สัญญารัก คบกับประธานฮั่ว30วัน - บทที่634 ใช้ชีวิตอยู่ร่วมกัน
ป่ายฉีแค่แว็บเดียวก็มองทะลุปรุโปร่งถึงความคิดวางอุบาย ที่แฝงอยู่ภายใต้ใบหน้าที่เป็นมิตรและเร่งรีบของหยูฉู่สอง
ยังไม่พูดถึงเขาคิดค้นวิธีรักษาอย่างอื่นได้หรือเปล่า ถึงคิดค้นออกมาแล้ว ก็ไม่บอกคนของตระกูลหยูง่ายๆหรอก
เขาจะให้ตระกูลเย้นสูญเสียวิธีหน่วงเหนี่ยวตระกูลหยูที่ดีขนาดนี้ไปได้อย่างไร?
เจาพูดประชดประชัน “ย่อมไม่มีวิธีอื่นอยู่แล้วครับ”
แสงของความตื่นเต้นและความคาดหวังในแววตาหยูฉู่สอง พริบตาเดียวก็มืดมนจนดับลงไป
ไม่มี
ตระกูลหยูก็ยังต้องถูกตระกูลเย้นควบคุมอยู่ดี
เดินถนนเส้นเก่าที่เดินมาหลายร้อยปีต่อ ไม่ว่าจะจริงใจหรือเสแสร้ง สมัครใจหรือว่าเจ็บใจ จุดมุ่งหมายและวัตถุประสงค์ข้อแรกของตระกูลยังคงคือรักษาสัมพันธไมตรีกับตระกูลเย้นอีกเช่นเคย
ผ่านไปสักพักถึงสะกดความรู้สึกผิดหวังลงไปได้ หยูฉู่สองถามด้วยเสียงทุ้มต่ำ “แล้ววิธีที่คุณป่ายฉีบอกว่าสามารถช่วยโห้หลีเฉินคืออะไรเหรอ?”
เย้นหว่านที่ถูกโห้หลีเฉินจูบจนหน้ามืดตามัว อยู่ในความเบลอๆกลับจับคำถามนี้ได้อย่างแหลมคม
นี่เป็นคำถามที่เธอเป็นห่วงที่สุด
โห้หลีเฉินไม่ต้องตายแล้ว แต่โรคของเขาจะรักษายังไงกันแน่?
พริบตาเดียวเธอก็ได้สติและถอยหลัง ถอยออกมาจากริมฝีปากของโห้หลีเฉิน
พริบตาเดียวริมฝีปากที่หวานชื่นถอยออกไป โห้หลีเฉินขมวดคิ้วอย่างไม่สบอารมณ์
เขาจ้องเย้นหว่านด้วยสายตากล้ำกลืน มีคำว่าว่าอะไรคือความต้องการยากที่จะเติมเต็มอยู่เต็มหน้า
เย้นหว่านถูกสายตาเร่าร้อนของเขามองจนวุ่นวายและสับสน เธอแก้มแดงก่ำและพูดเสียงอ่อนแอ “พวกเราฟังก่อน ฟังว่าป่ายฉีจะพูดยังไง”
แววตาของโห้หลีเฉินยังคงเศร้าหมอง ไม่พอใจ ฝ่ามือใหญ่ของเขาถูอยู่ที่ช่วงเอวของเย้นหว่านเบาๆ เข้าใกล้เธอ และพูดด้วยเสียงที่เบามาก “เดี๋ยวจูบต่อ?”
จูบต่อ?
ทันใดนั้นแก้มของเย้นหว่านยิ่งแดงก่ำเข้าไปใหญ่ ร้อนจนสามารถทอดไข่ให้สุกได้แล้ว
ตั้งแต่เมื่อครู่ป่ายฉีบอกว่าสามารถช่วยโห้หลีเฉินได้ ออร่าของโห้หลีเฉินก็พุ่งเลย ไม่ถูกควบคุมและอึดอัดอีก เป็นการปลดปล่อยอย่างเดียว ดูมีชีวิตชีวาเหมือนสัตว์ป่าตัวหนึ่ง จะกินเธออย่างไม่มีอะไรต้องคำหนึ่งอีก
เย้นหว่านหัวใจว้าวุ่นไปหมด
แววตาของเธอระยิบระยับ อยากหลบไปหน่อย แต่เพิ่งขยับ มือที่อยู่ช่วงเอวก็ได้จับเธอแน่นยิ่งขึ้น
ใบหน้าหล่อเหลาของเขาเข้าใกล้มาอีกครั้ง ดูเหมือนจะจูบต่อในทันที
เย้นหว่านตกใจจนตัวเกร็งไปหมด หลุดปากออกมาโดยที่ไม่คิดเลย “โอเคค่ะ จูบต่อ”
พอพูดจบ ถึงตระหนักได้ว่าตัวเองพูดอะไรออกมา เย้นหว่านแทบอยากจะกัดลิ้นตัวเองให้ขาดเลย
มุมปากของโห้หลีเฉินกลับยกขึ้นมาอย่างรื่นรมย์สุดๆ จ้องมองเธอด้วยสายตาเร่าร้อน มีแสงของความแข็งกร้าวและการรุกรานระยิบระยับอยู่
หัวใจของเย้นหว่านหดตัว รู้สึกเธออยู่ไม่ไกลจากการถูกกินอย่างราบคาบแล้ว
เย้นโม่หลินที่นั่งอยู่ข้างๆมองทั้งคู่ที่หวานเลี่ยนจนไม่เป็นท่า แล้วขมับกระตุกอย่างแรง ความรังเกียจที่อยู่บนใบหน้ายิ่งหนักขึ้นกว่าเดิม
น้องสาวตัวเองก็ถูกแย่งไปแบบนี้เฉยเลย?
