สัญญารัก คบกับประธานฮั่ว30วัน - บทที่564 มือลื่นก็อย่าโทษฉัน
บทที่564 มือลื่นก็อย่าโทษฉัน
เย้นหว่านขมวดคิ้วมองไปรอบ ๆ ก็เห็นรถBMWจอดอยู่ในตำแหน่งที่ไม่สะดุดตา
เธอพูด “ฉันจะขับรถคันนั้น เอากุญแจไปเสียบไว้ จากนั้นพวกคุณทั้งหมดก็ถอยไปซะ!”
สาวใช้โมโห “เย้นหว่าน เธอจะมากเกินไปแล้ว!”
ไม่เห็นหยูซือห้าน แล้วพวกเธอจะมั่นใจได้ยังไง?
เย้นหว่านขมวดคิ้วอย่างไม่สบอารมณ์แล้วตะคอก “ให้เวลาหนึ่งนาที จัดการให้เรียบร้อย ไม่อย่างนั้น ฉันจะแทงเขาให้ตาย”
พูดไป เย้นหว่านก็ขู่จะเอากรรไกรแทงคอหยูซือห้านอีกครั้ง
เหล่าสาวใช้เห็นก็ตื่นตระหนก พูดอย่าร้อนรน “อย่าขยับนะ เราจะไปเดี๋ยวนี้!”
พวกหล่อนไม่กล้าพูดไร้สาระอีก แล้วรีบให้คนเอากุญแจไปเสียบที่รถแล้วสตาร์ทให้ทันที จากนั้นก็จากไปอย่างว่องไว
ไม่นาน ที่ประตูบานใหญ่ นอกจากเย้นหว่านและหยูซือห้านแล้ว ก็ไม่มีใครอื่นอีก
หยูซือห้านยิ้มเย็น “เสี่ยวหว่าน เธอฉลาดกว่าที่ฉันคิดไว้ซะอีกนะ”
เป็นแค่ลูกสาวที่เกิดมาในครอบครัวปกติธรรมดา ไม่นึกว่าจะมีความกล้าขนาดนี้
เมื่อคนคนหนึ่งถูกบังคับให้ตกอยู่ในสถานการณ์ที่สิ้นหวัง จะอ่อนแอต่อไปรึไง?
เย้นหว่านเม้มปาก ไม่ได้ใส่ใจหยูซือห้าน แต่เข็นเขาแล้วเดินไปถึงด้านข้างของรถ
บางทีคงเพราะตอนหยูซือห้านพิการแล้ว รถที่จอดอยู่ ก็ออกแบบมาเพื่อเขาเช่นกัน จึงมีอุปกรณ์สำหรับเลื่อนขึ้นรถด้วย
เย้นหว่านเข็นหยูซือห้านขึ้นรถไป แต่มือกลับยังไม่ออกห่างจากลำคอของเขา
จากนั้น เธอก็พูดกับเขา “เท้าอีกข้างของนาย ยังพอมีแรงยันอยู่ ยืนขึ้นสักหน่อยได้มั้ย?”
สีหน้าของหยูซือห้านเปลี่ยนไป ราวกับรำคาญมาก
“เธอยังคิดจะให้ฉันนั่งบนที่นั่งข้างคนขับอีกเหรอ?”
ตอนนี้เขาอยู่บนรถเข็น ให้ดีที่สุดคืออย่าเคลื่อนย้ายอย่างง่าย ๆ
แต่ถ้าเป็นอย่างนั้นเขาก็จะอยู่ในตำแหน่งข้างหลังของเย้นหว่าน กรรไกรของเธอก็จะห่างออกจากคอของเขา
เย้นหว่านพยักหน้าอย่างไม่ใยดี พูด “ก่อนจะได้ไปจากที่นี่ ฉันจะไม่เอากรรไกรออกจากคอของนายเด็ดขาด ตัดใจซะเถอะ”
เธอยังกลัวจะถูกยิงหัวอยู่
หยูซือห้านหรี่ตา เย้นหว่านรอบคอบกว่าที่คิดไว้มาก
เขาจำใจพูด “ฉันยืนขึ้นเองไม่ได้ เธอต้องพยุงฉัน”
“ได้”
เย้นหว่านไม่ลังเลแม้แต่น้อย มือข้างหนึ่งกดคอของเขา ส่วนมืออีกข้างก็พยุงหยูซือห้าน
หยูซือห้านมุมปากกระตุก “เธอพยุงฉันมันทำให้สั่นได้ง่าย ยังต้องเอากรรไกรมากดที่คออีกเหรอ? ถ้าไม่ระวังแล้วเธอแทงฉันตายจะทำยังไง?”
