สัญญารัก คบกับประธานฮั่ว30วัน - บทที่633 เรื่องมีการพลิกผัน
แม้กระทั่ง ทำให้เขารู้สึกได้ถึงความเฉียบขาดที่อันตราย
เขาไม่รู้ในใจเย้นหว่านคิดยังไงกันแน่ แต่ไม่ใช่เรื่องดีแน่นอน
ป่ายฉีมีสีหน้าแววตาที่ซับซ้อน เดินมาที่ข้างกายเย้นโม่หลิน ยื่นมือตบไหล่ของเขา ถอนหายใจแล้วพูดว่า “ผลลัพธ์ที่นายไม่อยากเห็นก็ได้เห็นแล้ว”
ที่หมายถึงคือ ความจริงที่อยู่ตรงหน้า และท่าทีของเย้นหว่าน
ถึงจะไม่ยินยอมยังไง ก็ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงและหวั่นไหว
สีหน้าแววตาของเย้นโม่หลินระยิบระยับอย่างไม่หยุด สายตามองมือของเย้นหว่านและโห้หลีเฉินที่จับแน่นด้วยกัน ทั้งโกรธและจนปัญญา
จะเป็นหรือตาย ก็ไม่สามารถแยกจากกัน เกรงว่าบนโลกใบนี้คงไม่มีวิธีอะไรสามารถแยกพวกเขาออกจากกันแล้ว
ถึงจะไม่พอใจโห้หลีเฉินก็เหอะ แต่นาทีนี้ อยู่ตรงหน้าความรักที่แน่วแน่ไม่หวั่นไหวของทั้งคู่ เย้นโม่หลินก็หาคำพูดมาขัดขวางไม่ได้อีก
สายตาเยือกเย็นของเขาจ้องไปที่โห้หลีเฉิน แต่ละถ้อยคำของเขาเปี่ยมล้นไปด้วยการข่มขู่ “ถ้านายรังแกเสี่ยวหว่าน ก็ถึงเวลาตายของนายแล้ว”
โห้หลีเฉินอึ้งเล็กน้อย
เวลาแบบนี้ เย้นโม่หลินพูดแบบนี้กับเขา ไม่เท่ากับ……
ยอมให้เขาอยู่กับเย้นหว่าน?
แต่จะเป็นไปได้ยังไง? !
อาการป่วยของเขาในตอนนี้ อนาคตดับสนิท ตามระดับความหวงที่เย้นโม่หลินมีต่อน้องสาว เขาจะไม่ยอมเห็นน้องสาวจมเข้าไปในดินโคลนอย่างแน่นอน
นอกเสียจาก……
โห้หลีเฉินม่านตาหดตัว เกร็งไปทั้งตัว
เย้นโม่หลินที่หน้าเขียวหน้าดำไม่ยินยอม ได้ทิ้งคำพูดเย็นชาไว้ให้ป่ายฉี “นายไปพูดเอง”
ป่ายฉี “……..”
ยักไหล่อย่างจนปัญญา เขารู้แล้วเชียวว่าคนที่ทำเรื่องชั่วคือเขา คนที่มาเก็บกวาดก็ยังคือเขาอีก
“ฮึ่มๆ”
ป่ายฉีกระแอมทีหนึ่ง จากนั้นได้ฉีกรอยยิ้มออกมา มองหน้าเย้นหว่านแล้วพูดว่า “เสี่ยวหว่าน ถึงแม้โห้หลีเฉินสามารถมีชีวิตอยู่แค่สามปี แต่ว่า ผมก็มีวิธีช่วยเขาอยู่”
หยุดไปครู่หนึ่ง เขาได้พูดเสริมอีกคำ “รวมทั้งรักษาโรคหมันของเขาด้วย”
เย้นหว่านแข็งทื่อในทันที แทบไม่กล้าเชื่อสิ่งที่ตนเองได้ยิน
มองรอยยิ้มของป่ายฉี เธอยังรู้สึกอยู่ในโลกแห่งความฝันเลย อยู่ในโลกแห่งความฝันจนเหมือนกำลังหลอกลวงเธอ
สีหน้าแววตาเธอระยิบระยับ แม้แต่เสียงก็ยังสั่นคลอน “จริง จริงเหรอ?”
