สัญญารัก คบกับประธานฮั่ว30วัน - บทที่514 ขายพี่ชาย
บทที่514 ขายพี่ชาย
ถึงแม้จะพูดแบบนี้ อนาคตก็ดี แต่เธอมักจะรู้สึกไม่สบายใจ หยูซือห้านจะไม่วางมือง่ายๆ อย่างนี้
สวรรค์รู้ว่าเขาจะทำอะไรอีก จะทำอะไรบ้าๆหรือไม่
สองวันมานี้ เธอยังต้องเครียดและเตรียมพร้อม
“เฮ้อ!”
กู้จื่อเฟยเอนตัวพิงกำแพงและถอนหายใจอย่างเศร้าสลด เธอดูผิดหวังมาก
เย้นหว่านงุนงง “จื่อเฟย เป็นอะไรรึเปล่า?”
“ฉันอิจฉาที่เธอมีแฟนที่หล่อเหลาและสมบูรณ์แบบอย่างโห้หลีเฉิน แต่ฉันล่ะ…”
สายตาของเธอมองไปทางประตูอย่างน่าสังเวช ยิ่งคิดก็ยิ่งสิ้นหวัง “เทพบุตรของฉัน เห็นฉันอยู่ในสภาพน่าสมเพชแบบนี้ ยังรู้อีกว่าฉันท้องเสีย ภาพลักษณ์ของฉันหายหมดแล้ว ต่อไปจะอยู่กับเขายังไง? ”
มุมปากของเย้นหว่านกระตุก
ต่อหน้าเธอ พูดอย่างโจ่งแจ้งว่าจะจีบพี่ชายแท้ๆ ของเธออย่างงี้ แบบนี้มันดีจริงๆ หรอ?
เย้นหว่านรู้สึกว่าต้องเสียสละให้พี่ชายแท้ๆ ของตัวเองหน่อย
แต่คำพูดที่พูดออกมากลับเป็น “ยังไงซะข้างกายพี่ชายฉันก็มีแค่เธอผู้หญิงคนเดียว เธอต้องขัดเกลาตัวเองเยอะๆ หลังจากนี้ใส่ความเป็นผู้หญิงมากๆ สร้างภาพลักษณ์ขึ้นมาใหม่ ก็ยังมีโอกาสอยู่ แล้วสุดท้ายก็ไม่มีใครมาแย่งเธอด้วย ”
ดวงตาของกู้จื่อเฟยเป็นประกาย
ใช่แล้ว สถานการณ์ของเธอนั้นเป็นสถานการณ์พิเศษ ด้วยฐานะเพื่อนรักของเย้นหว่าน จึงสามารถเข้าใกล้เย้นโม่หลินได้อย่างไม่ต้องอาย
ครั้งเดียวไม่ได้ ก็ให้เจอหน้าหลายๆครั้ง ไม่แน่อาจจะได้ก็ได้
เธอมีแรงขึ้นมาทันที รีบวิ่งเข้าไปกอดแขนเย้นหว่านไว้ แล้วพูดเสียงเหมือนเด็กๆว่า
“เสี่ยวหว่าน เพื่อนรักของฉัน เธอต้องช่วยฉันนะ ช่วงก่อนที่ฉันจะกลายเป็นพี่สะใภ้ของเธอ เธอต้องอยู่ข้างๆฉันไว้นะ”
เย้นหว่าน “…” ขายพี่ชายไปแบบนี้ดีจริงๆ หรอ?
ยังไม่ทันถึงมือ ก็มีพี่สะใภ้ซะแล้ว
“บ้านฉัน เธออยากอยู่นานแค่ไหน ก็อยู่นานเท่านั้นได้เลยนะ”
เย้นหว่านยังคงตอบตกลงทันที อย่างไรเสีย ก็เป็นเพื่อนสนิทกัน
กู้จื่อเฟยยิ้มอย่างดีใจ กอดเย้นหว่านแล้วจูบไปทีหนึ่ง
“ที่รัก รักเธอมากนะ”
เย้นหว่านรีบยื่นมือไปเช็ดหน้า “ลิปสติกของเธอเปื้อนหน้าฉันหมดแล้ว!”
