สัญญารัก คบกับประธานฮั่ว30วัน - บทที่498 ได้รับบาดเจ็บ
บทที่498 ได้รับบาดเจ็บ
ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง โห้หลีเฉินก็ไม่ได้เลี่ยงหลบอีก แต่พลิกมือจับข้อมือของหยูซือห้านไว้ ขมวดคิ้วถามอย่างขุ่นเคือง
“คุณชายหยูนี่มันหมายความว่ายังไง?”
“ชนไวน์เท่านั้น”
ใบหน้าของหยูซือห้านมีรอยยิ้มของสุภาพบุรุษ แต่แรงในมือกลับไม่เกรงใจเลยสักนิด พลิกมือจับข้อมือของโห้หลีเฉิน
พลิกไปพลิกมา เป็นการโจมตีที่เฉียบคม
โห้หลีเฉินหรี่ตาลง วิธีการโจมตีแบบนี้ สำหรับเขาแล้วเป็นแค่ของกินเล่น
เพียงแต่……
นาทีนั้นเขากลับสำรวมความสามารถ ผ่อนคลายแรงต้าน ได้ยินเพียงเสียง “ก็อก” ที่ชัดเจนดังมาจากข้อมือเขา
แทงหูราวกับฟ้าร้อง
ข้อมือของเขาหักแล้ว!
การเคลื่อนไหวของหยูซือห้านเองก็หยุดลงในนาทีนั้น เขามองชายตรงหน้าด้วยใบหน้าเหลือเชื่อ เป็นไปได้ยังไง เขาไม่ต่อต้านแล้ว?
สีหน้าของเย้นหว่านเปลี่ยนไปมาก ใจปวดร้าว
เธอยืนขึ้นในทันที ผลักหยูซือห้านออก “นายทำอะไร?! ไอ้คนงี่เง่า!”
เธอรีบหันตัวด้วยความปวดใจ กำข้อมือของโห้หลีเฉินไว้
ดวงตาเริ่มแดง น้ำเสียงสะอื้น เป็นห่วงอย่างมาก “นายเป็นไงบ้าง?”
สีหน้าของโห้หลีเฉินซีดขาวเล็กน้อย ส่ายหน้า “ไม่เป็นไร พลิกนิดหน่อยเฉยๆ”
“ฉันได้ยินเสียงก๊อก ยังจะบอกว่าแค่พลิกเฉยๆ?! ตอนนี้นายจะเข้มแข็งไปทำไม!”
เย้นหว่านตะคอกเสียงดังด้วยความโกรธ ของเหลวก้อนหนึ่งกลิ้งอยู่ในเบ้าตา เกือบจะตกลงมาแล้ว
เสียงที่ชัดเจนขนาดนั้น กระดูกที่ถูกบดขนาดนั้น ต้องเจ็บมากแน่!
หยูซือห้านทำไมลงมือหนักขนาดนี้!
“ฉันพานายไปหาป่ายฉี!”
เย้นหว่านพยุงโห้หลีเฉิน จะลากเขาไปด้วยความร้อนรน
หยูซือห้านยืนอยู่ด้านข้าง มีแสงที่เย็นเยือกชั่วร้ายในดวงตา แต่การแสดงออกรู้สึกผิดมาก
พูดขึ้น “ฉันไม่ได้ตั้งใจจริงๆ รีบไปหาป่ายฉี เขาเป็นหมอเทพ ไม่นานก็รักษาหายได้”
เย้นหว่านถลึงตาใส่ในใจ
ทำไมคำพูดนี้ของหยูซือห้านฟังแล้ว ดูผิดปกติมาก
เกรงว่าเขาจงใจจะให้ป่ายฉีมาตรวจสอบอาการของโห้หลีเฉิน!
ใช่แล้ว โห้หลีเฉินแม้ว่าจะใช้ใบหน้าของกู้ซึง ดูแล้วไม่มีพิรุธอะไร แต่คนสองคนที่แตกต่างกัน กระดูกกับสมรรถภาพทางกายนั้นต่างกันโดยสิ้นเชิง
ป่ายฉีเป็นคนแบบไหน? ก่อนหน้านี้ตอนลูบกระดูกหน้าเพื่อตรวจสอบ เกรงว่าจะลูบคลำพื้นฐานร่างกายของกู้ซึงจนชัดเจนทั่วถึงแล้ว
แต่สมรรถภาพร่างกายของโห้หลีเฉินกับกู้ซึงนั้นแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง
เขาเคยฝึกการต่อสู้ สมรรถภาพร่างการแข็งแกร่ง ความแตกต่างระหว่างร่างกายนักวิชาการที่อ่อนแอกับพลทหาร ป่ายฉีสามารถดูออกได้
เป็นธรรมดาที่ถึงตอนนั้นป่ายฉีจะรู้ว่ากู้ซึงในครั้งก่อน กับกู้ซึงในครั้งนี้ เป็นคนละคนกัน!
