สัญญารัก คบกับประธานฮั่ว30วัน - บทที่607 ต่างคนต่างความคิด
ไม่รู้ร้องไห้ไปนานเท่าไหร่ กู้จื่อเฟยร้องจนเสียงแหบเสียงแห้ง สะอึกสะอื้นจนแทบจะหยุดลงมาไม่ได้
เย้นโม่หลินดูจนขมวดคิ้วแน่น รีบยื่นมือตบหลังเธอเบาๆ ปรับการไหลเวียนลมปราณให้เธอ
ฝ่ามือใหญ่ของเขาหล่นอยู่ที่แผ่นหลังเธอเบาๆ และคอยลูบหลังเธอทีแล้วทีเล่า
กู้จื่อเฟยที่ร้องไห้ฟูมฟายรู้สึกได้ถึงท่าทางของเขา ได้ตัวแข็งทื่อทันที แม้แต่ร้องไห้ก็ได้หยุดลงมา
เย้นโม่หลินกำลังทำอะไรอยู่?
เธอเงยหน้าขึ้นมาด้วยสายตาพร่ามัว ก็ตะลึงงันเห็นเย้นโม่หลินที่ยืนอยู่ตรงหน้า
เขายืนอยู่ตรงหน้าเธอ ยื่นมือคอยลูบหลังให้เธอ ทั้งสองใกล้ชิดกันมาก เขากำลังก้มหน้ามองเธออยู่ พอกู้จื่อเฟยเงยหน้าปุ๊บ จมูกเกือบชนกับหน้าของเย้นโม่หลิน
และในระยะที่ใกล้ชิดสุดๆ สบตาด้วยกัน เหมือนหัวใจถูกอะไรพุ่งชนยังไงอย่างงั้น
พริบตาเดียวหัวใจก็เต้นแรงขึ้น
พริบตาเดียวสายตาของเย้นโม่หลินก็เปลี่ยนมามืดมน ในใจมีความรู้สึกแปลกๆโผล่ขึ้นมาอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน
เสี้ยววินาทีนั้น เขาแทบจะมีความวู่วามอย่างหนึ่งที่อยากจะกอดกู้จื่อเฟยไว้….
หัวใจกู้จื่อเฟยเต้นแรง หลังจากเหม่อลอยไปชั่วครู่ เหมือนถูกไฟฟ้าช็อตยังไงอย่างงั้น ได้ถอยหลังไปหลายก้าวอย่างลนลาน
เว้นระยะห่างที่เพียงพอกับเขา
แววตาของเธอระยิบระยับอย่างห้ามไม่อยู่ ใช้เสียงแหบแห้งพูด “ขอ…ขอโทษค่ะ”
เย้นโม่หลินขมวดคิ้วแน่น
คนที่เศร้าโศกเสียใจร้องไห้ฟูมฟายคือเธอ ทำไมเธอต้องกล่าวขอโทษด้วย
เธอผิดต่อเขาตรงไหน?
เย้นโม่หลินมองหน้ากู้จื่อเฟยแล้วหงุดหงิดสับสนมาก
มองหน้าตาที่ไม่สบอารมณ์ของเย้นโม่หลิน อารมณ์ของกู้จื่อเฟยยิ่งตกต่ำและอึดอัดเข้าไปใหญ่
เมื่อครู่เธอร้องไห้ฟูมฟาย ได้แหย่ให้เขาเกลียดอีกแล้วจริงๆด้วย
เธอกุมนิ้วมืออย่างไม่รู้ตัว ยืนอย่างไม่สบายใจ ลังเลไปพักหนึ่ง ดูเหมือนถึงรวบรวมความกล้าและถามหยั่งเชิง “รบกวน…..รบกวนพี่พาฉันไปดูเสี่ยวหว่านหน่อยได้มั้ยคะ?”