รู้สึกไม่สบายใจมาก!
ใบหน้าหล่อเหลาของเย้นโม่หลินบึ้งตึงไว้ และพูดอย่างเย็นชา “อย่าเพิ่งดีใจไป ถึงแม้โรคของโห้หลีเฉินมีทางรักษา แต่ว่ายาหายากมาก หาไม่เจอก็ต้องตายอยู่ดี”
ถ้าโห้หลีเฉินตาย เขาก็จะพาเย้นหว่านไป!
ได้ยินคำนี้ รอยยิ้มที่อยู่บนใบหน้าเย้นหว่านได้แข็งทื่อทันที สีหน้าซีดเซียวเล็กน้อย
เธอจับโห้หลีเฉินไว้แน่นด้วยจิตใต้สำนึก พร้อมรีบถาม “ยาอะไร? ตกลงรักษายังไงคะ?”
ไม่นึกเลยว่าไม่ใช่ป่ายฉีลงมือเอง ก็จะสามารถรักษาโห้หลีเฉินให้หายได้?
หรือว่าในมือของป่ายฉีก็ไม่มียาชนิดนี้?
เย้นหว่านอกสั่นขวัญแขวนขึ้นมาทันที รู้สึกกระวนกระวายใจ
คนของตระกูลหยู รวมทั้งหยูฉู่สองก็ตื่นเต้นขึ้นมาตามด้วยเช่นกัน
สายตาของทุกคนต่างก็จ้องมองมาที่ป่ายฉีอย่างกระวนกระวาย
ป่ายฉีกลับไม่ได้สังเกตคนอื่น สายตาอ่อนโยนมองไปที่เย้นหว่านและอธิบาย “โรคทางพันธุกรรมของตระกูลหยูมีแค่เลือดสายสะดือที่มาจากลูกของคุณกับโห้หลีเฉินถึงจะสามารถรักษาได้ ไม่มีวิธีอื่น แต่ร่างกายของโห้หลีเฉินได้รับความเสียหายจนเป็นหมัน เดิมทีนี่ก็คือสถานการณ์ที่หมดหนทางช่วยอย่างหนึ่ง
แต่ว่าในความโชคร้ายยังมีความโชคดี ในเมื่อเพราะการกระตุ้นของยาทำหมัน ทำให้โรคทางพันธุกรรมในตัวโห้หลีเฉินกำเริบก่อน ยิ่งร้ายแรงขึ้น แต่ก็เพราะฤทธิ์ที่กระตุ้นซึ่งกันและกันของโรคสองชนิดนี้ ได้ก่อให้เกิดการสกัดกั้นซึ่งกันและกัน เป็นสภาพที่สามารถใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันและจบสิ้นไปด้วยกัน”
คำพูดรวดเดียวนี้ ทำเอาเย้นหว่านฟังจนสีหน้ามึนตึ๊บ
ธอยิ่งตื่นเต้นเข้าไปใหญ่ มองป่ายฉีด้วยสายตาเปล่งประกาย พร้อมถามด้วยความเป็นห่วง “ใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันและจบสิ้นไปด้วยกันหมายความว่ายังไงคะ?”