หลังจากเศร้าโศกสุดๆเสร็จก็ดีใจสุดๆ
เผชิญกับหน้าตาเซอร์ไพรส์และไม่สบายใจของเย้นหว่าน ป่ายฉีรู้สึกกินปูนร้อนท้อง
ที่จริงตอนแรกเขาก็ควรบอกผลลัพธ์นี้ให้เย้นหว่านก่อน เพื่อเลี่ยงไม่ให้เธอได้ยินคำพูดโศกเศร้าก่อนแล้วจะสิ้นหวังเจ็บปวดจนไม่อยากมีชีวิตอยู่ต่อ
แต่เขากับเย้นโม่หลินรวมหัวกันปุ๊บ กลับวางแผนพูดเรื่องเป็นหมันและตายของโห้หลีเฉินก่อน ถ้าตามคำพูดของเย้นโม่หลินแล้ว ขอแค่เย้นหว่านแสดงออกมานิดหน่อยหรือแค่เสี้ยวเดียวว่าจะไปจากและมีใจถอยออกมาจากโห้หลีเฉินด้วยเหตุนี้ เขาก็จะพาเย้นหว่านไปทันที
ความรักที่ไม่ใช่แน่วแน่ถึงเป็นตายก็ไม่แยกจากกันร้อยเปอร์เซ็นต์ เย้นโม่หลินก็ไม่มีข้อยกเว้นให้เธอกับโห้หลีเฉินได้สมปรารถนาเด็ดขาด
แต่ความตั้งใจที่เด็ดเดี่ยวแน่วแน่ของเย้นหว่าน สุดท้ายก็ทำให้เย้นโม่หลินหมดคำพูด
เป็นหรือตายก็แยกออกจากกันไม่ได้
ยังจะทำยังไงได้?
ได้แต่ให้พวกเขาสมปรารถนาแล้ว!
ป่ายฉีพูดด้วยรอยยิ้ม “จริงๆ”
ผลลัพธ์ที่แน่วแน่และแน่ใจ ทำให้โลกอันมืดมิดของเย้นหว่านมีแสงสว่างโผล่ขึ้นมาทันที
เธอลุกขึ้นมาอย่างเซอร์ไพรส์ กุมมือของโห้หลีเฉินไว้แน่น อดไม่ได้ที่จะตัวสั่น สีหน้าเต็มไปด้วยความตื่นเต้น “โห้หลีเฉิน คุณมีทางรักษาอยู่ คุณยังมีทางรักษาอยู่! คุณไม่ต้องตาย คุณไม่ต้องตายแล้ว!”
เย้นหว่านดีใจจนจะทำอะไรไม่ถูกแล้ว
เธอไม่มีเวลามาสนใจว่าทำไมป่ายฉีไม่พูดผลลัพธ์นี้ออกมาในอึดใจเดียว ยิ่งตระหนักได้อย่างชัดเจนว่า เมื่อครู่หลังจากสิ้นหวังนึกว่าจะสูญเสีย ตอนนี้มาเห็นความหวังอีก เธอยิ่งทะนุถนอมโห้หลีเฉินเพิ่มมากขึ้นแล้ว
โห้หลีเฉินได้ยินคำขู่ของเย้นโม่หลิน ก็พอเดาอะไรได้ลางๆแล้ว ไม่นึกเลยว่าผลลัพธ์จะเป็นแบบนี้
เขาแทบจะเข้าใจความตั้งใจของป่ายฉีกับเย้นโม่หลินในทันที นั่นก็คือเพื่อทดสอบเขากับเย้นหว่าน
ส่วนเย้นหว่าน……
โห้หลีเฉินมองเย้นหว่านที่อยู่ข้างกายที่ดีใจจนกระโดดโลดเต้นเหมือนเด็กด้วยสายตาลุ่มลึก ใจละลายและอ่อนโยนไม่เป็นท่าแล้ว
บททดสอบที่เย้นโม่หลินมีต่อพวกเขา ก็ทำให้เขาช็อกกับความตั้งใจเด็ดเดี่ยวและแน่วแน่ของเย้นหว่านเหมือนกัน
ระหว่างความเป็นกับความตาย เธอเลือกที่จะอยู่ข้างกายเขาอย่างไม่ลังเลเลย
ชีวิตนี้ได้ความรักจากเย้นหว่าน เขาโชคดีมากแค่ไหนแล้ว
โห้หลีเฉินกุมมือที่สั่นคลอนของเย้นหว่านไว้แน่น แค่ยื่นมือก็ดึงเธอมานั่งบนตักตัวเองแล้ว
จู่ๆเย้นหว่านได้เปลี่ยนทิศทางแล้วรู้สึกมึนเล็กน้อย เธอเงยหน้าขึ้นมาอย่างประหลาดใจ…….ทันใดนั้นริมฝีปากบางของเขาก็ได้ประทับมาที่ริมฝีปากเธอแล้ว
ริมฝีปากของโห้หลีเฉินโจมตีมา เร่าร้อนแต่ก็เอาแต่ใจ รักใคร่สุดซึ้งจนทำให้คนใจสั่น
เสี้ยววินาทีนั้นสมองของเย็นหว่านว่างเปล่า
คอยรับรู้กลิ่นไอของเขา อุณหภูมิของเขา ความสุขที่สูญเสียแล้วได้คืนมาทำให้เธอไม่มีเวลามาคำหนึ่งว่ารอบข้างมีใครอยู่บ้าง มือของเธอกอดคอของโห้หลีเฉินด้วยจิตใต้สำนึก แล้วจูบเขากลับอย่างดูดดื่ม