“ฉันตั้งใจน่ะ~”
กู้จื่อเฟยยิ้มล้อเลียน แล้วแลบลิ้นใส่เย้นหว่าน
เย้นหว่านทั้งยิ้มทั้งหมั่นไส้ กำลังจะใช้มือที่เปื้อนลิปสติกไปถูหน้าเธอ แต่กู้จื่อเฟยกลับหนีเร็วมาก แปบเดียวก็วิ่งไปอยู่นอกห้องน้ำแล้ว
เธอวิ่งเร็วมาก คิดไม่ถึงว่าที่หน้าประตูจะมีคนยืนอยู่ จึงชนเข้าไปจังๆ
เห็นว่าชนเข้ากับคนชัดๆ แต่ทรวงอกนั้นกลับเหมือนแผ่นคอนกรีตเสริมเหล็กกระแทกจนหนังศีรษะของเธอปวดไปหมด
กู้จื่อเฟยอุทานออกมาด้วยความเจ็บปวด เธอกุมหัวและด่าอย่างโกรธเกรี้ยวว่า “นายหลบทางให้ไม่ได้หรอไง? นาย…”
ยังพูดไม่ทันจบ เธอก็มองอย่างตะลึง ผู้ชายที่ยืนอยู่ตรงหน้า ที่เธอชนเข้าไป ก็คือเทพบุตรของเธอเย้นโม่หลิน
ตอนนี้คิ้วของเขาขมวดเข้ากัน มองเธอด้วยสีหน้าขรึมๆ
น้ำเสียงทุ้มต่ำ “เจ็บมากเลยหรอ”
“ก็… ไม่เจ็บขนาดนั้นหรอก…”
กู้จื่อเฟยกลับคำ แม้แต่เสียงก็อ่อนโยนลง
เย้นหว่านได้ยินเสียงร้องของกู้จื่อเฟยจึงรีบวิ่งออกมา คิดว่ามีบางอย่างเกิดขึ้นกับเธอ แต่พอเดินมาถึงหน้าประตูก็ได้ยินประโยคที่ทำให้สีหน้าเปลี่ยนไปแบบนี้
มุมปากของเธอกระตุก ใบหน้าเธอแดงแทนกู้จื่อเฟย
พออยู่ต่อหน้าผู้ชาย ก็ทำตัวดีๆไม่ได้เลยหรอ?
คิ้วของเย้นโม่หลินขมวดแน่นขึ้น สีหน้าไม่สบอารมณ์ “เธอไม่ต้องจงใจบอกว่าไม่เจ็บเลย สีหน้าเธอซีดมาก ”
หนังศีรษะของกู้จื่อเฟยเจ็บจริงๆ แต่คนที่ชนคือเย้นโม่หลิน ให้ชนจนเจ็บอีกกี่ครั้งก็ยอม
เธอไม่ปล่อยให้เย้นโม่หลินมีความคิดที่ไม่ดีเกี่ยวกับเรื่องนี้ได้
ภาพลักษณ์ของเธอถล่มลงและห่างเหินไปอีกครั้งอย่างช่วยไม่ได้
เธอกลอกตาไปมา มือที่จับอยู่บนหัว อยู่ๆก็เปลี่ยนมาจับที่ท้อง
“ที่จริงแล้ว ฉันไม่สบายจริงๆ แต่เป็นเพราะปวดท้อง เมื่อกี้ฉันอาจจะกินของเสียเข้าไปปวดตลอดเลย”
นั่นเป็นเหตุผลที่ท้องเสียในห้องน้ำนานขนาดนั้นนี่เอง
พูดมา ก็สมเหตุสมผล
เย้นโม่หลินดึงหน้าเรียบ ยื่นมือออกไปโดยแทบจะไม่รู้ตัว ประคองแขนของกู้จื่อเฟยไว้
แขนของเธอบางมาก ในมือของเขาข้างเดียวก็ถือได้หมดแล้ว
ร่างกายที่บอบบางและอ่อนแอเช่นนี้ เหมือนกับเย้นหว่าน ยังไงก็เจ็บ
น้ำเสียงทุ้มต่ำของเขาเต็มไปด้วยความกังวล “เธอทนก่อนนะ เดี๋ยวกลับไปให้ป่ายฉีดูให้”
ป่ายฉีที่นอนอยู่บนเตียงตระกูลเย้น อยู่ๆก็จามออกมา
ใครกัน มานินทาลับหลังอีกแล้ว?
