สัญญารัก คบกับประธานฮั่ว30วัน - บทที่602 รักข้างเดียว
พริบตาเดียวเวลาก็ผ่านไปแล้ว
ช่วงบ่ายของวันที่สาม
เย้นหว่านนั่งหากู้จื่อเฟยอยู่ในห้องอ่านหนังสือกับโห้หลีเฉินเหมือนที่ผ่านมา เขานั่งควบคุมคอมพิวเตอร์ ส่วนเธอก็คอยป้อนผลไม้และของหวานให้เขาเป็นพักๆ และวาดภาพออกแบบอยู่ข้างๆด้วย
แต่อาจจะเพราะกู้จื่อเฟยกับกู้ซึงไร้วี่แวว อารมณ์ของเธอสงบลงมาไม่ได้สักที ภาพวาดก็วาดได้มั่วซั่ว จู่ๆมือที่กำลังเคาะแป้นพิมพ์อยู่ของโห้หลีเฉินได้หยุดลงมา
เขามองหน้าจอคอมพิวเตอร์อยู่ครู่หนึ่ง จากนั้น พริบตาเดียวก็มองมาทางเย้นหว่านที่เบื่อหน่ายสุดๆ จากนั้นได้พูดด้วยรอยยิ้ม “เจอกู้จื่อเฟยแล้วครับ”
“ห๊า?”
คำพูดที่มากะทันหัน ทำเอาเย้นหว่านตกใจจนดึงสติกลับมาไม่ได้ในชั่วขณะ
เธออึ้งไปครู่หนึ่ง ทีนี้ถึงลุกขึ้นมาจากเก้าอี้อย่างดีอกดีใจ “จริงเหรอคะ? เธออยู่ไหนคะ?”
สามวัน!
โห้หลีเฉินบอกสามวัน ก็หากู้จื่อเฟยเจอภายในสามวันจริงๆ
เขานี่เก่งจริงๆเลย
โห้หลีเฉินชี้แผนที่ในคอมพิวเตอร์ บนจอมีเครื่องหมายสีแดงเล็กๆจุดหนึ่ง เขาเอ่ยปากพูดว่า “ที่นี่ครับ”
อยู่ในโซนเมืองไห่เฉิงจริงๆ
แต่มีระยะห่างกับที่นี่ไม่น้อยเลย
เย้นหว่านลุกขึ้นมาด้วยความตื่นเต้น และพูดอย่างรีบร้อน “ตอนนี้น่าจะยังสามารถโยกย้ายเฮลิคอปเตอร์ได้ พวกเราขับเฮลิคอปเตอร์ไป ไม่นานก็สามารถเจอกู้จื่อเฟยแล้วค่ะ”
เธออยากเจอหน้ากู้จื่อเฟยจนอดใจรอไม่ไหวแล้ว อยากเห็นกับตาว่าเธอปลอดภัยและสบายดีหรือเปล่า ลำบากลำบนหรือเปล่า
จู่ๆโห้หลีเฉินกลับดึงมือเล็กๆของเย้นหว่านไว้ เขาเงยหย้ามองเธอพร้อมหยอกเล่น “เย้นหว่าน พอมีกู้จื่อเฟย คุณก็ไม่เอาผมแล้วเหรอ?”
เย้นหว่านมองเขาอย่างตะลึงงัน พูดแบบนี้ทำไม เธอทำแบบนี้ที่ไหนกัน?
แต่ไม่นานเธอก็นึกขึ้นได้ว่า บาดแผลบนตัวโห้หลีเฉินยังค่อนข้างสาหัส ไม่เหมาะที่จะเดินทางไกล เพราะฉะนั้นดีที่สุดเขาอย่าไปหากู้จื่อเฟยดีกว่า
ทันใดนั้นเย้นหว่านค่อนข้างลังเลในทันที
เธออยากไปหากู้จื่อเฟยเองและรับเธอกลับมาเอง แต่เธอก็ไม่ไว้ใจที่ทิ้งให้โห้หลีเฉินอยู่ที่นี่คนเดียว…….
เธอยืนแข็งทื่ออยู่กับที่ ขมวดคิ้วแน่น และรู้สึกลำบากใจ
โห้หลีเฉินมองสีหน้าลำบากใจของเย้นหว่าน เขาก็แข็งใจกลั่นแกล้งเธอมากเกินไปไม่ได้ จึงได้พูดเบาๆว่า “ผมไม่ไป คุณก็ห้ามไป มีคนคนหนึ่ง เหมาะที่จะไปรับกู้จื่อเฟยมากกว่าคุณกับผมนะ”
ไม่ไปทั้งสองคน?
เย้นหว่านสงสัย “ใครคะ?”
