สัญญารัก คบกับประธานฮั่ว30วัน - บทที่546 เสื้อคลุมไหล่
บทที่546 เสื้อคลุมไหล่
“พวกนายกล้าสั่งฉัน?”
ทันใดนั้น เสียงของเย้นโม่หลินเยือกเย็นลงมาทันที ทำให้รอบๆหนาวเย็นไปหมด
สายตาเยือกเย็นของเขามองไปที่บอดี้การ์ดทั้งหลาย เหมือนมีดแหลมคมที่ถูกแช่แข็งอยู่ในฤดูหนาว ทั้งเฉียบคมและหนาวเข้ากระดูก
จู่ๆเขาลุกขึ้นมา รูปร่างที่สูงใหญ่ข่มเหงไปที่พวกเขาเหมือนเทพพิฆาต “ช่วงนี้ฉันอ่อนโยนเกินไปใช่มั้ย แต่ละคนถึงได้กล้าอกตัญญูฉัน หลอกฉัน? !”
บอดี้การ์ดทั้งหลายตัวสั่น
พวกเขาแค่แนะนำด้วยน้ำเสียงที่แรงไปหน่อยเอง ถึงขั้นต้องดุพวกเขาขนาดนี้เลยเหรอ?
“คุณชายเย้นครับ พวกผม……”
พวกเขาอยากอธิบาย แต่เย้นโม่หลินกลับไม่ให้โอกาสพวกเขาได้อธิบาย
จู่ๆเขาลงมือโจมตีไปที่บอดี้การ์ดทั้งหลาย ท่าทางทั้งไวและโหด
พวกเขาเป็นบอดี้การ์ดที่ผ่านสงครามมาเป็นร้อยศึก ปฏิกิริยาก็ว่องไวมาก ทันใดนั้นได้ป้องกันตัว ต่อต้านและชกต่อยกันอยู่ในเฮลิคอปเตอร์ที่คับแคบ
กู้จื่อเฟยมองเหตุการณ์นี้ด้วยสีหน้าช็อก
ทำไมจู่ๆถึงชกต่อยกันขึ้นมา?
อีกอย่าง คำพูดที่เย้นโม่หลินพูดเมื่อครู่ บอกว่าโกหกนี่กำลังด่าเธอชัดๆ
เธอโกหกเขา
ตอนนี้เขาชกต่อยกับบอดี้การ์ดพวกนี้ แต่ละหมัดทั้งหนักและโหด ที่มากกว่าคือเหมือนกำลังใช้บอดี้การ์ดพวกนี้เป็นที่ระบายความโกรธ
ดูจากกำลังของเขาแล้ว ก็สามารถรู้ได้ว่าเขาโกรธเรื่องนี้มากแค่ไหน
เหมือนเธอจะขัดใจเย้นโม่หลินเข้าอย่างสิ้นเชิงแล้ว
หัวใจราวกับมีหมอกควันสีดำปกคลุมไว้ชั้นหนึ่ง ทรมานอย่างหนัก
ผ่านไปสักพัก ในที่สุดความเคลื่อนไหวในเฮลิคอปเตอร์ก็สงบลงมา
เย้นโม่หลินจัดเสื้อผ้าที่ยุ่งเหยิง แล้วกลับมานั่งด้วยสีหน้าเย็นชา
ส่วนบอดี้การ์ดพวกนั้น หมอบระเนระนาดอยู่บนพื้น แม้แต่แรงจะลุกขึ้นก็ยังไม่มี
หัวหน้าบอดี้การ์ดที่ยังมีเรี่ยวแรงอยู่เสี้ยวหนึ่ง ถามด้วยความงงงวย “คุณชายเย้นครับ ทำไมต้องซ้อมพวกผมด้วย? ………คุณชายเย้นไม่คิดจะไปตระกูลหยูเลยด้วยซ้ำ?”
