สัญญารัก คบกับประธานฮั่ว30วัน - บทที่620 เขาเป็นใคร
บทที่620 เขาเป็นใคร
ความรู้สึกและความยึดติดที่โห้หลีเฉินมีต่อเย้นหว่าน ทุกคนต่างก็รู้กันดี เขาไปถึงงานแต่งทัน ก็คงไม่ให้หยูซือห้านได้แต่งงานกับเย้นหว่านแน่
งั้นงานแต่งนั้นก็……
“เป็นไปไม่ได้! หยูซือห้านบอกกับปากเอง ว่าจดทะเบียนกันแล้ว”
ท่านอาวุโสผมเงินพูดขึ้น น้ำเสียงเห็นได้ชัดว่าเริ่มไม่มั่นใจแล้ว
ก่อนหน้านี้หยูซือห้านบอกพวกเขาว่าจะยังไม่กลับมา เขาจะไปฮันนีมูนกับเย้นหว่าน
แต่เจ้าสาวที่ควรไปฮันนีมูน ตอนนี้กลับจับมือกับโห้หลีเฉินอยู่ที่นี่ และหยูซือห้านก็ติดต่อไม่ได้
ก่อนหน้านี้ที่หยูซือห้านพูดกับพวกเขาทั้งหมดนั้น ตอนนี้ดูจะมีจุดบกพร่องอยู่เยอะมาก
แต่ยังไงหยูซือห้านก็เป็นเด็กที่พวกเขาเห็นมาแต่เด็ก ดูแลอบรมมากับมือ ความสามารถและพลังของเขานั้นพวกเขารู้ดี และเชื่อใจมาก
ไม่มีทางเชื่อง่ายๆแน่นอน หยูซือห้านจะแพ้ให้กับโห้หลีเฉินในสถานการณ์ที่ดีขนาดนั้นได้
“โห้หลีเฉิน นายจับหยูซือห้านไว้ใช่ไหม? บังคับให้เขาหย่ากับเย้นหว่านใช่ไหม? ฉันจะบอกให้นะ ถ้านายกล้าใช้วิธีสกปรกละก็ ถึงแม้ตอนนี้หยูซือห้านกับเย้นหว่านจะไม่ใช่สามีภรรยากัน พวกเราก็จะไม่ยอมรับในตัวนายแน่นอน!”
ได้ยินเสียงด่าดุดันแบบนี้ เย้นหว่านก็โกรธแค้นขึ้นมาทันที
เธอจ้องมองท่านอาวุโสผมเงินคนนั้นนิ่งๆ และพูดว่า
“พวกนายรู้เหรอว่า ใครกันแน่ที่ใช้วิธีสกปรก ใครกันแน่ที่โหดเหี้ยมที่สุด?
เป็นหยูซือห้านต่างห่าง!
คลิปเสียงขอแต่งงานนั้น เขาปลอมตัวเป็นโห้หลีเฉิน หลอกฉัน ส่วนเรื่องงานแต่งนั้น ก็เป็นเรื่องที่น่าอัปยศมาก เขาจับตัวฉันไป บังคับให้ฉันแต่งงานกับเขา!”
“ว่าไงนะ? เป็นไปไม่ได้!”
