สัญญารัก คบกับประธานฮั่ว30วัน - บทที่534 รอโอกาสที่จะหนีไป
บทที่534 รอโอกาสที่จะหนีไป
เขายืนอยู่ตรงหน้าเย้นหว่าน สีหน้าเย็นชา ริมฝีปากบางขยับมุบมิบ พูดด้วยภาษาปากว่า
“ทะเลเฟอร์โรลซี”
เย้นหว่านรู้จักทะเลเฟอร์โรลซี มันคือทะเลที่สวยงามมาก เธอเคยอยากจะไป
แต่ว่ามันอยู่ห่างจากบ้านตระกูลเย้นมาก ถ้าดูจากระยะทางที่ขับรถและนั่งเรือมาเมื่อคืนนี้นั้น มันไม่มีทางทันอย่างแน่นอน
หยูซือห้านกำลังพูดว่าทะเลเฟอร์โรลซี ก็เพื่อที่จะโกหกเย้นโม่หลิน
เย้นหว่านเข้าใจ แต่ว่าปากของเธอนั้นก็จำเป็นต้องพูด “อยู่ที่ทะเลเฟอร์โรลซี”
“ที่ที่เธอชอบนี่ เธออยากจะไปตลอดเลย พี่ยังไม่ทันจะได้พาเธอไป ก็ถูกไอ้เจ้ากู้ซึงชิงพาไปก่อนซะแล้ว”
น้ำเสียงของเย้นโม่หลินดูไม่พอใจเป็นอย่างมาก
สำหรับการที่เย้นหว่านไปเที่ยวกับกู้ซึงสองต่อสองนั้น เขาก็รู้สึกเป็นห่วง แต่ว่าสุดท้ายเขาก็อดไม่ได้ที่จะโมโหใส่เย้นหว่าน
เขาทำได้แค่รอให้พวกเขากลับมา สั่งสอนให้กู้ซึงเป็นคนซื่อสัตย์หน่อย
หยูซือห้านยืนอยู่ตรงหน้าเย้นหว่าน สีหน้ามืดมน แล้วก็ใช้ภาษาปากพูดต่อไปว่า
“อย่าพูดเรื่องไร้สาระ วางสายได้แล้ว”
ถึงแม้ว่าจะเป็นการข่มขู่เย้นหว่าน แต่ว่าวิดีโอคอลนั้นมันก็ค่อนข้างจะอันตราย ยิ่งคุยกันยิ่งนานยิ่งเกิดข้อผิดพลาดได้ง่าย
เย้นหว่านถูกจ้องมองด้วยสายตาที่ร้อนแรงแบบนั้น ต่อให้อยากจะเปิดเผยอะไรกับเย้นโม่หลินนั้น ก็ไม่สามารถทำได้
เธอพูดอย่างไม่เต็มใจว่า “พี่ น้องจะลงไปเล่นทะเลแล้ว วางสายก่อนนะ กู้ซึงจะดูแลน้องอย่างดี พี่ไม่ต้องเป็นห่วงหรอก”
“เดี๋ยวก่อน”
กลัวว่าเย้นหว่านจะวางสายไป เย้นโม่หลินก็รีบพูดขึ้นมาทันที
แน่นอนว่าเย้นหว่านก็ไม่ได้เต็มใจที่จะวางสายทันทีอยู่แล้ว มองไปที่เย้นโม่หลินที่อยู่ในหน้าจอด้วยสายตาที่ลุกโชน
เย้นโม่หลินพูด “จะกลับมาเมื่อไหร่? ”
เย้นหว่านลังเลอยู่ครู่หนึ่ง แล้วก็หันไปมองหยูซือห้าน
หยูซือห้านขมวดคิ้ว แล้วก็พูดภาษาปากทันที “อีกสองสามวัน”
เย้นหว่านพูดตาม “อีกสองสามวัน”
เย้นโม่หลินเอาแต่มองเย้นหว่านตลอด และก็สังเกตเห็นสายตาสอบถามของเย้นหว่าน ก็ขมวดคิ้วเข้าหากัน แล้วก็ถามออกมาด้วยความสงสัย
“กู้ซึงอยู่ด้านหลังของเธอเหรอ? ”
แววตาของหยูซือห้านมืดลงทันที
เย้นหว่านกะพริบตา แล้วก็มองไปที่กู้ซึงที่ถูกมัดติดกับเสาในอีกด้านหนึ่ง
เขาอยู่ไกลขนาดนั้น
เธอลังเลอยู่ครู่หนึ่ง พยักหน้าแล้วพูดว่า “อืม เขานั่นแหละ เมื่อกี้เขาบอกใบ้น้อง อยากจะให้น้องอยู่เที่ยวเล่นข้างนอกหลายวันหนึ่ง ไม่ต้องรีบกลับ”
“คิดได้ดีหนิ!”