พบว่าเฮลิคอปเตอร์ไม่ได้บินไปยังเมืองเฟย เย้นโม่หลินก็ลงมือซ้อมพวกเขาจนน่วมอย่างไม่ลังเลเลยสักนิด
เห็นได้ชัดว่านี่มันฆ่าปิดปากชัดๆ
เย้นโม่หลินสีหน้าท่าทางเย็นชา มองนอกหน้าต่างด้วยสีหน้าเย็นชา ไม่คิดจะตอบคำถามพวกเขาเลยด้วยซ้ำ
และในขณะนี้ เสียง“คลิก”ใสๆดังขึ้น
หัวหน้าบอดี้การ์ดได้ยินแล้วหันไปมอง ก็เห็นกุญแจมือที่เดิมทีล็อกโห้หลีเฉินไว้ ถึงกับถูกเขาปลดล็อกออกมาอย่างง่ายดาย
นิ้วมือเรียวยาวของเขาถือกุญแจมือไว้ จากนั้นได้โยนไปที่ข้างๆ
ท่าทางเป็นธรรมชาติจนราวกับนี่เป็นเรื่องที่ปกติมาก
บอดี้การ์ดต่างก็มองอย่างตกตะลึงจนตาค้าง ทีนี้ถึงรู้ภายหลังว่าพวกเขาอาจจะถูกวางอุบายแล้ว
ตั้งแต่ต้นจบโห้หลีเฉินก็ไม่เคยมองบอดี้การ์ดพวกนี้เลย หน้าบึ้งและยื่นฝ่ามือออกมาพร้อมพูดว่า “เอาแผนที่มาให้ฉัน”
บอดี้การ์ดที่อยู่ข้างกายเย้นโม่หลินได้ยื่นแท็บเล็ตในมือให้โห้หลีเฉิน
โห้หลีเฉินรับแท็บเล็ตมา นิ้วมือจิ้มอยู่ด้านบน จากนั้นได้สไลด์ดูอย่างละเอียด
บอดี้การ์ดทั้งหลายเห็นภาพนี้แล้ว ในใจรู้สึกสิ้นหวังสุดๆ
พวกเขาถูกวางอุบายจริงๆซะด้วย!
กู้จื่อเฟยมองโห้หลีเฉินอย่างตะลึงงัน จากนั้นได้หันไปมองเย้นโม่หลินด้วยสีหน้ามึนตึ๊บ นี่มันอะไรกัน?
เย้นโม่หลินจะทำอะไรมิดีมิร้ายโห้หลีเฉินไม่ใช่เหรอ? ทำไมเท่าที่ดูตอนนี้ สองคนนี้เหมือนได้ปรึกษาแผนการไว้ตั้งแต่แรกแล้ว ทั้งสองคนรวมหัวด้วยกันชัดๆ!
เธอถามด้วยความสงสัย “พวกคุณ นี่มันอะไรกันคะ?”
โห้หลีเฉินดูแผนที่ในมือด้วยแววตาลุ่มลึก และตอบแบบลวกๆ “วางใจเถอะ คุณชายเย้นไม่ได้จะจัดการผม ตอนนี้พวกเรากำลังจะถึงสถานที่ที่หนึ่งที่ค่อนข้างอันตราย คุณอย่างวิ่งไปมั่ว คอยอยู่ข้างกายคุณชายเย้นทุกวินาทีก็พอ”
คอยอยู่ข้างกายเย้นโม่หลิน?
แววตาของกู้จื่อเฟยระยิบระยับเล็กน้อย มองไปที่เย้นโม่หลินด้วยสายตาซับซ้อน
เย้นโม่หลินขมวดคิ้วเล็กน้อย แววตามีความไม่สบอารมณ์แว็บผ่าน เม้มริมฝีปากบางไว้แต่กลับไม่ได้พูดอะไร แค่หน้ามองนอกหน้าต่างต่ออย่างหน้าบูดบึ้ง
หลังจากจบเรื่องนี้ เขาจะส่งกู้จื่อเฟยกลับทันที จะไม่ให้เธอมาตระกูลเย้นและพาเย้นหว่านเสียคนอีก
ครั้งนี้ ก็ถือว่าปกป้องเธอเป็นครั้งสุดท้ายก็แล้วกัน
ครั้งสุดท้าย
ตัวหนังสือพวกนี้มีความหมายที่ค่อนข้างเร่งรีบที่จะสลัดทิ้ง แต่แปลก แต่เขากลับไม่รู้สึกโล่งอกเลยสักนิด
……….