เย้นหว่านกลับยังคงถือกรรไกรแนบคอเขาอย่างไม่ขยับเขยื้อน
พูด “งั้นนายก็ระวังตัวเองหน่อย ยังไงซะ ถ้ามือลื่นคนที่ตายก็ไม่ใช่ฉัน”
หยูซือห้าน “…..”
เขาเสียใจขึ้นมาจริง ๆ ที่เอาเย้นหว่านมาขังไว้ แทนที่จะฆ่าเธอไปเสีย
ชีวิตอยู่ในมือของคนอื่น ยังไงหยูซือห้านก็หมดหนทาง
เขาพูดด้วยสีหน้าหม่นมืด “เธอก็ระวังหน่อย”
พูดดังนั้น เขาถึงใช้ขาข้างหนึ่ง อดทนต่อความเจ็บปวดรุนแรงแล้วลุกขึ้นมาช้า ๆ อย่างยากลำบาก
เย้นหว่านพยุงหยูซือห้าน รู้สึกได้ถึงการสั่นของกล้ามเนื้อและกระดูกของเขาอย่างชัดเจน
คงจะเจ็บมากสินะ
เมื่อเทียบกับบาปที่เขากระทำ เมื่อเทียบกับวิธีการที่เลวทรามของเขา ความเจ็บปวดเหล่านี้ ก็เป็นโทษทัณฑ์ที่สมควรแล้ว
เย้นหว่านไม่ใจอ่อนแม้แต่น้อย เธอออกแรงพยุงเขาก้าวไปข้างหน้าอย่างช้า ๆ ในขณะเดียวกัน ก็ถือกรรไกรไม่ออกห่างจากรูบนคอของหยูซือห้านเลยแม้แต่นิดเดียว
เขากลัวว่าเย้นหว่านจะไม่ระวังแล้วฆ่าเขาตาย ในใจไม่เต็มใจ แต่ก็ยังคงให้ความร่วมมือกับเย้นหว่านเป็นอย่างดี แล้วย้ายไปนั่งตำแหน่งข้างคนขับอย่างรวดเร็ว
เพิ่งจะนั่งลง หยูซือห้านก็หายใจอย่างหนัก
สวรรค์รู้ดี ระยะห่างไปเพียงหนึ่งก้าวนี้ กลับเกือบจะคร่าชีวิตเขาไปแล้ว
ทั่วร่างของเขามีบาดแผลอยู่ทุกที่ เคลื่อนไหวเพียงเล็กน้อยก็ฉีกออกได้ นับประสาอะไร กับการยืนขึ้นด้วยขาที่แทบจะใช้การไม่ได้ แบกรับแรงจากทั้งร่าง มันเจ็บปวดราวกับจะฉีกกระชากหัวใจ
เย้นหว่านมองไปท่าทางของหยูซือห้านที่แทบจะเหนื่อยตาย ไม่รู้สึกเห็นใจแม้แต่น้อย
เธอยังคงเอื้อมมือข้างหนึ่งกดคอของเขาไว้ ส่วนมืออีกข้างจับพวงมาลัย แล้วรีบขับมุ่งไปยังถนนใหญ่ทันทีอย่างไม่ลังเล
ประสิทธิภาพของรถดีมาก ไม่นานก็ขับออกมาได้หลายสิบเมตร
เย้นหว่านมองผ่านกระจกมองหลัง ในขณะเดียวกันก็มีรถหลายคันที่ตามออกมาเป็นพรวน
ไม่ใกล้ไม่ไกล แยกห่างกันเพียงระยะทางไม่กี่สิบเมตร
แต่เห็นได้ชัดว่ากัดเธอไม่ปล่อยเลย
เย้นหว่านหันหัวไปพูดกับหยูซือห้าน “ให้ลูกน้องพวกนั้นของนายอย่าตามมาอีก ไม่งั้นถ้าฉันรีบขับ แล้วรีบเหยียบเบรกมือมันจะสั่นได้ง่าย ๆ”
พอมือสั่น คนที่จะจบก็คือหยูซือห้าน
เย้นหว่านหยุดเล็กน้อยแล้วพูดกลั้วหัวเราะ “จะว่าไป ยังไงฉันก็ออกมาแล้ว จะพลั้งมือฆ่านายไป ฉันก็ยังขับได้เร็วขึ้น แล้วก็มีโอกาสหนีไปได้”