เย้นโม่หลินด่าออกมาอย่างไม่พอใจทันที แล้วก็พูดด้วยเสียงที่ดังขึ้น “ให้ไม่เกินห้าวัน พวกเธอต้องกลับมา! บอกกู้ซึงด้วย ถ้าเกิดว่าเกินห้าวัน พี่จะถลกหนังมันออกมา”
ณ ที่ไกลๆ นั้น พอได้ยินเสียงดังมาจากวิดีโอคอล กู้ซึงก็ทำเสียง “อื้ออื้อ”อย่างไม่ได้รับความเป็นธรรม
ตอนนี้เขายอมถูกเย้นโม่หลินถลกหนังออกมายังจะดีกว่าอีกเข้าใจไหม?
เย้นหว่านยิ้ม “โอเค น้องจะรีบกลับไปให้เร็วที่สุด”
สีหน้าของเย้นโม่หลินก็ค่อยๆ ดีขึ้นเล็กน้อย “พี่จะบอกพ่อกับแม่ ว่าเธออยู่ข้างนอก ระวังตัวด้วย ถ้าเกิดว่ามีเรื่องอะไรก็ให้รีบติดต่อพี่ทันที”
เย้นหว่านพยักหน้า “โอเค”
หลังจากนั้น ก็ได้วางสายอย่างไม่ค่อยเต็มใจเท่าไหร่
เธอหวังเป็นอย่างมากว่าเย้นโม่หลินจะมองเบาะแสอะไรออกบ้าง แต่ว่าเธออ่านจากสีหน้าของเย้นโม่หลินออก ว่าเขานั้นไม่ได้สงสัยเธอเลยแม้แต่นิดเดียว
ความหวังอันริบหรี่ในใจของเธอนั้น ก็แตกเป็นเสี่ยงๆ
หยูซือห้านหน้ามืดมน แล้วก็แย่งโทรศัพท์ไป
เขาหัวเราะเยาะ “ห้าวันงั้นเหรอ? เธอยังคิดว่าอีกห้าวันจะได้รับการช่วยเหลือ แล้วก็หนีกลับไปได้ยังงั้นเหรอ? ”
เย้นหว่านเม้มปาก “ฉันไม่ได้คิดแบบนั้นหรอก ห้าวัน ก็เพียงพอที่จะให้นายทำอะไรได้ตั้งหลายเรื่อง ไม่ใช่เหรอ? ”
มันก็เป็นอย่างนั้นจริงๆ
แต่ว่ามันก็มีความไม่แน่นอน
แต่ว่าการโทรศัพท์ของเย้นหว่านในครั้งนี้ ทำให้เวลาที่ยืดหยุ่นของเขา กลายเป็นเหลือภายใน 5 วันเท่านั้น
สีหน้าของหยูซือห้านที่ถูกขวางนั้นก็ดูแย่ขึ้นมาทันที
เขาพูดด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา “พาเธอกลับห้องไปซะ แล้วเฝ้าไว้ให้ดี! ”
“ค่ะ คุณชาย”
สาวใช้ทั้งสองคนก้าวขึ้นมาด้านหน้าทันที แล้วก็จับเย้นหว่านไว้ทั้งซ้ายและขวา
เย้นหว่านเบื่อหน่ายกับการกระทำที่หยาบคายของพวกเธอแล้ว เธอพูดอย่างหงุดหงิดว่า “ฉันจะเดินเอง! ”
พอพูดจบ เธอก็เดินไปยังห้องที่เธอพักเมื่อคืนด้วยสีหน้าที่มืดมน
ทางที่เธอเดินนั้น ต้องเดินผ่านกู้ซึงที่ถูกมัดไว้พอดี
เธอจงใจขยับเข้าไปใกล้เขา แล้วก็กระซิบว่า “นายทนอีกหน่อย ฉันจะคิดหาวิธีมาช่วยนาย”
ตอนนี้ไม่สามารถพึ่งเย้นโม่หลินได้แล้ว เธอทำได้แค่คิดหาวิธีช่วยเหลือตัวเอง
ก่อนที่จะถูกขุดคลุมฝัง ก็ห้ามยอมแพ้ง่ายๆ
“อื้อๆ ”
กู้ซึงทำเสียงอ้ำๆ อึ้งๆ ก็ฟังไม่ค่อยเข้าใจเหมือนกันว่าเขาพูดว่าอะไรกันแน่
สาวใช้ด้านหลังเร่งอย่างไม่พอใจว่า “รีบเดิน”
เย้นหว่านมองกู้ซึง ทำได้แค่เดินไปข้างหน้าต่อ
กู้ซึงมองดูเย้นหว่านเดินจากไปอย่างใจร้อน ในใจเขารู้สึกเศร้า เขากลัวว่าจะต้องถูกตากจนกลายเป็นปลาเต็มอยู่ที่นี่
กลัวมาก
พอกลับมาถึงห้อง หลังจากที่เย้นหว่านเห็นสาวรับใช้ออกไปแล้วนั้น ก็พยายามสังเกตประเมินห้องอย่างละเอียดทันที