เย้นหว่านถูกหยูซือห้าน บังคับพาไปที่ลานด้านหลังของโบสถ์
ที่นั่น เตรียมชุดแต่งงานทั้งหมดไว้ตั้งนานแล้ว รวมทั้งชุดแต่งงานที่สั่งตัดเพื่อเธอ เมื่อก่อนเย้นหว่านปรารถนาชุดแต่งงานสีขาวบริสุทธิ์มาก เคยจินตนาการหน้าตาตอนที่เธอใส่ชุดแต่งงานนับครั้งไม่ถ้วน แต่ไม่เคยคิดมาก่อนว่าจะคือสถานการณ์อย่างวันนี้เวลานี้
เย้นหว่านมองตัวเองที่ใส่ชุดเจ้าสาว และแต่งหน้าแต่งตาในกระจก รู้สึกรังเกียจและลุกลี้ลุกลนสุดๆ
เธอจะถูกบีบบังคับให้แต่งงานกับหยูซือห้านจริงๆเหรอ? ให้เขาได้สมปรารถนากับตำแหน่งอำนาจของเขา เธอกับโห้หลีเฉินไม่มีทางเป็นไปได้อีกแล้ว โห้หลีเฉินเองก็ถูกลากเข้าไปในนรก ดิ้นรนอย่างยากที่จะพลิกฟื้น
เธอจะนั่งรอความตายไม่ได้ ต้องคิดหาวิธีหลุดพ้นจากความลำบากให้ได้
“เสี่ยวหว่าน คุณตายใจเถอะ ผมได้ทำการคุ้มกันอย่างแน่นหนาทั่วโบสถ์แล้ว ถึงคุณติดปีกก็บินออกไปไม่ได้หรอก”
“ยังมีอีก ตั้งแต่ตอนนี้เป็นต้นไป ผมจะอยู่กับคุณทุกวินาที จนกว่าพิธีปฏิญาณจะจบ มีผมอยู่ข้างกายถึงคุณอยากทำร้ายตัวเองก็ทำไม่ได้หรอก”
หยูซือห้านสวมใส่ชุดเจ้าบ่าว ยืนอยู่ที่ด้านหลังของเย้นหว่าน มือทั้งสองกดไหล่เธอไว้
เขามองเธอจากในกระจก สายตาอ่อนโยนดั่งน้ำ ราวกับคิดถึงอาลัยอาวรณ์ความรักที่ลึกซึ้ง แต่กลับแทงใจทุกคำพูด
เขาปิดทางหนีทีไล่ของเธอหมด
เขากำเธอไว้ในมือ ทำให้เธอไม่มีโอกาสแม้แต่จะต่อต้าน
เย้นหว่านสีหน้าซีดเซียว ร่างกายแข็งทื่อเหมือนท่อนไม้ท่อนหนึ่ง
หยูซือห้านมองเธออย่างพึงพอใจ ฝ่ามือจับที่ไหล่ของเธอ และพูดอย่างค่อนข้างไม่พอใจ “คุณใส่เสื้อผ้าน้อยชิ้นเกินไปแล้ว แบบนี้จะหนาวได้ เอาเสื้อคลุมไหล่มา”
“คุณชาย เสื้อคลุมไหล่ค่ะ”
แม่บ้านหญิงได้ก้าวมาด้านหน้าทันที เอาเสื้อคลุมไหล่สีขาวที่เตรียมเอาไว้ยื่นมาให้
หยูซือห้านรับเสื้อคลุมไหล่มาเองกับมือ ท่าทางสง่าและสุภาพบุรุษมาก กำลังจะคลุมไปที่ไหล่ของเย้นหว่าน
