สัญญารัก คบกับประธานฮั่ว30วัน - บทที่635 น่ารักจนผมจะควบคุมไม่ไหวอยู่แล้ว
เย้นหว่านพยักหน้า มองโห้หลีเฉินด้วยแววตาแน่วแน่
ไม่ว่าจะยากลำบากแค่ไหน เธอก็จะอยู่ข้างกายเขาแน่นอน
โห้หลีเฉินมองเย้นหว่านด้วยสายตาลึกซึ้ง มุมปากเผยรอยยิ้มที่เอ็นดูออกมา และกุมมือของเย้นหว่านให้แน่นขึ้นกว่าเดิม
เย้นโม่หลินมองทั้งคู่ด้วยสีหน้าแววตาไม่พอใจ พร้อมพูดอย่างเย็นชา “ตอนนี้เย้นหว่านยังไปหายาไม่ได้”
“เพราะอะไรคะ?”
เย้นหว่านถามออกมาโดยที่ไม่คิด สีหน้าท่าทางแตกตื่นมาก
ถ้าไม่ใช่เพราะตอนนี้ยังเคลียร์งานไม่เสร็จ เธอกะจะดึงโห้หลีเฉินออกไปหายาโดยตรงแล้ว
เรื่องเกี่ยวพันถึงชีวิตความปลอดภัยของโห้หลีเฉิน เธอรอไม่ได้แม้แต่วินาทีเดียว ยิ่งไปกว่านั้นยังจะเป็นคนไปหากับโห้หลีเฉินเอง
เย้นโม่หลินมองทั้งคู่ด้วยสายตาเย็นชา สุดท้ายได้หยุดอยู่ที่โห้หลีเฉิน เขาพูดอย่างเย็นชา “นายอยากอยู่กับเสี่ยวหว่านอย่างเปิดเผย และพาเสี่ยวหว่านไป จะต้องให้พ่อแม่ของเสี่ยวหว่านเห็นด้วยก่อน”
ถึงแม้เย้นโม่หลินยอมให้ทั้งคู่อยู่ด้วยกัน แต่เย้นหว่านออกเดินทางไกลไปหายากับโห้หลีเฉิน เรื่องที่จากไปนานและอันตรายแบบนี้ จะต้องได้รับอนุญาตจากพ่อแม่ก่อน
คิ้วที่สวยงามของเย้นหว่านได้ขมวดขึ้นทันที
เรื่องของกู้ซึงยังปิดบังคนในบ้านอยู่ ตอนนี้คาดว่าพ่อกับแม่คงนึกว่าเธอยังฮันนีมูนกับกู้ซึงอยู่ ในใจไม่มีแนวคิดว่าเธออยู่กับโห้หลีเฉินเลยสักนิด
ถึงเธอกับโห้หลีเฉินจะเกิดเรื่องมากมายขนาดนี้ก็เถอะ แต่สำหรับพวกท่านก็ยังคือหลอกลวงอยู่ดี แว็บแรกที่เห็นโห้หลีเฉินก็อาจจะไล่ตะเพิดเขาออกไปโดยตรงอีกเช่นเคย
อยากให้พ่อแม่เห็นด้วย เกรงว่าคงจะยากเย็นแสนเข็ญมากเลย
แต่โห้หลีเฉินในตอนนี้ ไม่มีเวลามากมายขนาดนั้นไปรอแล้ว
เวลาสามปีจะบอกว่ายาวมันก็ยาว แต่จะบอกว่าสั้นมันก็สั้น ยาสามชนิดนั้นหายากขนาดนั้น ไม่แน่หายาชนิดหนึ่งก็ต้องใช้เวลาปีสองปีแล้ว
แต่พอเย้นหว่านไปปุ๊บ ถ้าเร็วหน่อยก็อาจจะไม่กี่เดือน ถ้าช้าหน่อยก็อาจจะหลายปีเลย
ในฐานะที่เป็นลูกสาว เดินทางไกลไม่บอกกับพ่อแม่คืออกตัญญู
ในใจของเย้นหว่านรู้สึกลังเล สีหน้าเต็มไปด้วยความเศร้าและความโกรธ
โห้หลีเฉินมองสีหน้าของเย้นหว่านแล้วค่อนข้างสงสาร เขายื่นฝ่ามือใหญ่ออกลูบศีรษะของเย้นหว่าน และพูดด้วยเสียงที่มีแรงดึงดูด “ผมก็ควรต้องไปเจอหน้าพ่อแม่คุณแล้ว”
เย้นหว่านลังเล “แต่ว่า…..”
“วางใจเถอะ ไม่ว่ายังไงครั้งนี้ผมก็จะไม่แยกจากกับคุณแน่นอน”
เหมือนมองความกังวลของเย้นหว่านออก น้ำเสียงของโห้หลีเฉินแน่วแน่เหมือนให้คำมั่นสัญญา “ผมรับประกัน ว่าจะพาคุณไปหายาแน่นอน”
มองหน้าตาให้คำมั่นสัญญาอย่างแน่วแน่ของโห้หลีเฉิน ในที่เย้นหว่านที่กระวนกระวายก็สบายใจขึ้นมาบ้างแล้ว
เธอมองเขาด้วยสายตาเปล่งประกายแล้วพูดว่า “จะเสียเวลานานไม่ได้ ถ้าพ่อแม่เล่นแง่ไม่เห็นด้วย ฉันก็จะหนีไปกับคุณค่ะ คุณไม่รับปากไม่ได้นะ!”