ถ้าเขารู้ เขาที่เป็นหมอเทวดาอันดับหนึ่งของโลก กลับถูกเรียกตัวมารักษาอาการท้องเสียเล็กๆน้อยๆ ไม่แน่อาจจะอยากหาเต้าหู้ก้อนหนึ่งมาชนจนตายคาที่ไปเลย
ดวงตาของกู้จื่อเฟยเป็นประกาย มุมตาเต็มไปด้วยความสุขและความเบิกบานที่ไม่สามารถปกปิดไว้ได้
เย้นโม่หลินเป็นห่วงว่าท้องของเธอปวดหรือเปล่า หรือพูดอีกอย่างคือ เขาอาจจะไม่ได้สนใจเรื่องภาพลักษณ์ของเธอที่พังทลายในห้องน้ำไปแล้วก็ได้
สถานการณ์ของเธอ ดูเหมือนจะไม่เลวร้ายขนาดนั้น
กู้จื่อเฟยรู้สึกมั่นใจอีกครั้งทันที ดวงตาของเธอเป็นประกาย มองเย้นโม่หลินด้วยใบหน้าอ่อนแรงอย่างเขินอาย
“ดึกขนาดนี้แล้ว ไม่ต้องรบกวนคุณป่ายฉีหรอก ฉันทนเอาก็ได้”
ท่าทางนั้น ดูแล้วทั้งใกล้ชิดทั้งน่าสงสาร
ทำให้ใจคนอ่อน หวงแหน
เย้นโม่หลินแทบจะทนไม่ไหว เขารู้สึกว่าที่กู้จื่อเฟยทนอยู่ต้องทรมานมากแน่ๆ
“ไม่เป็นไร เดี๋ยวฉันจะพาเธอกลับไปหาเขา”
พูดไป เย้นโม่หลินก็ประคองกู้จื่อเฟยไว้อย่างมั่นคง ก้าวออกไปข้างนอกอย่างไม่เร็วไม่ช้า
เย้นหว่านยืนอยู่หน้าประตู อดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมา อดไม่ได้ที่จะเห็นอกเห็นใจพี่ชายตัวเอง
ฉลาดขนาดพี่ มองไม่ออกจริงๆเหรอว่ากู้จื่อเฟยแกล้งทำ?
เธอไม่ได้ปวดท้องเลยสักนิด
มันเป็นเรื่องง่ายๆเลยที่เสือร้ายมังกรคะนองจะดื่มเหล้า10โหลได้ก็ไม่มีปัญหา
แต่เธอ สุดท้ายก็ไม่ได้เปิดโปงการแสดงของกู้จื่อเฟย เธอเดินตามหลังพวกเขาไป ไม่รู้ว่าจะหัวเราะหรือร้องไห้ดี เธอมองกู้จื่อเฟยที่เอนตัวพิงอ้อมกอดของเย้นโม่หลินอย่างไร้เรี่ยวแรง
เย้นโม่หลินไม่ค่อยชินกับการอยู่ใกล้ผู้หญิงนัก แต่ก็ไม่ได้รู้สึกไม่พอใจหรือรู้สึกอึดอัดเลย
เขาปลอบตัวเอง เขาเพียงแค่กังวลเกี่ยวกับสุขภาพของเธอและแค่ดูแลผู้ป่วยเท่านั้น
ใช่ แค่นั้นเอง
เมื่อกลับมาถึงบ้านตระกูลเย้น เย้นโม่หลินก็พากู้จื่อเฟยไปหาป่ายฉีเพื่อดูอาการ เย้นหว่านรู้ว่ากู้จื่อเฟยไม่ได้ป่วย ก็ขี้เกียจตามไปเป็นก้างขวางคอ ก็เลยขอไปอธิบายความเป็นมาเรื่องหยูซือห้านกับพ่อแม่ก่อน จึงไปที่ลานหลักเพื่อหากงจืออวีและเย้นเจิ้นจื๋อ
เดิมทีเย้นโม่หลินก็จะไปด้วยกัน เรื่องนี้ให้เขาพูดเหมาะที่สุด แต่เมื่อเขาเห็นท่าทางอ่อนแอของกู้จื่อเฟย เขาก็วางใจไม่ได้
ทำได้เพียงอธิบายให้เย้นหว่านฟังนิดหน่อย ให้เย้นหว่านกลับไปเองก่อน เขาจัดการเสร็จแล้วค่อยมา
เย้นโม่หลินตัดสินใจแล้ว ว่าให้หยูซือห้านออกจากตระกูลเย้นไป หนึ่งในเหตุผลนั้นคือเขาเห็นหยูซือห้านทำพฤติกรรมที่ล้ำเส้นเกินไปที่ห้องน้ำหญิง แล้วก็เพราะว่าความโกรธที่หุนหันพลันแล่นของหยูซือห้านด้วย
อย่างไรเสียตอนนั้นกงจืออวีและเย้นเจิ้นจื๋อก็ไม่อยู่ ด้วยประสบการณ์และความสงบนิ่งที่มากกว่า และการมองสถานการณ์เป็นไปอย่างมั่นคงกว่า น่าจะไม่เห็นด้วยกับการปล่อยให้หยูซือห้านจากไปเช่นนี้
การที่เย้นหว่านสู้ให้ได้มาซึ่งการที่เย้นโม่หลินเห็นด้วยนั้นไม่ใช่ง่ายๆ แต่ก็ไม่อยากมาแพ้ที่พ่อแม่แบบนี้