สัญญารัก คบกับประธานฮั่ว30วัน - บทที่632 การตัดสินใจที่เด็ดขาดของเย้นหว่าน
ความมืดมนที่เหิมเกริมไม่เกรงกลัวอะไร ได้จู่โจมมาหาทั้งคู่ ราวกับจะกลืนกินพวกเขาไปพร้อมกัน
ในห้องโถงก็เหมือนมีเมฆดำหนาทึบลอยอยู่ ปกคลุมอยู่ในอากาศของห้องโถง ราวกับเกิดพายุฝนฟ้าคะนองได้ทุกเมื่อ
อึดอัดจนทำให้คนสิ้นหวัง
คนของตระกูลหยูล้วนมองโห้หลีเฉินด้วยแววตาซับซ้อนสุดขีด ไม่มีคนไหนที่ไม่ถอนหายใจเลย
แม้แต่หยูฉู่สองก็ราวกับถูกฟ้าผ่ายังไงอย่างงั้น มองโห้หลีเฉินด้วยสีหน้าซีดเซียว
ถึงจะไม่ชอบโห้หลีเฉินยังไง แต่โห้หลีเฉินก็เป็นหลานชายคนเดียวของเขา ถึงปลดตำแหน่งผู้สืบทอดตระกูลของเขาทิ้ง แต่โห้หลีเฉินยังมีชีวิตอยู่ สามารถใช้บั้นปลายชีวิตอย่างปลอดภัย
แต่ตอนนี้…….
ในหัวของหยูฉู่สองมีภาพเหตุการณ์ที่เจอหน้าหยูรั่วถองเป็นครั้งสุดท้ายแว็บผ่านอย่างควบคุมไม่ได้ ตอนนั้นเธอเองก็แค่อายุยี่สิบต้นๆเอง ก็หัวดื้อหนีออกจากตระกูลหยูแล้ว จากนั้นยังไม่ถึงอายุสามสิบ ก็ตายเพราะโรคทางพันธุกรรมแล้ว
เดิมทีเธอควรจะเป็นผู้สืบทอดตระกูลที่โดดเด่นที่สุดของตระกูลหยู
ลูกชายของเธอ ได้สืบทอดสายเลือดเพอร์เฟคของเธอ ก็ควรจะเป็นว่าที่หัวหน้าตระกูลที่โดดเด่นที่สุดของตระกูลหยู
แต่หยูรั่วถองหนีไปกับผู้ชาย ไม่แต่งงานกับคนของตระกูลเย้น โห้หลีเฉินจับพลัดจับผลูชอบพอกับเย้นหว่าน เดิมทีควรจะเป็นเรื่องที่ดีอกดีใจกันทุกคน แต่กลับเพราะโห้หลีเฉินเป็นหมันอีก
เป็นหมัน ก็เท่ากับไร้ประโยชน์แล้ว
หยูฉู่สองอยู่มาจนอายุปูนนี้ แต่ไม่เคยคิดมาก่อนว่าคนสองคนที่มีสายใยครอบครัวกับเขาที่สุดบนโลกใบนี้ คนหนึ่งลูกสาว คนหนึ่งหลานชาย ต่างก็จะตายก่อนเขา
ผู้สืบทอดของตระกูลหยูก็ไม่มีที่พึ่งพิงแล้ว
สีหน้าแววตาของหยูฉู่สองซึมเซา ราวกับพริบตาเดียวก็แก่ชราไปยี่สิบปีเลย
แววตาของเย้นโม่หลินมืดมนและลุ่มลึก เขาลุกขึ้นมา รูปร่างสูงใหญ่เดินมาที่ข้างกายของเย้นหว่าน ยื่นมือตบไหล่ของเย้นหว่านเบาๆ
“เสี่ยวหว่าน เดิมทีเธอกับเขาก็ไม่ควรอยู่ด้วยกันอยู่แล้ว ถูกกำหนดมาแล้วว่าจะไม่มีผลลัพธ์ ปล่อยมือเถอะ พี่พาเธอกลับบ้าน”
ร่างกายของเย้นหว่านแข็งทื่อในทันที น้ำตาขาดอยู่ที่แก้มแบบนี้เฉยเลย
ปล่อยมือ?
แววตาระยิบระยับของเธอมองมือที่วางอยู่บนตักของโห้หลีเฉิน
ก่อนหน้านี้ เขายังจูงมือเธอไว้อยู่
แต่ตอนนี้…….