เธอไม่สามารถนั่งรอความตายได้อีกต่อไปแล้ว
ตอนนี้อย่างน้อยก็ต้องไปช่วยกู้ซึงก่อน แล้วก็หาโอกาสหนีไปพร้อมกับเขา
ไม่ยังงั้นถ้าถึงตอนกลางคืนเมื่อไหร่ โห้หลีเฉินไปที่บ้านตระกูลเย้น ก็จะไม่มีโอกาสอีกแล้ว
เย้นหว่านเดินวนไปวนมาตั้งหลายรอบ สำรวจอยู่นาน สุดท้ายก็พบว่า ด้านนอกหน้าต่างห้องของเธอนั้น มีบอดี้การ์ดออกลาดตระเวนเป็นประจำ
ถ้าเกิดว่าเธอเดินออกไปยังช่องว่างของพวกเขานั้น พวกเขาจับไม่ได้แน่นอน
และตอนที่มาถึงพลบค่ำนั้น อากาศก็เย็นลง บนดาดฟ้าก็ไม่มีใครอยู่แล้ว
มีเพียงแค่กู้ซึงคนเดียวที่ถูกมัดตัวสั่นอยู่กับเสา
เย้นหว่านมองอยู่ไกลๆ ก็รู้สึกว่าเขาน่าสงสารมาก
แต่ว่านี่กลับเป็นโอกาสที่ดี ให้เธอได้แอบออกไปช่วยกู้ซึง
เย้นหว่านเคลื่อนไหวเพียงเล็กน้อย ระมัดระวังเป็นพิเศษ เปิดหน้าต่างออกมาเงียบๆ หลบบอดี้การ์ด แล้วก็วิ่งขึ้นไปที่ดาดฟ้า
“อื้อๆ ”
กู้ซึงมองเย้นหว่านอย่างประหลาดใจมาก แล้วก็รีบร้องอื้อๆ ออกมาทันที
เย้นหว่านรีบดึงของที่ยัดอยู่ในปากของเขาออกอย่างรวดเร็ว “ฉันมาช่วยนายแล้ว พวกเราหนีไปด้วยกันเถอะ”
กู้ซึงส่ายหน้า “ฉันหิวน้ำจะตายอยู่แล้ว เธอเอาน้ำให้ฉันดื่มหน่อย”
เขาถูกมัดอยู่ที่นี่ทั้งวันแล้ว ถูกทั้งแดดและลม แม้แต่น้ำอึกเดียวก็ไม่ได้ดื่มเลย เกือบจะหมดลมหายใจอยู่แล้ว
“ฉันไม่ได้เอาน้ำมาด้วย เดี๋ยวฉันจะแก้เชือกให้ก่อน”
เย้นหว่านรีบอ้อมไปด้านหลังกู้ซึงทันที เพื่อที่จะไปแกะเชือกให้กับเธอ
แต่ว่าพยายามแกะไปนิดหนึ่ง เธอก็ต้องประหลาดใจที่ได้พบว่า เธอไม่รู้วิธีแก้เชือกแบบนี้ ยิ่งแก้ยิ่งแน่น ผ่านไปครู่เดียว กู้ซึงก็ต้องเจ็บปวดเพราะว่าถูกบีบรัด
“เธอไม่ต้องแกะแล้ว เชือกนี้มันเป็นพิษ กระดูกฉันจะหักแล้ว”
เย้นหว่านรีบหยุดการกระทำของตัวเองทันที มองดูเชือกที่มัดอยู่บนร่างกายของกู้ซึง เธอรู้สึกไม่เข้าใจเป็นอย่างมาก
“เชือกนี้ผูกได้แปลกประหลาดมาก ฉันแก้ไม่ได้”
บอกตามตรง ว่าเธอไม่เคยเจอวิธีการมัดที่แปลกประหลาดขนาดนี้มาก่อน แก้ไม่ได้ และยิ่งแก้ก็ยิ่งแน่น
ถือว่าเป็นศิลปะอย่างหนึ่งเลย
กู้ซึงทำเสียงไม่พอใจ “หยูซือห้านจงใจจะทรมานฉัน เธอไม่ต้องแกะแล้ว ไปหามีดมาเล่มหนึ่ง แล้วก็ตัดมันซะ”
“ได้ นายรอก่อนนะ”
เย้นหว่านรีบพยักหน้า แล้วก็จะเดินออกไปทันที
กู้ซึงก็รีบเรียกเธอไว้ “ถ้าเกิดว่าหามีดไม่ได้ก็ยังไม่สำคัญหรอก แต่ยังไงเธอต้องจำไว้ว่าต้องเอาน้ำมาให้ฉัน ฉันจะกลายเป็นปลาเค็มอยู่แล้ว”
พอเห็นว่ากู้ซึงยังมีเรี่ยวแรงมาพูดจาล้อเล่นในเวลาแบบนี้ เย้นหว่านก็รู้สึกทำอะไรไม่ถูก
เธอก็ไม่ได้ล่าช้า รีบเดินกลับไปเงียบๆ ตามมุมของเรือทันใดนั้นยอทช์ กลับไปหามีดและน้ำที่ห้อง
เธอพึ่งจะเดินไป ไม่นาน บนทางเดินอื่นของเรือยอร์ชนั้น ก็มีชายร่างสูงสองคนปรากฏตัวขึ้น