สัญญารัก คบกับประธานฮั่ว30วัน - บทที่604 โห้หลีเฉินที่หน้าเนื้อใจเสือ
“เศษสวะ! ยามคับขันแค่รับคนคนเดียวก็รับไม่ได้”
เย้นโม่หลินกระทืบไปที่บนตัวของต้วนอาน
ต้วนอานร้องโอ้ยและกุมขาถอยหลังไปหลายก้าว อึ้งจนสีหน้ากล้ำกลืน
เย้นหว่านไม่ไป เกี่ยวอะไรกับเขาด้วย?
ถึงในใจจะกล้ำกลืนมากแค่ไหน ต้วนอานก็ไม่กล้าแสดงออกมา เขาเปิดปากพูดอย่างอ่อนแอ “หรือให้ผมไปลองดูมั้ยครับ?”
ลองไปรับกู้จื่อเฟยดู ก็ไม่สามารถแน่ใจว่าจะกลับมาด้วยร้อยเปอร์เซ็นต์
ถ้ากู้จื่อเฟยไม่กลับมา ไปๆมาๆ เกรงว่าคงจะเสียเวลาเปล่าๆวันหนึ่ง เสียเวลาวันหนึ่ง กู้จื่อเฟยก็จะต้องทนทุกข์เพิ่มอีกวันหนึ่ง
เย้นโม่หลินยิ่งโมโหเข้าไปใหญ่ เขาจ้องเงาของเย้นหว่านกับโห้หลีเฉินที่จากไปไกลอย่างอารมณ์เสีย พร้อมกัดฟันพูดว่า “เห็นแฟนดีกว่าเพื่อน”
น้องสาวกลายเป็นแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่? !
เย้นโม่หลินขมวดคิ้วด้วยความหงุดหงิด เขาก็อยากเหมือนเย้นหว่านที่จากไปอย่างหน้าตาเฉย แล้วให้ต้วนอานที่ใช้ไม่ได้ไปรับกู้จื่อเฟย
แต่ว่า เท้าของเขาก้าวไม่ออกสักที
ไม่ไว้วางใจ
คำนี้วนเวียนอยู่ในหัวของเขา
ต้วนอานเห็นหน้าตาลังเลตัดสินใจไม่ได้ของคุณชายตัวเอง รู้สึกแปลกใหม่มากเมื่อก่อนคุณชายเป็นคนที่รวดเร็วและเด็ดขาดเชียวนะ ทำอะไรเฉียบขาด คิดพิจารณาไม่เคยเกินสามนาที
แต่ตอนนี้ล่ะ……
แต่แค่ไปหรือว่าไม่ไปเอง เขายังต้องลังเลสามนาทีเลย
แค่ไปรับคนเอง มันยากขนาดนั้นเลยเหรอ?
ต้วนอานยืนอยู่ในระยะหลายเมตร มองเย้นโม่หลินด้วยความแปลกใจ พร้อมถามหยั่งเชิง “ทำไมคุณชายถึงไม่อยากไปรับคุณจื่อเฟยครับ?”
เย้นโม่หลิน “ฉันจะกลับไปรายงานเรื่องให้พ่อ!”
ต้วนอานสีหน้าสงสัย เห็นได้ชัดว่าไม่เชื่อคำตอบร้อยเปอร์เซ็นต์
ทันใดนั้นเย้นโม่หลินยิ่งหน้าเขียวหน้าดำขึ้นไปอีก ในแววตาลุ่มลึก มีความไม่เป็นธรรมชาติและกระวนกระวายซ่อนเร้นอยู่
หากู้จื่อเฟยเจอ ปฏิกิริยาแรกของเขาคือดีใจจนควบคุมตัวเองไม่ได้ ตื่นเต้นจนอยากจะไปรับเธอทันที เห็นกับตาว่าเธอสบายดีและปลอดภัยดีหรือเปล่า
แต่ปฏิกิริยาต่อมา เขากลับถอยซะแล้ว วันนั้นเขาได้พูดจาโหดแบบนั้น ไล่กู้จื่อเฟยไป และเขาเป็นคนพูดเองว่าชาตินี้จะไม่เจอหน้ากู้จื่อเฟยอีก ตอนนี้กู้จื่อเฟยก็คงไม่อยากเจอหน้าเจอเขามากเหมือนกัน ถ้าเขาไปรับ กู้จื่อเฟยก็ใช่ว่าอยากจะกลับมากับเขาหรอก
เพราะฉะนั้นเย้นหว่านไปหากู้จื่อเฟย ถึงเหมาะสมและปลอดภัยที่สุด แต่…..เย้นหว่านดันเห็นผู้ชายดีกว่าเพื่อน
เย้นโม่หลินหงุดหงิดและลังเลสุดๆ
ยิ่งไม่รู้ว่าพอไปแล้ว ควรจะเผชิญหน้ากู้จื่อเฟยยังไง
แต่ตอนนี้ เขาก็ไม่มีทางเลือกอื่นแล้ว…..