“พี่ชายคุณ เย้นโม่หลิน” โห้หลีเฉินพูดอย่างมีความหมายลึกซึ้ง
ทีนี้เย้นหงว่านถึงนึกถึงความพัวพันระหว่างพี่ชายตนเองกับกู้จื่อเฟยได้
เรื่องนี้ ที่กู้จื่อเฟยหายตัวไป สาเหตุหลักก็เพราะคำพูดและท่าทีของเย้นโม่หลิน
ใครเป็นคนก่อปัญหาขึ้นมาก็ต้องคนนั้นไปแก้ไขเอง ให้เย้นโม่หลินไปรับกู้จื่อเฟย ถึงจะไขปมและปรับความเข้าใจได้
เขาอาจจะเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดจริงๆ
แววตาของเย้นหว่านระยิบระยับ ลังเลไปสักพักถึงฝืนพยักหน้า “งั้นฉันไปบอกพี่ชายฉัน ให้เขาไปรับจื่อเฟยค่ะ”
“ไม่ต้องรีบร้อน ผมไปกับคุณเอง”
โห้หลีเฉินลุกขึ้น จูงมือเย้นหว่านไว้และยืนอยู่ข้างกายเธอ
เขาก้าวเท้าเดินมาด้านหน้าอย่างสง่าผ่าเผย และสั่งการด้วยน้ำเสียงเรียบเฉยเมย “เดี๋ยวไม่ว่าเย้นโม่หลินจะพูดอะไรหรือทำอะไร คุณก็ต้องมีท่าทีเฉียบขาดว่าจะอยู่ดูแลผมที่นี่นะ รู้มั้ย?”
หรือว่าเย้นโม่หลินยังจะอ่อนไหวกับท่าทีของเธอ?
บังคับเธอให้ไปรับกู้จื่อเฟยด้วยกัน?
น่าจะไม่ถึงขั้นนั้นมั้ง ช่วงนี้เธอกับโห้หลีเฉินอยู่ด้วยกันอย่างเปิดเผยเชียวนะ
คำพูดของโห้หลีเฉินเย้นหว่านรู้แค่ผิวเผิน คิดแล้วไม่เข้าใจ ก็เลยปิดปากเงียบไม่ถามแล้ว สุดท้ายได้พยักหน้าอย่างเชื่อฟัง “ได้ค่ะ”
พอพูดจบ ก็จูงมือโห้หลีเฉินเดินออกไปด้านนอกอย่างอดใจรอไม่ไหว
ตอนที่ทั้งสองมาถึงหน้าวิลล่าของเย้นโม่หลิน เจอเย้นโม่หลินที่เดินมาด้วยฝีเท้าเร่งรีบพอดี
ดูเหมือนเขากำลังจะออกไปทำธุระ
เย้นโม่หลินมองทั้งสองและพูดด้วยความสงสัย “พวกเธอมาได้ยังไง?”
หลายวันมานี้ โห้หลีเฉินไม่เคยออกจากประตูบ้านเขาเลยนะ
จู่ๆออกมา จะต้องมีเรื่องอะไรแน่ๆ
พอเย้นโม่หลินคิดเชื่อมโยง ก็นึกได้ว่า โห้หลีเฉินเคยโม้ว่าจะหากู้จื่อเฟยเจอในสามวัน
หรือว่า เขาหากู้จื่อเฟยเจอแล้วจริงๆ?
คิดถึงความเป็นไปได้นี้ เย้นโม่หลินเปลี่ยนมาหายใจหนักหน่วง เส้นประสาทตึง จ้องโห้หลีเฉินด้วยแววตาเร่งรีบ
มองสีหน้าท่าทางตื่นเต้นของเย้นโม่หลิน โห้หลีเฉินแกล้งพูดด้วยโทนเสียงช้าๆ “มีธุระหานายนิดหน่อย”
มาหาเขา ย่อมต้องมีธุระอยู่แล้ว
ก็พูดอย่างตรงไปตรงมาสิ ทำไมยังต้องถามคำหนึ่งก็ตอบคำหนึ่งด้วย?
เย้นโม่หลินอารมณ์เสียเล็กน้อย มองโห้หลีเฉินอย่างไม่พอใจ โห้หลีเฉินกลายเป็นคนอ้อมค้อมแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน เขาขมวดคิ้วแล้วพูดต่อ “ธุระอะไร?”