เย้นหว่านยื่นไปจับมือของโห้หลีเฉินไว้แน่น
เธอมองหน้าเขาด้วยคราบน้ำตาเต็มหน้า แต่สายตากลับเปล่งประกาย เร่าร้อนและแน่วแน่
เสียงของเธอสะอึกสะอื้น แต่กลับกังวานชัดเจนมาก “ไม่ว่ามีลูกหรือไม่ ไม่ว่าคุณจะเหลือเวลาแค่สามปีหรือชั่วชีวิต ฉันก็จะอยู่กับคุณและไม่ทอดทิ้งคุณค่ะ!” จะอยู่หรือตายก็จะอยู่ด้วยกัน
นัยน์ตาดำเข้มของโห้หลีเฉินหดตัวเล็กน้อย แววตาลึกๆมีแสงแว็บผ่าน แต่พริบตาเดียว ก็ถูกความมืดมนกลืนไปหมด
เขาเม้มริมฝีปากบางไว้ มองเธอด้วยสายตาเศร้าหมอง มืดมนแต่ก็เงียบสงัด
มือของเขาถูกเธอกุมเอาไว้ แข็งทื่อแต่เย็นเฉียบ ยิ่งไปกว่านั้นไม่ได้กุมมือเธอกลับ
ในใจของเย้นหว่านเหมือนถูกตะปูทิ่มใส่ เจ็บปวดอย่างหนัก แต่กลับลนลานสุดๆ
ไม่ว่าความลำบากอะไรเธอก็สามารถยืนหยัดได้ แต่เธอกลับกลัวว่าโห้หลีเฉินจะไม่ยืนหยัดแล้ว
เธอจับมือของเขาให้แน่นขึ้นกว่าเดิมอย่างกระวนกระวาย เสียงสั่นเทาเล็กน้อย ตื่นตระหนกอย่างบอกไม่ถูก
“โห้หลีเฉิน ยังมีสามปี เรายังมีเวลาอยู่สามปี! ฉันจะอยู่ข้างกายคุณตลอด คุณอยากทำอะไรฉันก็จะอยู่ข้างกายคุณ เราสามารถไปหาหมอทั่วโลก ไม่แน่ ไม่แน่อาจจะมีวิธีดั้งเดิมสักอย่างรักษาคุณหายล่ะ”
“ขอแค่เรายังอยู่ด้วยกัน ก็อย่าละทิ้งความหวัง โอเคมั้ยคะ?”
สายตาของเธอเปล่งประกาย หวาดกลัวแต่กลับแน่วแน่
ทั้งๆที่คนที่เจ็บปวดใจและกลัวจนแทบจะพังทลายคือเธอ ทั้งๆที่คนที่อ่อนแอและอิดโรยที่สุดคือเธอ แต่เธอกลับกัดฟันสะกดความเจ็บปวดไว้คอยปลอบใจเขา
คอยเป็นห่วงอารมณ์ของเขาอย่างสุคติสุดใจ และยืนหยัดที่จะอยู่ข้างกายเขา
กลัวว่าเขาจะปล่อยมือเธอเพราะเหตุนี้
เห็นได้ชัด ตอนนี้คนที่ควรจะถูกทิ้งที่สุดคือเขานะ
ในปากของโห้หลีเฉินรู้สึกขมขื่น แววตาระยิบระยับอย่างห้ามไม่อยู่ อยู่ในสายตาเธอ ความมืดมนและความก้ำกึ่งทั้งหมดในใจ ต่างก็กลายเป็นเส้นด้ายที่ตัดไม่ขาดและพัวพันกัน
พันเธอไว้อย่างแยกจากกันไม่ได้
“เย้นหว่าน สามปีมันสั้นเกินไป”
โห้หลีเฉินค่อยๆแบะฝ่ามือออก และกุมมือที่สั่นเทาของเย้นหว่านไว้แน่น
สามปีมันสั้นเกินไป เขาอยากอยู่เคียงข้างเธอทั้งชีวิต จับมือกันไปจนแก่จนเฒ่า
แต่ตอนนี้ทุกวินาทีล้วนเปลี่ยนมาสั้นและล้ำค่ามาก
รู้สึกได้ว่าโห้หลีเฉินกุมมือของตนเองไว้แน่น ในที่สุดก้อนหินที่อยู่ในอกของเย้นหว่านก็ได้หล่นลงมาอย่างปลอดภัยเสียที
ขอแค่เขายินยอมให้เธออยู่ข้างกายเขาก็ดีแล้ว
เธอไม่กลัวอะไรทั้งนั้น
เย้นหว่านกุมมือของโห้หลีเฉินไว้แน่น เสียงสะอึกสะอื้น แต่น้ำเสียงกลับแน่วแน่มาก
“เวลาสามปีเราสามารถทำอะไรได้หลายๆอย่างแล้ว เราสามารถอยู่ด้วยกันตลอด24ชั่วโมง สามารถไปท่องเที่ยวด้วยกัน ไปดูทะเลดู ดูทุ่งหญ้า สามารถทำเรื่องที่คนมากมายไม่มีเวลาทำทั้งชีวิต เราจะทำให้หมด โอเคมั้ยคะ?”