ป่ายฉีเผชิญหน้ากับเย้นหว่าน มีความอดทนที่คนอื่นก็ไม่สามารถได้เสพสุข
เขาอธิบายต่อด้วยรอยยิ้ม “ก็คือโรคสองชนิด จะออกฤทธิ์ไปพร้อมกัน ขณะที่ทำให้โห้หลีเฉินเป็นหมันและตายในเร็วๆนี้ แต่ในขณะเดียวกันก็สามารถถูกกำจัดทิ้ง และให้โห้หลีเฉินกลับมาเป็นคนปกติ”
เดิมทีกินยาเป็นหมันเข้าไป โห้หลีเฉินก็ไม่มีโอกาสมีชีวิตอีก ราชาแห่งสวรรค์และเทพเซียนก็ไม่มีทางให้เขามีลูกได้อีก แต่ก็เพราะปฏิสัมพันธ์ของโรคทางพันธุกรรม ภายใต้สถานการณ์ที่ทำให้ร่างกายของเขาทำลายถึงขั้นสุด แต่กลับมีโอกาสรอดชีวิตโผล่ขึ้นมาอีก
“โรคทางพันธุกรรมคือสามารถควบคุมและบรรเทาอยู่ ในช่วงระหว่างนี้ เตรียมยาที่ต้องการใช้ทั้งหมดให้ครบ แล้วให้ผมรักษา พื้นฐานสุขภาพของโห้หลีเฉินจะมีอาการเหมือนคนปกติในชั่วคราว อยู่ในช่วงระหว่างนี้ก็สามารถตั้งครรภ์ได้”
แบบนี้ก็มีเลือดสายสะดือแล้ว
เลือดสายสะดือคือยาตัวสุดท้าย หลังจากใช้แล้ว การสมดุลในร่างกายของโห้หลีเฉินจะถูกทำลาย และกลายเป็นคนปกติที่แท้จริง!
เย้นหว่านดีใจสุดๆ ที่เห็นล้วนเป็นความหวังที่ชัดเจนสว่างไสว เธอถามอย่างอดใจรอไม่ไหว “แล้วโรคทางพันธุกรรมจะบรรเทายังไง? ยาพวกนั้นอยู่ที่ไหน?”
แววตาของป่ายฉีระยิบระยับและซับซ้อนเล็กน้อย
เขามองหน้าเย้นหว่าน ลังเลอยู่ครู่หนึ่งถึงได้พูดอย่างอึดอัด “เรื่องที่จะบรรเทายังไง เดี๋ยวผมค่อยบอกคุณ ส่วนยา ต้องการยาสามชนิดที่พิเศษมาก ต้องหามาให้ครบ ส่วนยาพวกนั้นอยู่ที่ไหน ผมรู้แค่คร่าวๆ อีกอย่าง……”
ป่ายฉีหยุดไปครู่หนึ่ง ถึงพูดอย่างช้าๆ “มันหายากมาก”
ป่ายฉีเองก็ยังบอกว่ายาก งั้นต้องไม่ธรรมดาแน่นอน
เย้นหว่านขมวดคิ้ว “ยากยังไง?”
ป่ายฉีพูดด้วยเสียงทุ้มต่ำ “ยาสามชนิดนี้ ล้วนเป็นของล้ำค่าที่ประเมินค่ามิได้ของโลก บ้างก็ไม่รู้ตำแหน่งที่ขึ้นและดำรงอยู่ของมัน บ้างก็ถูกตระกูลใหญ่โตอื่นบูชาอย่างกับของล้ำค่า”
ทุกชนิด ล้วนเป็นสิ่งที่หายากของโลก
ไม่งั้นตามความสำเร็จที่ป่ายฉีมีต่อทางด้านการแพทย์ เขาก็ได้วิจัยคิดค้นของที่มีมูลค่านี้ตั้งนานแล้ว
แววตาของเย้นหว่านระยิบระยับ
พอฟังปุ๊บ ก็รู้เลยว่ายาพวกนี้ต้องหายากมากเลย
เธอมองโห้หลีเฉิน จากนั้นได้พูดอย่างแน่วแน่ “ไม่ว่าจะยากแค่ไหน ฉันก็จะไปหายากลับมาพร้อมคุณค่ะ”
ถึงเป็นของล้ำค่าของตระกูลอื่น เธอก็จะแลกกลับมาอย่างไม่แคร์อะไรทั้งนั้น
ป่ายฉีเม้มปาก และพูดต่อ “ถ้าพวกคุณมีใจเด็ดเดี่ยวแน่วแน่ที่จะไปหา เดี๋ยวผมจะทำแผนให้พวกคุณ พวกคุณไปหาตามเส้นทางในแผนจะสะดวกขึ้น”
ถึงแม้โรคของโห้หลีเฉินมีทางรักษา แต่ยา ช่างล้ำค่าและหายากจริงๆ
ถึงแม้ตระกูลเย้นก็จะส่งคนไปช่วยพยายามตามหา แต่ว่า โห้หลีเฉินอยากมีชีวิตออยู่ต่อ ก็จำต้องไปหาเอง เพื่อเพิ่มความเป็นไปได้ให้สูงขึ้น