เสียงของเขาทุ้มต่ำ ยับยั้งชั่งใจ แต่ก็ได้เผยความรีบร้อนออกมาโดยที่ไม่ได้ตั้งใจ
เย้นหว่านมองเย้นโม่หลินอย่างค่อนข้างประหลาดใจ น้อยมากที่เธอจะเห็นเขารีบร้อนและเสียมารยาท
วันนี้ ดูเหมือนเขาจะผิดสังเกตนะ
โห้หลีเฉินมองเย้นโม่หลินด้วยสายตาเคร่งขรึม ยกมุมปากขึ้นเล็กน้อย ทีนี้ถึงพูดช้าๆ “หากู้จื่อเฟยเจอแล้ว”
“เธอสบายดีมั้ย? !”
เย้นโม่หลินออกมาถามโดยที่ไม่คิด แววตาเผยความตื่นเต้นและดีอกดีใจออกมา
น้ำเสียงฟังดูเร่งรีบ
หาเจอแล้ว หาเจอก็ดีแล้ว!
โห้หลีเฉินส่ายหัว
พริบตาเดียวใบหน้าที่กำลังจะเผยรอยยิ้มออกมาของเย้นโม่หลินได้ห้อยลงมาทันที
เข้าก้าวไปข้างหน้าก้าวหนึ่ง มองโห้หลีเฉินด้วยสีหน้ากังวล “เธอได้รับบาดเจ็บหรือเปล่า? บาดเจ็บสาหัสหรือเปล่า? ได้รับบาดเจ็บที่ไหน?”
ถามรวดเดียวสามคำถาม ถามรัวๆออกมาไวเหมือนจรวด
เย้นหว่านมองพี่ชายตัวเองอึ้งและสีหน้าช็อก เหมือนไม่เคยพบไม่เคยเห็นมาก่อนยังไงอย่างงั้น เขาเปลี่ยนไปเป็นคนละคนเลย
เธอเคยเห็นเย้นโม่หลินที่สุภาพและสง่าผ่าเผยร้อนรนใจขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน
อีกอย่างคนที่เป็นห่วงยังคือกู้จื่อเฟยด้วย
เขาเป็นห่วงและแคร์กู้จื่อเฟยจากใจจริง!
เย้นหว่านถึงมาเข้าใจทีหลัง ถึงว่าล่ะโห้หลีเฉินถึงบอกให้เธออย่าไป ตั้งใจให้เย้นโม่หลินไปรับกู้จื่อเฟยโดยเฉพาะ
เดิมทีเย้นโม่หลินกับกู้จื่อเฟยก็ไม่ใช่ว่ารักข้างเดียว
ในเมื่อต่างก็มีใจให้กัน ครั้งนี้ไปรับก็เป็นโอกาสที่ได้อยู่สองต่อสองพอดี ไม่แน่อาจจะสามารถคลี่คลายความขัดแย้งและความเข้าใจผิดระหว่างพวกเขาได้ และให้ทั้งสองพัฒนาไปอีกขั้น
เย้นหว่านหันไปมองโห้หลีเฉิน และพูดแขวะที่ข้างหูเขาเบาๆ “ที่แท้คุณอยากจับคู่พวกเขานี่เอง”
โห้หลีเฉินเม้มปากยิ้มเล็กน้อย และไม่ได้ปฏิเสธ
เขามองเย้นโม่หลินด้วยสายตาเคร่งขรึมแล้วพูด “ฉันเพิ่งหาเธอเจอก็เลยมาบอกนาย ส่วนรายละเอียดฉันก็ไม่ค่อยรู้แน่ชัด แต่แค่ได้ยินข่าวว่า เธอน่าจะทนทุกข์ทนลำบากไม่น้อยเลย”
เย้นโม่หลินม่านตาหด รูปร่างสูงใหญ่แข็งทื่อเหมือนเสาธง
ได้ทนทุกข์ทนลำบาก
กู้จื่อเฟยที่เป็นคุณหนูมีการศึกษา ถูกอบรมสั่งสอนมาดีขนาดนั้น และมีนิสัยพูดจาเสียงดัง วันๆก็รู้จักแต่กินเที่ยวเล่น คงไม่เคยไม่รับความกล้ำกลืนอะไร ยิ่งอย่าบอกว่าได้ทนทุกข์ทนลำบากเลย
แต่ตอนนี้ กลับเป็นเพราะเขา เธออยู่ที่ต่างเมืองต่างถิ่นนี้กำลังได้ทนทุกข์
ในหัวของเย้นโม่หลินก็เหมือนน้ำแร่ยังไงอย่างงั้น มีหน้าตาน่าสงสารที่
บาดแผลเต็มตัว สกปรกมอมแมมและย่ำแย่ของกู้จื่อเฟยโผล่ขึ้นมาอย่างไม่ขาดสาย
หัวใจเขากระตุกทีหนึ่ง มีความเจ็บปวดที่แปลกประหลาดส่งผ่านมา