ขอแค่เขายังอยู่ ก็เป็นสิ่งที่มีความสุขที่สุดในชีวิตเธอแล้ว
แขนที่กำยำของโห้หลีเฉินกอดเอวของเย้นหว่านให้แน่นขึ้น
ทั้งคู่ต่างก็กอดอีกฝ่ายไว้แน่น จูบได้รักใคร่สุดซึ้งยากจะจากกัน ราวกับนาทีนี้ก็คือชั่วฟ้าดินสลาย
เย้นโม่หลินมองทั้งคู่ที่จูบกันต่อหน้าทุกคน ทันใดนั้นสีหน้าทั้งแดงทั้งดำ โกรธจนอยากล้มโต๊ะ แต่ก็นึกถึงการตัดสินใจในเมื่อครู่ จึงได้อดทนเอาไว้ด้วยความอึดอัด
เขาเห็นด้วยแล้ว โห้หลีเฉินก็ไม่ไกลจากตำแหน่งน้องเขยของเขาแล้ว
ครั้งนี้ก็อดทนเขาอีกสักครั้งก็แล้วกัน
คนของตระกูลหยูต่างก็เหมือนนั่งรถไฟเหาะยังไงอย่างงั้น เดี๋ยวก็ดิ่งลงไป เดี๋ยวกลับพุ่งขึ้นมาถึงจุดสูงสุด
สีหน้าแววตาซับซ้อนของพวกเขามองทั้งคู่ที่กอดกันด้วยความตื่นเต้น อารมณ์ที่อยู่ในใจกระเพื่อมขึ้นลง ใครก็สงบลงมาไม่ได้
แววตาของหยูฉู่สองระยิบระยับและลุกลี้ลุกลน ลังเลอยู่สักพัก ถึงถามขึ้นมาด้วยเสียงแหบแห้ง “คุณป่ายฉี โรคของโห้หลีเฉิน สามารถรักษาหายได้จริงๆเหรอ?”
ป่ายฉีรู้สึกไม่พอใจกับการที่คนอื่นมาสงสัยทักษะทางการแพทย์ของเขามาก เขาไม่ไว้หน้าเลยสักนิด สายตาเย็นเฉียบจ้องไปที่หยูฉู่สอง และพูดเย้ยหยัน “ขอแค่ยังมีลมหายใจอยู่ ก็ไม่มีคนที่ผมรักษาไม่หายหรอก”
เหิมเกริม
ยโสโอหัง
แต่กลับทำให้คนเกิดความหวังที่รู้สึกสบายใจ
หยูฉู่สองไม่ถือสากับป่ายฉีที่เสียมารยา เขาได้พูดอย่างไม่สบายใจอีก “แต่โรคทางพันธุกรรมของตระกูลหยูได้ถ่ายทอดมาจนถึงทุกวันนี้ นอกจากมีลูกกับคนของตระกูลเย้น และใช้เลือดจากสายสะดือช่วยชีวิต ไม่มีวิธีอย่างอื่นเลยนะ”
หยุดไปครู่หนึ่ง เขาได้ถามอย่างกระวนกระวาย “หรือว่า คุณป่ายฉีคิดค้นวิธีอื่นออกมาได้แล้ว?”
ตอนที่ถามคำถามนี้ หยูฉู่สองถึงขั้นหายใจก็ยังตื่นเต้น
คนของตระกูลหยูต่างก็ตื่นเต้นและกระวนกระวาย มองป่ายฉีด้วยสายตาเปล่งประกาย
ถ้าหากมีวิธีรักษาโรคนี้และสามารถช่วยชีวิตด้วยวิธีอื่นจริงๆ สำหรับตระกูลหยูแล้ว เป็นโอกาสก้าวที่กระโดดและใหญ่ที่สุดจริงๆ
ภูมิหลังและอำนาจของตระกูลหยู ได้อยู่ตำแหน่งสูงสุดของโลกแล้ว เป็นตระกูลที่แข็งแกร่งไม่เป็นสองรองใครของโลก
แต่ถึงจะมีพลังอย่างนี้ก็เถอะ ถึงแม้ยืนเคียงข้างกับตระกูลเย้น แต่แท้จริงแล้ว เพราะโรคทางพันธุกรรมต้องแต่งงานกับคนของตระกูลเย้น ตระกูลหยูยังไงก็ถูกควบคุมโดยตระกูลเย้นอยู่ดี
ไม่งั้นเรื่องใหญ่โตที่เกี่ยวข้องกับการสืบทอดตระกูล ยอมที่จะปลดผู้สืบทอดตระกูลก็ไม่ยอมแตกหักกับตระกูลเย้น
แต่ถ้าหากโรคนี้มีวิธีแก้ไขอย่างอื่น ไม่จำเป็นต้องแต่งงานเชื่อมสายสัมพันธ์กับตระกูลเย้นอีก งั้นตระกูลหยูก็จะโบยบินอิสระอย่างแท้จริงแล้ว
ส่วนว่าที่ผู้สืบทอดตระกูลที่อาการป่วยกำเริบ ก็มีการรับประกันร้อยเปอร์เซ็นต์แล้วว่าสามารถมีชีวิตอยู่ต่อ
ตระกูลหยูก็จะก้าวเข้าสู่ความเจริญรุ่งเรืองอีกขั้น