ทำให้หมด จะได้ไม่เสียใจภายหลัง
โห้หลีเฉินมองเย้นหว่านด้วยแววตาที่ซับซ้อนมาก ในใจหนักหน่วงจนบอกไม่ถูกว่ามันเป็นยังไง
อยู่กับเธอสามปี ได้ทำเรื่องที่มีความสุขทั้งหมดบนโลกใบนี้ จากนั้นทิ้งเธออยู่โลกใบนี้คนเดียว และรื้อฟื้นความทรงจำทั้งชีวิตงั้นเหรอ?
แบบนี้มันนี่ช่างโหดร้ายเกินไป
แต่มองเย้นหว่านที่เป็นแบบนี้ เขากลับยิ่งไม่สามารถปล่อยมือเธอไป เขามีเวลาอยู่เคียงข้างเธอแค่สามปี แต่สามปีสุดท้ายก็ยังไม่อยู่เคียงข้างเธอเหรอ?
ถ้าหากเธอดื้อด้านลืมเขาไม่ได้ เริ่มความรักครั้งใหม่ไม่ได้ งั้นแม้แต่รื้อฟื้นความทรงจำขั้นพื้นฐานที่สุดเธอก็ไม่มีแล้ว
โห้หลีเฉินไม่เคยรู้สึกมาก่อนว่ามีชีวิตอยู่ต่อจะทำให้เขาเร่งรีบขนาดนั้น แต่ก็ไร้เรี่ยวแรงขนาดนั้น
เขากุมมือของเธอไว้แน่น เม้มริมฝีปากบางไว้ไม่พูดจา เงียบกริบไม่ส่งเสียงอะไร
ไม่สามารถปฏิเสธ และไม่รู้ควรจะตอบยังไง
เย้นหว่านมองเขาด้วยแววตาเปล่งประกาย กิริยาท่าทางกลับเด็ดขาดและแน่นอนมาก
จากความเจ็บปวดและความช็อกในตอนแรก ถึงแม้เธอยังไม่ได้ฟื้นฟูกลับมา แต่ตอนนี้กลับชัดเจนแจ่มแจ้งมาก ไม่ว่ายังไงเธอก็จะอยู่กับโห้หลีเฉิน
จะสามปีก็ดี สามเดือนก็ช่าง หรือแม้แต่สามวันเธอก็จะอยู่กับเขา
ส่วนต่อไป…….
เย้นหว่านแค่คิด หัวใจก็รู้สึกเจ็บจี๊ดๆแล้ว
เย้นโม่หลินมองทั้งคู่ด้วยสายตาหนักหน่วง หนักหน่วงจนราวกับจะหยดน้ำออกมา
ถึงขั้นนี้แล้ว เย้นหว่านยังไม่คิดจะละทิ้งโห้หลีเฉินอีกเหรอ?
มีอายุขัยแค่สามปี ยังมีอนาคตอะไรให้พูดถึงอีก?
เย้นโม่หลินตำหนิด้วยเสียงเย็นชา “เสี่ยวหว่าน เธออย่าเอาแต่ใจเลย! เธอเคยคิดหรือเปล่าว่าสามปีข้างหน้า ถ้าเขาตายแล้วเธอจะทำยังไง?”
อยู่กับความทรงจำไปตลอดชีวิต?
แววตาของเย้นหว่านระยิบระยับ เธอไม่เคยคิดและไม่กล้าคิด แต่นาทีนี้ ในใจกลับมีความคิดที่ชัดเจนโผล่ขึ้นมา——ตายไปพร้อมกับเขา
ไปอีกโลกหนึ่งกับโห้หลีเฉิน ค่อยพบเจอกับเขาอีกครั้ง
แต่คำพูดนี้ เธอจะไม่พูดกับใครทั้งนั้น
เธอกัดฟันและพูดเบาๆ “ไม่ว่าจะตอนนี้หรืออีกสามปีข้างหน้า ถ้าไม่มีเขา ฉันก็จะตายทั้งเป็น”
แววตาของเธอ คือความเด็ดขาดที่แน่วแน่ไม่เปลี่ยนแปลง แม้กระทั่งคือแสงของความเฉียบขาดที่มากกว่า
มองจนเย้นโม่หลินกระวนกระวายใจ
เขากุมมือแน่นด้วยจิตใต้สำนึก ในใจสิ้นหวังและเศร้าหมอง เขาเคยคาดหวังว่าอยู่ตรงหน้าความเป็นความตาย เย้นหว่านอาจจะสามารถทำใจได้บ้าง ขอแค่เธอมีการลังเลนิดหน่อย เขาก็จะขืนใจดึงเธอออกจากข้างกายของโห้หลีเฉิน
แต่เธอไม่มี ไม่มีเลยสักนิด