ขอแค่ออกจากสถานที่ของหยูซือห้านมาได้ โอกาสหนีของเธอก็เพิ่มขึ้นมากแล้ว
สีหน้าของหยูซือห้านย่ำแย่อย่างมาก
เดิมนั้นคิดจะบอกว่า เขาไม่มีวิธีจะติดต่อคนพวกนั้นได้ แต่คำพูดของเย้นหว่าน กลับปิดกั้นคำพูดของเขาไปแล้ว
ถ้าเขาปล่อยมือไม่สนใจจริง ๆ เย้นหว่านอาจพลั้งมือฆ่าเขาไปจริง ๆ ก็ได้
สุดท้ายเขาก็ได้ไม่คุ้มเสีย
หยูซือห้านสีหน้าหม่นมืด เอื้อมมือที่พันด้วยผ้าก๊อซออกไป ค่อย ๆ กดปุ่มที่อยู่บนรถ
จากนั้นจึงออกคำสั่งด้วยเสียงทุ้มต่ำ “ไม่ต้องไล่ตามมาแล้ว”
ทันใดนั้นภายในห้องโดยสารก็มีน้ำเสียงวิตกกังวลของหญิงสาวดังขึ้น
“แต่ว่าคุณชายคะ คุณอยู่ตัวคนเดียวพวกเราไม่วางใจ”
เดิมที นี่ก็คืออุปกรณ์สื่อสาร
เย้นหว่านหรี่ตา แล้วพูดขึ้น “ฉันปลอดภัยเมื่อไหร่ ก็จะปล่อยเขาไป ถึงยังไงฉันก็ยังไม่อยากฆ่าเขาให้เปื้อนมือตัวเอง แล้วฝันร้ายในทุก ๆ วันหลังจากนี้”
หญิงสาวไม่พอใจ “ฉันจะเอาอะไรมาเชื่อคำพูดของเธอ….”
“ไม่เชื่อ ก็รอเก็บศพหยูซือห้านเถอะ!”
เย้นหว่านเอ่ยขัดคำพูดของหญิงสาวอย่างเย็นชา
ทันใดนั้นเธอก็เหยียบคันเร่ง คันทะยานไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว
ด้วยแรงเฉื่อยของทั้งสองคน ร่างกายจึงเอนไปด้านหลัง และกรรไกรในมือของเย้นหว่านเอนตามไปข้างหลังด้วยเช่นกัน ในจังหวะนั้นเองก็ทำให้รูที่คอของหยูซือห้านใหญ่ขึ้นเล็กน้อย
หยูซือห้านหน้าถอดสี เขาเกร็งร่างกายอย่างรวดเร็ว ขยับไปตามกรรไกรของเย้นหว่าน
เขาหลบกรรไกรของเธออย่างหวาดเสียวว่าจะเจาะคอของเขาเข้าไปอีกสักนิด
เหงื่อเย็นผุดขึ้นที่หน้าผากของหยูซือห้าน จังหวะเมื่อครู่นี้ ถ้าหากเขาตอบสนองช้าไปอีกนิด ตอนนี้เขาคงไปเฝ้ายมบาลแล้ว
เย้นหว่านไม่ได้คิดจะรักษาชีวิตของเขาไว้อย่างดีจริง ๆ
แววตาหม่นของหยูซือห้านมองเย้นหว่าน ในขณะเดียวกันก็ออกคำสั่งกับเครื่องสื่อสาร
“ฉันจะพูดอีกครั้ง ไม่ต้องตามมา!”
ในเสียงแหบแห้งนั้นแฝงจิตสังหารเย็นเยือก
น้ำเสียงของสาวใช้สั่นเครือ รีบตอบกลับ “ค่ะ ค่ะ”
เมื่อสิ้นเสียงลง รถที่ตามอยู่ข้างหลังรถของเย้นหว่านก็หยุดลงทั้งหมด
เธอมุ่งต่อไปข้างหน้า ไม่ถึงนาที ก็ทิ้งห่างจากพวกเขาไปไกลลิบ
เมื่อไม่มีแมลงวันคอยตาม เย้นหว่านก็ค่อย ๆ โล่งอก
หลังจากขับไปได้สักพัก จนออกห่างจากที่ตั้งของหยูซือห้านมาไกลมากแล้ว เมื่อมาถึงที่ที่อยู่ใกล้กับตัวเมือง เธอถึงได้ถอนกรรไกรที่กดคอของหยูซือห้านลง