ป่ายฉีแม้ว่าจะมีความสัมพันธ์ที่ไม่แย่กับเย้นหว่าน แต่ที่ภักดีด้วยคือตระกูลกู้ ไม่มีทางช่วยเย้นหว่านปิดบังเรื่องนี้เด็ดขาด
เย้นหว่านโกรธจนแทบจะระเบิดแล้ว
หยูซือห้านชั่วร้าย อันตรายเกินไปแล้ว!
แต่คำที่เธอบอกว่าจะไปหาป่ายฉีก็พูดไปแล้ว เมื่อเกิดเรื่องเจ็บป่วยขึ้นในบ้าน ต่างก็ไปหาป่ายฉีเป็นอย่างแรก เธอเองก็ไม่มีเหตุผลที่จะไม่พากู้ซึงไปหาป่ายฉี
ไม่อย่างนั้น จะยิ่งทำให้คนสงสัย
เย้นหว่านสีหน้ากลัดกลุ้ม จนตรอก ตอนนี้ควรทำยังไงดี?
บาดแผลของโห้หลีเฉินก็รุนแรงขนาดนั้น เพียงเวลาแค่ไม่นาน ก็เห็นแผลพองขึ้นมาแล้ว
รีรอไม่ได้!
ตอนที่เย้นหว่านกำลังสับสนว่าจะทำยังไง กู้จื่อเฟยก็เดินออกมาจากในสวนด้านหนึ่งอย่างรวดเร็ว ด้านหลังเธอ มีเย้นโม่หลินเดินตามมา
กู้จื่อเฟยยังไม่ทันเดินมาใกล้ ก็ร้องด้วยความตกใจ “ตายแล้ว นี่เกิดเรื่องอะไรขึ้น? แก้วไวน์ทำไมตกไปอยู่บนพื้นแล้วล่ะ”
กู้จื่อเฟยวิ่งเหยาะๆเข้ามาด้วยใบหน้ากังวล ยืนอยู่ข้างตัวของเย้นหว่าน
เธอขยิบตาให้เย้นหว่านเงียบๆ พูดเสียงเบา “ฉันลากผู้ช่วยชีวิตมาให้เธอแล้ว”
เย้นโม่หลินมาแล้ว หยูซือห้านคิดจะทำชั่วอะไรอีก ก็ไม่กล้าทำอย่างชัดเจนต่อไป
เจตนาเดิมคือดี แต่เย้นหว่านมองไปที่เย้นโม่หลิน กลับรู้สึกหัวโตขึ้นสองรอบ
เย้นโม่หลินเดินก้าวเร็วเข้ามา ขมวดคิ้วดูสถานการณ์ในศาลาหนึ่งรอบ สายตาคมกริบก็ตกลงบนมือของโห้หลีเฉิน
“นายบาดเจ็บ?”
สีหน้าของเย้นหว่านซีดขาว แทบจะสิ้นหวัง
เย้นโม่หลินรู้เข้าแล้ว
แบบนี้ ไม่ไปหาป่ายฉีก็ไม่ได้ แต่ไปหาป่ายฉีแล้ว เกรงว่าจะมีแต่ถนนแห่งความตาย
ในใจเธอยุ่งเหยิง รีบพูดขึ้น “พี่ หยูซือห้านจู่ๆก็หักข้อมือของกู้ซึง! เขาอยู่ในตระกูลเย้นของเรา ยังจงใจรังแกคนแบบนี้!”
ได้ยินคำนี้ สีหน้าของเย้นโม่หลินก็นิ่งไปทันที
สายตาคมกริบมืดมนมองไปที่หยูซือห้าน “เป็นเช่นนั้นจริงไหม?”