ถึงเขาหลบหน้า แต่ไม่ใช่ผู้ชายที่ไม่มีความรับผิดชอบ เขาเคยให้คำมั่นสัญญาว่าจะปกป้องเธอ ครั้งนี้ ก็จะทิ้งเธอไว้ที่นั่นคนเดียวไม่ได้อีก
เย้นโม่หลินหายใจลึกๆทีหนึ่ง สีหน้าบูดบึ้ง ก้าวเท้าเดินไปที่เฮลิคอปเตอร์อย่างไว
ต้วนอานรีบเดินตามอยู่ข้างหลัง ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง สุดท้ายก็ได้ถามอย่างไม่แน่ใจคำหนึ่ง “คุณชายครับ ตอนนี้เราจะไปไหนครับ?”
เย้นโม่หลินเดินขึ้นเครื่อง สายตา
ลุ่มลึกมืดมนมองไปยังทิศทางหนึ่ง เขาพูดเสียงทุ้มทีละคำ “ไปเมืองไห่เฉิง”
ยังไงก็ไม่วางใจ
ต้วนอานเห็นในที่สุดเย้นโม่หลินก็ตัดสินใจว่าจะไป เขาก็โล่งอกไปที ได้รีบสั่งการกัปตัน “รีบขับเร็ว ไปเมืองไห่เฉิง”
ใบพัดของเฮลิคอปเตอร์หมุนติ้วๆ ไม่นานก็ขึ้นสู่น่านฟ้า บินไปกลางอากาศอย่างไว
เย้นหว่านกับโห้หลีเฉินจากไป แต่ไม่ได้เดินไปไกลเท่าไหร่ ยืนอยู่บนถนน เงยหน้ามองเฮลิคอปเตอร์ที่บินขึ้นสู่น่านฟ้า
เย้นหว่านมองแล้ว คิ้วที่ขมวดไว้ได้คลายออกมา ในที่สุดก็ได้ยกภูเขาออกจากอกแล้ว
ในที่สุดเย้นโม่หลินก็ได้ไปรับกู้จื่อเฟยแล้ว
เธอฟังคำพูดของโห้หลีเฉิน เดิมพันชนะแล้ว
พอเป็นแบบนี้ เย้นโม่หลินป็นคนไปรับกู้จื่อเฟยเอง สำหรับเขาสองคน เป็นโอกาสที่สามารถคลี่คลายความขัดแย้งที่ดีเลยทีเดียว
กู้จื่อเฟยก็อาจจะสบายใจหน่อย ที่เย้นโม่หลินเป็นคนไปรับเธอเอง
เย้นหว่านเงยหน้ามองโห้หลีเฉินและถาม “เหมือนพี่ชายฉันจะทำอะไร คุณก็สามารถคาดเดาได้ล่วงหน้าหมดเลยนะ?”
โห้หลีเฉินเม้มปาก น้ำเสียงบางเบา “ทางด้านนี้ พี่ชายคุณอ่อนหัดเกินไป”
ไอดีไม่เป็นสองรองใคร แต่อีคิวกลับสู้เด็กสิบขวบไม่ได้
กระดาษขาวใบหนึ่ง
คิดอะไร ลังเลอะไร ขี้ขลาดอะไร แค่แว็บเดียวก็สามารถมองทะลุปรุโปร่งแล้ว
ฟังคำพูดดูถูกที่ไม่ซ่อนเร้นเลยสักนิด เย้นหว่านยกมุมปากขึ้นเล็กน้อย เธอรีบมองดูรอบๆ ยังดีที่ไม่มีคนได้ยิน
ไม่งั้นความแค้นนี้คงต้องฝังลึกแน่ ชาตินี้โห้หลีเฉินอย่าคิดจะได้รับการยอมรับจากเย้นโม่หลินเลย
เย้นหว่านเข้าใกล้โห้หลีเฉิน และถามเสียงเบา “แล้วคุณคิดว่าครั้งนี้พี่ชายฉันกับจื่อเฟยจะสามารถคืนดีกลับมามั้ยคะ?”