ท่านอาวุโสผมเงินไม่คิดอะไรก็ปฏิเสธแล้ว ด้านหลังเขามีท่านอาวุโสยืนกันเป็นแถว สีหน้าตกใจเหมือนกันหมด
น้ำเสียงเขาแน่วแน่มาก “หยูซือห้านไม่มีทางทำเรื่องแบบนี้แน่! เย้นหว่าน พวกเรารู้ว่าเธอชอบโห้หลีเฉิน อย่าปกป้องเขา แต่จะพูดจาใส่ร้ายหยูซือห้านแบบนี้ไม่ได้นะ เขารักเธอจากใจจริงนะ”
เย้นหว่านมองตาโต ไม่อยากจะเชื่อเลยว่า หยูซือห้านคนชั่วร้ายแบบนี้ เอายาเสน่ห์อะไรให้ท่านอาวุโสพวกนี้กินหรือเปล่า ถึงทำให้พวกเขาเชื่อใจเขาแบบนี้
โห้หลีเฉินรอยยิ้มที่มุมปาก หายไปในทันที
เขามองพวกท่านอาวุโสด้วยสายตาเย็นชา ทุกคำพูดบีบเคล้นออกมาจากช่องฟัน ด้วยถ้อยคำที่บีบบังคับ
“หยูซือห้านคนแบบนี้ ไม่มีสิทธิ์มาว่าร้ายเย้นหว่านต่างห่าง”
คำพูดที่หยิ่งผยอง เหยียบหยูซือห้านจมลงดินอย่างดูถูก
ยิ่งเหมือนตบหน้าท่านอาวุโสพวกนี้อย่างไม่เกรงใจ
พวกเขาหน้าแดงไปถึงใบหู มองโห้หลีเฉินอย่างไม่พอใจ อยากจะใช้บทลงโทษฆ่าเขาในทันทีทันใด
คนแบบนี้ ไม่ใช่คนตระกูลหยูอยู่แล้ว ยิ่งไม่ควรปรากฏตัวอยู่ในตระกูลหยูด้วย
ท่านอาวุโสผมเงินหน้าบึ้งตึง พูดกับหยูฉู่สองว่า
“เจ้าบ้าน ดูสิ ดูท่าทางที่หยิ่งผยองของโห้หลีเฉิน! นี่ยังไม่ได้เป็นเจ้าบ้านนะ ก็ไม่เอาตระกูลเย้นไว้ในสายตาเสียแล้ว ถ้าได้เป็นเจ้าบ้านขึ้นมาจริงๆ คงทำให้ตระกูลเย้นล่มจมเป็นแน่
ไม่ว่ายังไง ฉันจะสนับสนุนการตัดสินใจในการประชุม ตัดสิทธิ์โห้หลีเฉิน!”
“ฉันก็เหมือนกัน!”
“ฉันด้วย!”
ท่านอาวุโสกลุ่มหนึ่ง ต่างพูดขึ้นมา
พวกเขาแต่ละคน มองค้อนโห้หลีเฉินด้วยสายตาที่โหดเหี้ยม และขับไล่เขามาก
ใบหน้าที่หล่อเหลาของโห้หลีเฉิน สีหน้าเย็นชาไปหมด ร่างกายสูงใหญ่กำยำเป็นเหมือนภูเขาหนึ่งลูก ยืนตระหง่านหน้าเย้นหว่าน
เขาปกป้องเธอไว้
เย้นหว่านมองดูชายที่บังอยู่ตรงหน้าตัวเอง ในใจก็รู้สึกตื้นตันมาก ดวงตาแดงก่ำทันที
โห้หลีเฉินไม่จำเป็นต้องทำให้สถานการณ์กลายเป็นแบบนี้ แต่เพราะคำพูดเดียวที่ว่าร้ายเธอ ก็ไม่เสียดายที่จะทะเลาะกับท่านอาวุโสพวกนี้
เย้นหว่านตื้นตันใจ จับมือโห้หลีเฉินแน่นกว่าเดิม
เธอจะอ่อนแอเกินไปไม่ได้ ยืนอยู่ข้างเขา ก็ต้องช่วยเขาให้ได้สิ
เย้นหว่านมองขวางท่านอาวุโสที่โหดร้ายพวกนี้ และพูดประชดว่า
“ฉันไม่ได้มีความสัมพันธ์สมรสทางกฎหมายกับหยูซือห้าน และพูดกับครอบครัวที่บ้านแล้ว ถอนการหมั้นในตอนเด็กกับหยูซือห้านไปแล้ว
ในเมื่อเป็นแบบนี้ ก็ไม่มีคำว่าโห้หลีเฉินแย่งภรรยาหลานตัวเอง พวกนาย มีสิทธิ์อะไรมาตัดสิทธิ์ทายาทของโห้หลีเฉินกัน?”