เย้นหว่านรังเกียจจนขมวดคิ้ว ของที่เขาเคยแตะต้อง เธอรู้สึกสกปรกทุกอย่าง
อีกอย่าง ที่นี่อากาศร้อนระอุมาก ไม่ต้องการคลุมเสื้อคลุมไหล่เลยด้วยซ้ำ
“ไม่ต้องค่ะ”
เธอยื่นมือจะผลักผ้าคลุมออก
หยูซือห้านกลับหลบมือเธอทันอย่างว่องไว จากนั้น ได้คลุมเสื้อคลุมไหล่ให้เย้นหว่านด้วยการบังคับ
เสียงของเขาอ่อนโยน ท่าทีกลับไม่อาจปฏิเสธ “เสี่ยวหว่าน อย่าขัดขืนคำพูดของผม”
คือน้ำเสียงข่มขู่
เย้นหว่านยิ่งรู้สึกรังเกียจเข้าไปใหญ่ ตอนนี้เธอหนีไม่ได้ ถูกบังคับให้แต่งงาน แม้แต่สิทธิ์จะใส่หรือไม่ใส่เสื้อคลุมไหล่ก็ไม่มีแล้วใช่มั้ย?
เธอหงุดหงิด ยื่นมือจะดึงเสื้อคลุมไหล่ทิ้ง
พอดึงปุ๊บถึงกับตะลึงงันพบว่าเสื้อคลุมไหล่นี้ถูกหยูซือห้านใช้เชือกมัดเอาไว้จนดึงไม่ออก
ส่วนวิธีผูกเชือกของเขา เหมือนวิธีที่มัดกู้ซึงบนเรือยอร์ชแทบจะทุกอย่าง วิธีผูกแบบนี้เธอแกะไม่ออก แถมมีแต่จะยิ่งดึงยิ่งแน่น
เย้นหว่านกลัดกลุ้มสุดๆ “แค่เสื้อคลุมตัวเดียว คุณถึงขั้นต้องทำแบบนี้เลยเหรอ? !”
หยูซือห้านมองเสื้อคลุมไหล่สีขาวนี้ด้วยสายตาลุ่มลึก มุมปากประดับด้วยรอยยิ้มที่ทำให้คนขนลุกซู่
“เสี่ยวหว่าน เสื้อคลุมไหล่นี้จะกรีดสุ่มสี่สุ่มห้าไม่ได้นะ ถ้าไม่อย่างงั้น ผมจะอดลงโทษคุณไม่ได้นะ”
เย้นหว่านยกมุมปากขึ้น เธอเคยคิดจริงๆว่าเดี๋ยวจะไปหามีดมากรีดเสื้อคลุมไหล่นี้ทิ้ง
มือทั้งสองข้างของหยูซือห้านจับที่ไหล่ของเย้นหว่านอีกครั้ง มองเธอตั้งแต่หัวจรดเท้าอย่างพึงพอใจมากๆ
สุดท้ายสายตาหล่นอยู่ที่เสื้อคลุมไหล่สีขาวบนตัวเธอ รอยยิ้มตรงมุมปากเขายิ่งลึกซึ้งขึ้น “เอาล่ะ เจ้าสาวแสนสวยของผม เราต้องไปทำพิธีปฏิญาณแล้ว”
ทันใดนั้น หัวใจของเย้นหว่านเหมือนตกลงไปในก้นหุบเขา
ถึงเวลาแล้ว
เธอหันไปมองประตูของห้องเปิดออก ด้านนอกปูพรมแดงไว้ ดอกไม้สดทั่วทุกระแหง สวยสดงดงามแต่กลับเหมือนทางตันของเธอ