น้ำเสียงที่ระมัดระวังนั้น เมื่อก่อนไม่เคยปรากฏอยู่ที่บนตัวกู้จื่อเฟยที่พูดจาเสียงดังมาก่อน
ทันใดนั้นกู้จื่อเฟยยิ่งรู้สึกไม่สบายใจขึ้นไปอีก ราวกับมีก้อนหินทับในอกอยู่ยังไงอย่างงั้น เขาไม่ชินกับหน้าตาที่ระมัดระวังของเธอมากเลย
สีหน้าของเย้นโม่หลินดูมืดมน อึมครึมเหมือนพายุฝนฟ้าคะนอง อารมณ์ไม่ดีเอามากๆ
ในใจของกู้จื่อเฟยยิ่งอึดอัดและเศร้ารันทดเข้าไปใหญ่ หรือเธอจะพูดความต้องการที่มากเกินไป
วันนั้น ตอนที่อยู่ทะเล เย้นโม่หลินได้พูดชัดเจนแล้ว เขาไม่ชอบเธอเลยสักนิด ที่เขาใกล้ชิดและอดทนกับเธอเพราะเย้นหว่านเท่านั้น
ส่วนเย้นหว่านเกิดเรื่องเพราะเธอ ตอนนี้เขาได้เกลียดชังและเคียดแค้นเธอแล้ว
ถึงแม้ตอนนี้เย้นหว่านได้รอดชีวิตจากภัยพิบัติแล้ว แต่สุดท้าย เย้นโม่หลินก็ไม่ชอบขี้หน้าเธออยู่ดี
วันนี้สามารถมาแจ้งข่าวที่เย้นหว่านยังมีชีวิตอยู่ให้เธอฟัง เกรงว่าคงจะมาอย่างอดทนกับความสะอิดสะเอียนมั้ง
กู้จื่อเฟยไม่สบายใจ แทบอยากจะไปจากที่นี่ทันที หามุมที่ไม่มีคนเอาตัวเองที่เหลือทนซ่อนเอาไว้
แต่เธอกลับคิดถึงเย้นหว่านเหลือเกิน อยากเห็นกับตาว่าเย้นหว่านปลอดภัยและแข็งแรงดีหรือเปล่าจริงๆ
ขอแค่เธอได้เห็นกับตาก็สบายใจแล้ว
กู้จื่อเฟยยืนตัวเกร็งอยู่กับที่ กำหมัดไว้แน่นและพูดเสียงต่ำ “งั้น…..งั้นพี่บอกที่อยู่ของเสี่ยวหว่านให้ฉันได้มั้ยคะ? ฉัน ฉันไปเองค่ะ”
พูดจบ เธอนึกอะไรขึ้นมาได้อีก จึงรีบพูดเสริมอีกคำ “ตอนที่พี่ไม่อยู่ ฉันค่อยไปหาเสี่ยวหว่านก็ได้ค่ะ”
เขาจะได้ไม่ต้องเห็นหน้าเธอแล้วรู้สึกรำคาญ
ได้ยินคำนี้ เดิมทีเย้นโม่หลินก็ขมวดคิ้วอยู่แล้ว ทีนี้ยิ่งขมวดคิ้วแน่นจนเหมือนคนแก่ที่มีอายุร้อยปีขึ้นไปอีก
นี่เธอคือระมัดระวังเกินกว่าเหตุ? หรือว่าไม่อยากอยู่กับเขา?
ไม่ว่าจะเป็นคำตอบไหน ล้วนทำให้เย้นโม่หลินรู้สึกหงุดหงิดอารมณ์เสีย รู้สึกไม่สบายใจอย่างมาก
ไม่เจอกันช่วงหนึ่ง ทำไมกู้จื่อเฟยถึงเปลี่ยนเป็นแบบนี้ไปได้ ความระมัดระวังของเธอ กิริยาท่าทางของเธอ ล้วนทำให้เขารู้สึกเหมือนคนแปลกหน้าและเหลือทน
เธอไม่ควรจะเป็นแบบนี้
แต่เขากลับไม่รู้ว่าจะทำยังไง ถึงจะทำให้เธอไม่เป็นแบบนี้อีก
“กู้จื่อเฟย คุณ…..”