ดวงตาของหยูซือห้านมีความใจฝ่อแวบผ่าน จากนั้น ก็พูดด้วยใบหน้ารู้สึกผิด “ฉันกำลังขอโทษคุณชายกู้ แล้วจะชนไวน์กับเขา แต่คิดไม่ถึงว่าจะเกิดอุบัติเหตุเล็กน้อย ชนเขานิดหน่อย ก็ไปหักมือของเขาแล้ว ฉันเองก็ไม่ได้ตั้งใจ ฉันคิดไม่ถึงว่าร่างกายเขาจะอ่อนแอขนาดนี้”
“นายนึกว่ากู้ซึงเป็นผู้หญิงอ่อนแอหรอ โดนนายชนนิดหน่อยแม้แต่มือก็หักแล้ว? นายพูดแบบนี้ ผียังไม่เชื่อ!”
เย้นหว่านโต้เถียงอย่างหัวเสีย ใบหน้าโกรธแค้น
ถัดจากนั้น ก็พูดกับเย้นโม่หลิน “พี่ ฉันไม่อยากเห็นเขาอีกแล้ว พี่ไล่เขาไปที ส่งเขาไปที่ตระกูลกู้เดี๋ยวนี้”
เย้นโม่หลินขมวดคิ้ว เรื่องนี้หยูซือห้านทำไม่ถูกก็จริง แต่ไล่เขาออกจากตระกูลเย้น……
“พี่ ยังไงฉันก็ไม่สน ถ้าพี่ไม่ไล่เขาไป ฉันก็ไม่อยากเห็นพี่แล้ว”
เย้นหว่านโกรธจนพูดหอบ หันหน้า ลากโห้หลีเฉินจะไป
เย้นโม่หลินขมวดคิ้ว จะไล่ตามไป “เสี่ยวหว่าน เธอฟังพี่พูด……”
“พี่อย่าตามมา ฉันไม่อยากเห็นหน้าพี่”
เย้นหว่านพูดอย่างดื้อรั้น ใบหน้าเล็กๆดูโมโหเป็นอย่างมาก แดงก่ำไปทั้งหน้า
ฝีเท้าของเย้นโม่หลินหยุดลง ปวดหัวเสียจริง
“เสี่ยวหว่าน เธอวางใจเถอะ พี่จะจัดการเรื่องนี้ให้เรียบร้อย”
มองท่าทางของเย้นโม่หลิน ในใจของเย้นหว่านก็รู้สึกผิด ทนไม่ได้ อันที่จริงเธอเพียงแค่หาข้ออ้างให้เย้นโม่หลินลำบาก ให้เขาไม่สามารถตามไปหาป่ายฉีได้เท่านั้น
ไม่อย่างนั้น ถูกเย้นโม่หลินตามไป เฝ้าดู แม้แต่เวลาที่จะคิดแผนรับมือระหว่างทางก็ไม่มี
ในใจเย้นหว่านทนไม่ได้ ยังคงกัดฟันไว้ พาโห้หลีเฉินจากไปโดยเร็ว
อาการบาดเจ็บของโห้หลีเฉิน ล่าช้าไม่ได้
เดินไปได้ระยะหนึ่งอย่างรีบร้อน เย้นหว่านก็กำลังคิดว่าจะปรึกษากับโห้หลีเฉินเสียหน่อย ว่าจะทำยังไงดี ในตอนนี้เอง รถชมวิวเคลื่อนที่คันหนึ่งก็ขับมาถึงหน้าพวกเขา หยุดลง
โชเฟอร์พูดอย่างเคารพ “คุณหนู คุณชายให้ผมมาพาพวกคุณไปส่งที่คุณป่ายฉีครับ”
เย้นหว่าน “……”
พึ่งจะส่งเย้นโม่หลินไป โชเฟอร์ก็มาอีก
แบบนี้มันเป็นการโดนกดดันให้ไปหาป่ายฉีมาตลอดทางเลยไม่ใช่หรอ?
เย้นหว่านลังเล สับสน
โห้หลีเฉินมองดูเธอ มืออีกข้างหนึ่งลูบศีรษะเธอเบาๆ
“เธอไม่จำเป็นต้องเป็นแบบนี้ พวกเราไปหาป่ายฉีกัน”
“แต่ว่านาย……”
ถึงตรงหน้าของป่ายฉี ก็ไม่สามารถปิดบังอะไรได้แล้ว
โห้หลีเฉินยิ้ม “ก็ไม่แน่ว่าจะแย่ขนาดนั้น”
ไม่แน่ว่าจะแย่ขนาดนั้น หรือว่าจะมีจุดพลิกผัน?