เย้นหว่านพูดด้วยคำพูดคมคาย และพูดประเด็กวกกลับมาอีกครั้ง
กฎเกณฑ์ยังอยู่ อยากตัดสิทธิ์ ไม่ใช่พวกเขามาประชุมกันแล้วจะตัดสิทธิ์พร่ำเพรื่อได้
พวกท่านอาวุโสต่างหน้าแดงกันหมด ดูบึ้งตึงกันหมด
ท่านอาวุโสผมเงินโกรธอย่างมาก อยากพูดอะไร แต่ก็พูดออกมาได้ไม่เต็มปากเพราะไม่มีความมั่นใจพอ
เขากัดฟันกรอด เปลี่ยนสายตาที่โกรธแค้นมองไปที่หยูฉู่สองอย่างขอความช่วยเหลือ
“เจ้าบ้าน การประชุมครอบครัวตระกูลหยูเป็นการประชุมที่มีอำนาจ ในเมื่อตัดสินแล้ว ก็จะเปลี่ยนใจง่ายๆไม่ได้ อีกอย่าง พวกเราทุกคนก็โหวตกันแล้วว่าจะให้หยูซือห้านมาเป็นทายาท”
ความหมายคือ ไม่ว่าก่อนหน้านี้ความจริงจะเป็นยังไง ก็จะตัดสิทธิ์โห้หลีเฉินให้ได้
ในเมื่อเข้าใจผิดก็ไม่เปลี่ยนการตัดสินใจ
สีหน้าหยูฉู่สองเข้มงวดขึ้น สายตามืดมน ดำครึ้มเหมือนมีลมพายุมรสุมพัดมาอย่างแรง
โห้หลีเฉินเป็นหลานเพียงคนเดียวของเขา
แต่ว่า ตอนนี้กลับไม่ได้รับการสนับสนุนจากคนในตระกูล คิดในทางผลประโยชน์แล้ว เขาไม่เหมาะสมกับการเป็นทายาทอีกต่อไป
ไม่งั้น ทายาทที่ขัดคำสั่งอยู่เรื่อย ต่อไปแม้จะได้รับตำแหน่งเจ้าบ้าน ก็ไม่สามารถดูแลควบคุมตระกูลได้ จะทำให้ตระกูลยิ่งอยู่ยิ่งแตกแยก
เทียบกับการแตกแยกแล้ว หลานแท้ๆก็ไม่สำคัญมากแล้ว
หยูฉู่สองลังเลสักพัก ในใจก็ตัดสินใจแล้ว เขามองโห้หลีเฉินด้วยสายตาที่ไร้อารมณ์
เขาพูดแต่ละถ้อยคำอย่างชัดเจนว่า
“โห้หลีเฉิน ฉันเตือนนายหลายครั้งแล้ว นายก็ยังไม่ยอมฟัง ก็อย่าหาว่าปู่ใจร้ายแล้วกัน
นายไม่เหมาะสมกับการเป็นทายาทตระกูลหยูแล้ว เรื่องนี้เป็นเรื่องที่เราตัดสินใจแล้ว นายก็ยอมรับเถอะ! เห็นแก่ที่เย้นหว่านปกป้องนาย บทลงโทษการตัดสิทธิ์ จะลงโทษนายในระดับที่เบามากที่สุด”
รับรองว่าจะไม่ตาย
และไม่พิการแน่นอน
นี่เป็นความเมตตาสุดท้ายที่ปู่คนนี้ให้เขาได้
สายตาของโห้หลีเฉินเย็นเฉียบไปในทันที
เขากระตุกยิ้มอย่างเย็นชา
คนพวกนี้ เลือดเย็นไปถึงกระดูกเลยนะ ถึงแม้จะรู้ว่าเข้าใจเขาผิด ถึงแม้จะรู้ว่าเขาไม่ได้ทำลายผลประโยชน์ความสัมพันธ์กับตระกูลเย้น ก็ยังเลือกที่จะให้เขาตายอยู่ดี
ในเมื่อพวกเขาคิดจะให้หยูซือห้านเข้ารับตำแหน่ง งั้นเขาก็จะทำให้พวกเขาสมหวังแล้วกัน
โห้หลีเฉินแสยะยิ้ม “งั้นฉัน ก็ส่งหยูซือห้านคืนให้พวกนายแล้วกัน”
พูดจบ เขาก็กวักมือ
มีเว่ยชีนำทาง มีบอดี้การ์ดร่างสูงกำยำสองคน ยกเปลลงจากเครื่องบินมา
แม้จะเว้นระยะห่างกันมาก แต่ก็เห็นคนที่นอนอยู่บนเปลได้อย่างชัดเจน ใบหน้านั้นดูไม่ได้แล้ว ดูเละจนน่ากลัวมาก
ดูท่าแล้ว ดูโหดร้ายมากจริงๆ
หยูฉู่สองม่านตาหดไปทันที มีไหวพริบทันที เขาถามด้วยน้ำเสียงตึงเครียดว่า
“เขาเป็นใคร?”