เย้นโม่หลิน “…….”
เขายังยืนอยู่ที่นี่นะ!
เย้นหว่านพูดแบบนี้ มีที่พึ่งจึงไม่เกรงกลัวเกินไปหรือเปล่า
โห้หลีเฉินยิ้มอย่างจนปัญญา แขนที่กอดช่วงเอวของเย้นหว่านได้กอดแน่นขึ้นกว่าเดิม
เสียงของเขาแฝงด้วยรอยยิ้มที่มีความสุข “เย้นหว่าน คุณน่ารักจนทำให้ผมจะควบคุมไม่ไหวอยู่แล้วนะ”
เย้นหว่านแก้มแดงก่ำ มือเล็กๆกำเป็นหมัดทุบตีอยู่ที่ไหล่ของเขาอย่างโกรธ
“ฉันพูดเรื่องจริงจังกับคุณอยู่นะ!”
ไม่จริงจังเลยสักนิด
ในหัวมัวแต่คิดอะไรอยู่เนี่ย?
โห้หลีเฉินที่ภายนอกดูสูงส่งและสง่าผ่าเผย ฉลาดมองการณ์ไกลและเฉียบคมล้วนเสแสร้งออกมาทั้งนั้นเหรอ ที่จริงเนื้อแท้ของเขาก็ยังคงเป็นสัตว์ที่ใช้ช่วงล่างมาตัดสินอารมณ์?
เย้นหว่านหดหู่
เรื่องที่เย้นหว่านกับโห้หลีเฉินกลับตระกูลเย้นได้ข้อสรุปแล้ว คนของตระกูลหยูต่างคนต่างความคิด ต่างก็มีความกังวลต่างๆนานา
หยูฉู่สองเป็นตัวแทนเปิดปากพูด “คุณชายเย้น โห้หลีเฉินคือผู้สืบทอดตระกูลหนึ่งเดียวของตระกูลหยู ถ้าสามารถรักษาโรคของเขาหาย ตำแหน่งหัวหน้าตระกูลก็จะมอบให้เขาในทันที เพราะฉะนั้นเรื่องแต่งงานของเขากับเย้นหว่าน ตระกูลหยูสนับสนุนอย่างยิ่งครับ”
คำพูดนี้ ได้แสดงท่าทีตอนนี้ของตระกูลหยูออกมาอย่างชัดเจน
ตั้งแต่รู้ว่าโห้หลีเฉินมีสายเลือดเป็นโรคทางพันธุกรรม คนของตระกูลหยูต่างก็มีใจเอนเอียงไปหมด ขอแค่สามารถรักษาโห้หลีเฉินหาย ไม่ว่าโห้หลีเฉินจะหัวแข็งดื้อรั้นแค่ไหน เขาก็จะเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดของหัวหน้าตระกูลหยู
เพราะมีเขา คลังสมบัติของตระกูลหยูที่ปิดตายมานานถึงจะถูกเปิดออก ตระกูลหยูถึงจะก้าวไปข้างหน้าอีกขั้น
อาจจะก้าวกระโดดกลายเป็นเจ้าแห่งวงการระดับโลก
เย้นโม่หลินไม่รู้สึกเหนือความคาดหมายกับผลลัพธ์นี้เลยสักนิด ตระกูลหยู เป็นตระกูลที่เลือดเย็นเข้ากระดูกดำและเห็นผลประโยชน์เหนือสิ่งอื่นใด
ถ้าไม่ใช่ความรักของโห้หลีเฉินกับเย้นหว่านมาถึงขั้นนี้แล้ว เขาจะไม่ยอมให้น้องสาวหัวแก้วหัวแหวนของตัวเองแต่งเข้าตระกูลหยูแน่นอน
เพราะยังไงซะงานแต่งเชื่อมสายสัมพันธ์แบบนี้ ถึงเป็นลูกสาวของญาติทางสายเลือดก็ยังสามารถมารับหน้าที่เลย
ท่าทีที่เงียบกริบของเย้นโม่หลิน ไม่สนับสนุนและไม่ได้ปฏิเสธ ก็หมายถึงยอมรับแล้ว
ถึงแม้หยูฉู่สองถูกละเลย รู้สึกไม่สบอารมณ์ แต่สุดท้ายผลลัพธ์ก็ทำให้เขาค่อนข้างพึงพอใจอยู่
ปัญหาใหญ่ที่สุดของตอนนี้ก็คืออาการป่วยของโห้หลีเฉิน จะหายาเจอและรักษาหายอย่างสิ้นเชิงหรือเปล่า
หยูฉู่สองหันไปมองป่ายฉีแล้วถาม “คุณป่ายฉี ไม่ทราบว่าถ้าจะรักษาโห้หลีเฉินหาย จะต้องใช้ยาสามตัวไหนกันแน่? ที่ฉันมีทรัพยากรอยู่ไม่น้อย ลองดูว่ามีหรือเปล่า ถ้าไม่มี ค่อยส่งคนไปตามหาด้วยกัน คนเยอะพลังก็ย่อมเยอะกว่า”
อีกอย่างความสามารถของตระกูลแข็งแกร่ง ดูถูกไม่ได้ สามารถเพิ่มความสำเร็จในการหายาสูงขึ้นและสูงขึ้นอีก
สายตาเยาะเย้ยของป่ายฉีมองหยูฉู่สอง จากนั้นได้มองดูอาวุโสทั้งหลายของตระกูลหยูรอบหนึ่งแล้วหัวเราะเยาะ “หลายชั่วโมงก่อน พวกคุณยังเป็นตายร้ายดียังไงก็จะปลดโห้หลีเฉินทิ้งเชียวนะ ผมไม่กล้าให้พวกคุณไปหายาที่ช่วยเหลือชีวิตคนแบบนี้หรอก ถ้าหากพวกคุณหายาเจอก่อน แล้วทำลายยาทิ้งล่ะ”
“เป็นไปไม่ได้แน่นอน!”