เย้นโม่หลินกัดฟันพูด แต่คำพูดมาถึงปากแล้ว กลับไม่รู้ควรจะพูดต่อยังไง
เขามองเธอด้วยแววตาหม่น สุดท้ายพูดอย่างจนปัญญา “ขึ้นเครื่องกับผม”
พูดจบ เย้นโม่หลินก็เดินออกไปด้านนอกอย่างไว
เขาเดินอย่างสง่าผ่าเผย ฝีเท้าทั้งเร็วทั้งแข็งกระด้าง มีแค่ฟ้าเท่านั้นที่รู้ว่าเขาเดินเร็วขนาดนี้คือกลัวกู้จื่อเฟยจะปฏิเสธข้อเสนอของเขา
ตอนนี้เธอดูแล้วเหมือนไม่ค่อยอยากเดินทางไปพร้อมเขาสักเท่าไหร่
กู้จื่อเฟยยืนแข็งกระด้างอยู่กับที่ มองเงาของเย้นโม่หลินจากไปไกลอย่างเซ่อๆ ไม่นานก็ออกจากประตูและเดินเลี้ยวไปไม่เห็นเงาแล้ว
ทีนี้เธอถึงค่อยๆดึงสติกลับมา
เย้นโม่หลินจะเป็นคนพาเธอไปหาเย้นหว่านเอง นั่งเฮลิคอปเตอร์กับเขาด้วยกัน
แต่ เขากลับเดินเร็วซะขนาดนั้น
ชัดเจนว่าคงฝืนใจมากเลยมั้ง
กู้จื่อเฟยรู้สึกจิตตกอีก สีหน้าขาวซีดดูแล้วแทบจะไม่มีชีวิตชีวาเลย
ในระหว่างที่ไม่รู้ตัว จากการแสวงหาของตอนแรก จนถึงต่อมา เพราะคำพูดโหดร้ายและความรังเกียจของเย้นโม่หลิน ทำให้เธอทนทุกข์ทรมานราวกับตกลงไปในนรก เธอถึงสะดุ้งตื่น ไม่นึกเลยว่าเธอจะรักเขาเข้ากระดูกดำแล้ว
ไม่ใช่แสวงหาเพราะแค่หน้าตาและเสน่ห์อีกต่อไป ไม่ใช่แค่ท้าทายและ
พิชิตอีกต่อไป แต่ได้เอามาใส่ใจและเข้าไปอยู่ในนั้นจริงๆ
พอรักเข้าจริงๆแล้ว กู้จื่อเฟยถึงพบว่าเธอไม่อาจอยู่อย่างเป็นอิสระอีก
และเพราะรักเขาเข้าจริงๆ เธอยิ่งไม่รู้จะเผชิญหน้ากับเขายังไง เพราะความรังเกียจของเขา เธอแทบจะไม่สามารถอยู่ที่เดียวกันกับเขา นี่ทำให้เธอลุกนั่งไม่ติด รู้สึกทรมาน ต่ำต้อยและไม่มีที่ยืน
เขาไม่อยากเห็นหน้าเธอ เธอก็ไปให้พ้นจากสายตาเขาตามที่เขาหวังจริงๆ
แต่ฟ้าเท่านั้นที่รู้ว่าที่จริงเธอ……คิดถึงเขามากแค่ไหน
ตอนที่เพิ่งเงยหน้ามองเห็นเย้นโม่หลิน กู้จื่อเฟยถึงขั้นรู้สึกเธอบ้าไปแล้วถึงได้เกิดภาพหลอน
ตอนที่แน่ใจว่าเป็นเขาจริงๆ เสี้ยววินาทีนั้น ลึกๆคือดีใจมีความสุขจนควบคุมไม่อยู่ คือการปลอบประโลมที่คิดถึงจนได้รับการชดเชย
แต่ดีใจก็มีแค่เสี้ยววินาทีเดียว ระหว่างเธอกับเขา มีคำหลอกลวงกั้นอยู่ มีความรังเกียจกั้นอยู่ มีความเป็นไปไม่ได้มากมายกั้นอยู่
เธอไม่กล้าเพ้อฝันถึงเขาอีกแล้ว
กู้จื่อเฟยกำหมัดแน่น พยายามสะกดความรู้สึกทั้งหมดในใจไว้ สายตามองไปด้านหน้า มีแต่ความเงียบสงัด
ผ่านไปสักพัก ดูเหมือนเธอถึงรวบรวมความกล้าได้ ก้าวเท้าเดินออกไปด้านนอกอย่างแข็งกระด้าง
ไม่ว่ายังไง เธอก็จะเจอหน้าเย้นหว่านอยู่
หลังจากแน่ใจว่าเย้นหว่านสบายดี เธอค่อยจากไปไกลแสนไกล ไม่โผล่มาที่ตรงหน้าเขาอีกก็พอ
เย้นโม่หลินมาอย่างรีบร้อน เฮลิคอปเตอร์ได้จอดอยู่ที่ที่ไม่ไกลจากวัดเท่าไหร่
กู้จื่อเฟยเดินออกไปก็สามารถมองเห็นแล้ว
เย้นโม่หลินได้เดินมาถึงหน้าเฮลิคอปเตอร์แล้ว กำลังยืนอยู่ที่ข้างบันไดตรงทางขึ้นเครื่อง
ยืนอยู่ที่ระยะไม่ใกล้ไม่ไกล สายตาเขาเพ่งมองเธอไว้
หัวใจกู้จื่อเฟยหดตัว ก้มหน้าลงทันที สงสัยเขาคงรอจนหงุดหงิดแล้วสิท่า
เธอรีบเร่งฝีเท้าเดินไปอย่างไว