ถ้ากลับมาทั้งคู่ก็คืนดีกันแล้ว หรือว่าพัฒนาไปอีกขั้น ทั้งคู่อยู่ด้วยกันโดยตรง ก็เป็นสิ่งที่เย้นหว่านอยากจะเห็นเหมือนกัน
โห้หลีเฉินยิ้มมุมปาก สีหน้าลึกซึ้งจนไม่อาจคาดเดา “เดี๋ยวพวกเขากลับมา คุณก็รู้เอง”
“ยังทำเป็นไขสืออีก? หรือว่าคุณเดาไม่ออก?”
เย้นหว่านหยอกล้อโห้หลีเฉินด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม
โห้หลีเฉินหรี่ตา จู่ๆได้ดึงเธอมาที่อ้อมกอด เขาก้มหน้ามองเธอ ใบหน้าหล่อเหลาเข้าใกล้มาก ลมหายใจร้อนแทบจะพ่นใส่ใบหน้าเรียวเล็กของเธอ
“นอกความรู้สึกของคุณ ผมไม่มีความอดทนกับคนอื่นนะ”
สายตาของเขาเคร่งขรึม เพ่งมองเธอตรงๆ ราวกับในสายตาเขา ในโลกของเขา สามารถมีแค่เธอคนเดียว
หัวใจเย้นหว่านเต้นแรงอย่างควบคุมไม่อยู่ทันที เธอหน้าแดงก่ำและพูดอ้ำอึ้ง “แล้ว แล้วครั้งนี้คุณทุ่มเทแรงใจจับคู่พี่ชายฉันกับกู้จื่อเฟย คือเพราะ……” อะไร…….
“เพราะคุณ”
โห้หลีเฉินตอบอย่างว่องไวเฉียบขาด
ริมฝีปากบางของเขาเผยรอยยิ้มออกมา จิตใจสงบเยือกเย็น “พี่ชายคุณไม่เข้าใจความรัก ก็มาวิเคราะห์ผม จัดการผมจากด้านผลประโยชน์ที่สุด
และพูดจากด้านผลประโยชน์ ถึงผมได้เป็นหัวหน้าตระกูลหยู ถึงเพื่อคุณแล้วผมไม่แคร์ความเป็นความตาย แต่พวกเขาเคยนึกว่าผมโกหกคุณหลอกลวงคุณ ยังมีเรื่องที่ปลอมตัวเป็นกู้ซึง แล้วก็……”
แววตาโห้หลีเฉินมืดมนเล็กน้อย หยุดไปครู่หนึ่งก็ได้พูดต่อว่า “เรื่องพวกนี้ ล้วนกลายเป็นความบาดหมางในใจเขา ถึงเขาจะปฏิบัติกับผมด้วยความสุภาพ แต่ก็ไม่ยอมรับผมเป็นน้องเขยของเขาจริงๆหรอก”
เย้นหว่านมองโห้หลีเฉินอย่างทึ่ง “เพราะฉะนั้น คุณกะจะให้พี่ชายฉันกับจื่อเฟยอยู่ด้วยกัน?”
“ใช่”
โห้หลีเฉินพยักหน้า “เย้นโม่หลินหวั่นไหวแล้ว ถึงจะรับรู้ได้ถึงสิ่งที่นอกเหนือจากผลประโยชน์ ถ้าเขารักกู้จื่อเฟยเข้าจริงๆ สุดท้ายก็ต้องให้อภัยกับเรื่องที่กู้จื่อเฟยโกหกแน่นอน ในเมื่อสามารถให้อภัยกู้จื่อเฟย งั้นเขาก็ไม่มีสิทธิ์มาขัดขวางคุณกับผมอีก”
ใช้ความคิดของจนเองไปประเมินคนอื่น
ถึงเวลาเย้นโม่หลินไม่เพียงไม่มีสิทธิ์ ยังอาจจะเข้าใจโห้หลีเฉินด้วย
เย้นหว่านมองโห้หลีเฉินอย่างเซ่อๆ นอกจากทึ่งก็ยังคือทึ่งอยู่ดี
ถึงว่าล่ะโห้หลีเฉินถึงได้เป็นฝ่ายรุกและกระตือรือร้นขนาดนี้ ช่วยตามหากู้จื่อเฟยอย่างไม่แคร์ค่าตอบแทน
ถึงว่าล่ะ ตอนที่หากู้จื่อเฟยเจอ โห้หลีเฉินก็เลือกที่จะบอกเย้นโม่หลินในเวลาแรก
ถึงว่าล่ะ โห้หลีเฉินไม่ให้เธอไปรับกู้จื่อเฟย ดันต้องวางอุบายให้เย้นโม่หลินไป