อาวุโสท่านหนึ่งเดินออกมา เปิดปากพูดให้คำมั่นสัญญา
สายตาของป่ายฉีเย็นชา เหลือบมองอาวุโสผมเงินที่ยืนหน้าบึ้งอยู่ช้าๆ “เกรงว่าอาวุโสท่านนี้คงจะไม่ได้คิดแบบนี้มั้งครับ?”
สายตาของทุกคนต่างก็มองอาวุโสผมเงินตามป่ายฉี
ทันใดนั้นสีหน้าอาวุโสทั้งหลายของตระกูลหยูเปลี่ยนมาดำทันที ดูจากปฏิกิริยาทั้งหมดของอาวุโสผมเงินในวันนี้ พวกเขาต่างก็รู้ดีแก่ใจ ในใจของอาวุโสผมเงินท่านนี้คือเอียงไปทางหยูซือห้าน
ถึงตอนนี้รู้ลักษณะทางพันธุกรรมที่ยอดเยี่ยมของโห้หลีเฉินแล้ว ก็ไม่เห็นเขาหัวเราะอย่างดีอกดีใจเลย
เห็นได้ชัด ถึงโห้หลีเฉินมียีนของโรคทางพันธุกรรม ก็ไม่ได้รับการสนับสนุนและความโปรดปรานจากหัวหน้าผู้อาวุโสเลย
ด้วยความดื้อด้านของหัวหน้าผู้อาวุโส มีความเป็นไปได้สูงที่จะหายาเจอแล้วทำลายทิ้ง
คิดถึงตรงนี้ อาวุโสทั้งหลายของตระกูลหยูแทบจะไม่สามารถหักล้างป่ายฉีได้ ในใจหดหู่ แม้แต่สายตาที่มองอาวุโสผมเงินก็กลายเป็นไม่พอใจอย่างยิ่งแล้ว
ทันใดนั้น อาวุโสผมเงินก็ได้กลายเป็นเป้าที่ทุกคนโจมตี
สีหน้าของอาวุโสผมเงินยิ่งดูแย่ขึ้นมาทันที
สีหน้าของหยูฉู่สองก็ค่อนข้างทนไม่ไหวแล้ว สีหน้าแววตาของเขาตึงเครียด ผ่านไปสักพักถึงเปิดปากพูด “คุณป่ายฉีไว้ใจเถอะ โห้หลีเฉินเป็นผู้สือบทอดของตระกูลหยู ยิ่งคือสายเลือดที่ล้ำค่าที่สุด ตระกูลหยูเรามีใจตรงกัน จะต้องสนับสนุนเขาอย่างเต็มที่แน่นอน
แน่นอน หายาอะไร ไปหาที่ไหน ล้วนเป็นเรื่องที่ความลับขั้นสุดยอด พวกเราจะส่งคนไปหา ก็จะส่งคนที่ไว้ใจได้ที่สุดไปหาแน่นอน”
พอพูดจบ หยูฉู่สองหยุดไปครู่หนึ่ง แล้วมองอาวุโสผมเงินด้วยสายตาที่มีความหมายอย่างอื่นแล้วพูดต่อ “ตระกูลหยู จะไม่ให้คนที่มีความคิดต่างกันเข้าร่วมกระบวนการตามหายาแน่นอน”
คำพูดนี้ไม่ได้เปิดโปง แต่ใครๆฟังออกว่ามุ่งเป้าไปที่หัวหน้าผู้อาวุโส
หัวหน้าผู้อาวุโสที่ทุกคนให้การสนับสนุน ได้กลายเป็นคนที่ถูกกีดกันและต้องระแวงในทันที!