั้งวิ่ง ไม่รู้ว่าคลาดกับกู้ซึงไปตั้งแต่ตอนไหน
ตอนที่เธอรู้ตัวนั้น ก็ไม่เจอกู้ซึงแล้ว แม้แต่ทางยังหาไม่เจอเลย
พอเห็นท่าทางเก้อเขินของเย้นหว่าน โห้หลีเฉินก็จำใจ
โชคดีที่เขารู้ว่าเธอหายไป ก็รีบมาตามหาเธอ ถึงได้หาเธอเจอ
เขาหยิกจมูกของเธอเบาๆ “ครั้งนี้ห้ามทำตัวไม่ดูตาม้าตาเรือแบบนี้อีกนะ ป่าแบบนี้อาจจะเจอกับสัตว์ป่าได้ทุกเมื่อ เกิดเรื่องขึ้นได้ง่ายมาก”
เย้นหว่านรีบพยักหน้าอย่างเชื่อฟังทันที
“ไม่มีครั้งหน้าอีกแล้ว”
สถานที่ที่น่ากลัวแบบนี้ เธอมาแค่ครั้งเดียวก็ไม่อยากจะให้มีครั้งที่สองอีก
คืนนี้กลับไปเกรงว่าต้องฝันร้ายอย่างแน่นอน
พอคิดได้แบบนี้ เย้นหว่านก็จับมือของโห้หลีเฉินไว้ กะพริบตาและมองไปที่เขาอย่างไม่สบายใจ
“นายยังจะไปอยู่ไหม?”
พอเห็นสีหน้าที่ตื่นเต้นและเป็นกังวลของผู้หญิงตรงหน้า โห้หลีเฉินก็รู้สึกใจอ่อน และไม่อยากจะปล่อยมือ
เขากุมมือเล็กๆ ของเธอไว้ แล้วก็พูดด้วยเสียงที่อ่อนโยน “สองสามวันนี้ฉันจะอยู่กับเธอ”
“จริงเหรอ?!”
เย้นหว่านดีใจจนแทบจะกระโดด คลี่ยิ้มกว้างออกมาอย่างอดไม่ได้
โห้หลีเฉินจะอยู่กับเธอ มันเป็นเรื่องที่เธอดีใจที่สุดแล้ว
โห้หลีเฉินพยักหน้าอย่างอดทน แล้วก็จับไหล่ของเธอไว้
“บนตัวของเธอมีแผล อย่าเคลื่อนไหวมากเกินไป”
“ไม่เป็นไรหรอก แผลเล็กน้อยเท่านั้นเอง ฉันไม่ได้รู้สึกเจ็บเลยแม้แต่นิดเดียว”
ใบหน้าของเย้นหว่านเต็มไปด้วยรอยยิ้ม อารมณ์ดีอย่างมาก
เธอรอมานานขนาดนี้ สุดท้ายกู้ซึงก็จะไป แล้วโห้หลีเฉินก็จะกลับมาแล้ว
จะให้เธอไม่ดีใจได้ยังไงกัน
หลีเฉินส่ายหน้าอย่างไม่มีทางเลี่ยง หยิบผ้าเช็ดหน้าขึ้นมา แล้วก็เช็ดไปที่แผลบนแขนของเย้นหว่าน
ถึงแม้ว่าจะเป็นแผลตื้นๆ ที่ผิวหนัง แต่ว่าพอเห็นมันอยู่บนร่างกายของเย้นหว่าน โห้หลีเฉินก็รู้สึกไม่มีความสุข และปวดใจเป็นอย่างมาก
เย้นหว่านปล่อยให้โห้หลีเฉินเช็ดอยู่แบบนั้น แล้วก็มองเขาอย่างไม่กะพริบตา
เธอเอ่ยปากถาม “หลายวันนี้นายไปไหนมา? ”