สัญญารัก คบกับประธานฮั่ว30วัน - บทที่663 ความเอาใจใส่ของโห้หลีเฉิน
บทที่663 ความเอาใจใส่ของโห้หลีเฉิน
“ถ้านายยังพูดว่าให้พาเธอไปประเทศเบียนหนานอีก ฉันจะตัดลิ้นนายซะ”
คุกคามอย่างไม่สะทกสะท้าน
ต้วนอานกลัวจนรับหุบปาก แม้ว่าเขาจะเป็นคนสนิทของคุณชาย โตมาด้วยกันตั้งแต่เด็ก แต่ก็ยิ่งรู้ดี ว่าหากยั่วโมโหเขาแล้ว จะได้ถูกตัดลิ้นจริงๆ
เย้นโม่หลินไม่สนใจต้วนอานอีก ดวงตาจับจ้องไปยังทิศทางที่กู้จื่อเฟยจากไป
ที่นั่น มองไม่เห็นร่างที่วิ่งหนีไปอย่างลุกลี้ลุกลนนั้นแล้ว
อารมณ์ของเขาคุกรุ่นอย่างมาก และก็ราวกับว่างเปล่าไร้จุดยึด
เส้นทางไปประเทศเบียนหนานนั้นอันตรายเกินไป ที่พาเย้นหว่านไปก็เพราะหมดหนทางแล้ว จะทำให้กู้จื่อเฟยไปเสี่ยงอันตรายด้วยอีกไม่ได้หรอก
แต่จะให้ปล่อยเธอไปมันก็….
เมื่อนึกถึงคำพูดของต้วนอาน ที่ไม่นานเธอก็คงคบกับผู้ชายคนอื่น หัวใจของเขาก็เหมือนกับถูกมือใหญ่ข้างหนึ่งบีบไว้ มันบีบรัดอย่างรุนแรงจนแทบจะขยี้หัวใจของเขาให้แหลกสลาย
มันรู้สึกแย่ อึดอัด ราวกับจะระเบิด
ไม่เคยมีความรู้สึกเช่นนี้ พล่านไปทั่วร่างกายของเย้นโม่หลินมาก่อน
ต้วนอานถอยห่างออกไปหลายเมตรอย่างอ่อนแรง รักษาระยะห่างที่ปลอดภัยให้เพียงพอจากเย้นโม่หลินซึ่งอาจคลั่งแล้วทำให้เขากลายเป็นตัวรับกระสุนได้ทุกเมื่อ
แต่เมื่อมองไปยังเย้นโม่หลินที่แทบจะไม่อาจปกปิดความรู้สึกได้นั้น เขาก็รู้ ว่านายน้อยของตนกำลังคิดอะไร
คนงี่เง่าปากแข็ง
ยอมรับว่าชอบมันยากขนาดนั้นเลยรึไง?
ไม่ได้การ เขาต้องคิดวิธีการผลักดันเย้นโม่หลิน ไม่อาจทนมองเขาเสียกู้จื่อเฟยไปแบบนี้ได้ ไม่อาจให้กู้จื่อเฟยกลับเมืองหนานไปจริงๆ
ไม่อย่างนั้น เย้นโม่หลินกับกู้จื่อเฟย อาจหมดหนทางจริงๆ ก็ได้
ต้วนอานลูบคาง แววตาเต็มไปด้วยการคิดคำนวณ ในเมื่อให้กู้จื่อเฟยไปด้วยไม่ได้ งั้นเขาก็จะคิดวิธีอื่น
……
กู้จื่อเฟยยังไม่รู้เลยว่าเธอนั้นเป็นชนวนของการโต้เถียงและความผันผวนครั้งใหญ่
ทั้งยังถูกใครบางคนคาดหวังอย่างลับๆ
เธอหอบถุงใส่ของสองใบอย่างรีบร้อน วิ่งเข้าไปในบ้านของเย้นหว่านเหมือนกับกำลังหนีสุดชีวิต
เธอตรงกลับห้องแล้วล็อกประตู
เธอพิงอยู่บนประตู อ้าปากหอบหายใจ
สีหน้าซีดเผือด รู้สึกแย่เศร้าซึมอย่างพูดไม่ถูก
แม้ในใจจะตัดสินใจแล้วว่าจะยอมแพ้ แต่ทุกครั้งที่ได้เจอเย้นโม่หลิน เธอก็รู้สึกเจ็บปวดขึ้นมาอย่างอดไม่ได้
ชายคนนี้ก็เหมือนยาพิษ เหมือนกับเกลือที่โรยบนแผล เมื่อแตะลงไปย่อมต้องเจ็บ
แต่เธอกลับหลีกเลี่ยงไม่พ้น
รีบจากไปเลยก็ได้แท้ๆ แต่กลับยังอาลัยอาวรณ์ อยากจะอยู่ให้ถึงวันสุดท้าย มองเขาออกเดินทางไปอย่างปลอดภัย
เธอถึงจะไปอย่างไม่เสียดาย
“กู้จื่อเฟย เธอเกินเยียวยาแล้วจริง ๆ ”
กู้จื่อเฟยกระซิบเสียงเบา ก่อนใช้มือตบหน้าตัวเอง
รังเกียจตัวเองนัก
ผ่านไปนาน ในที่สุดเธอก็คลายอารมณ์ลง หลังจากล้างหน้าในห้องน้ำแล้ว จึงใส่ยาคุมกำเนิดเอาไว้ในกระเป๋าถือ แล้วไปที่ห้องของเย้นหว่าน
เพียงเดินเข้าไป ก็สบเข้ากับแววตาที่ร้อนรนของเย้นหว่าน
“จื่อเฟย ทำไมเธอไปนานขนาดนี้? เกิดอุบัติเหตุอะไรขึ้นรึเปล่า?”
เย้นหว่านมองกู้จื่อเฟยอย่างเป็นเคร่งเครียด เมื่อเห็นว่าท่าทางของเธอไม่ดีนัก ในใจก็ยิ่งเป็นกังวลเข้าไปใหญ่
กู้จื่อเฟยส่ายหน้า พยายามรักษาการแสดงออกทางอารมณ์ที่ดีเอาไว้
เธอเอ่ย “ไม่มีอะไร ที่บ้านของเธอไม่ได้เตรียมยาคุมกำเนิดฉุกเฉินเอาไว้ ฉันเลยไปซื้อในเมือง ไปกลับจึงต้องใช้เวลานิดหน่อยเท่านั้น”
กู้จื่อเฟยพูดพลางเดินไปยังข้างเตียง หยิบยาคุมกำเนิดขึ้นมาจากในกระเป๋าถือ
เย้นหว่านถึงได้ถอนหายใจอย่างโล่งอก แต่เมื่อมองไปที่กล่องยาคุมกำเนิด หัวใจก็เต้นแรงขึ้นมา
ของสิ่งนี้ ก็ยังกินเป็นครั้งแรก
ความรู้สึกในใจก็ไม่ได้ดีอะไรนัก
แต่ความตั้งใจของเธอก็แน่วแน่ ไม่ลังเลให้นาน เธอก็แกะยาคุมกำเนิดออกมา
กู้จื่อเฟยรินน้ำให้เย้นหว่านแก้วหนึ่ง แล้วยื่นไปตรงหน้าเธอ
พูดด้วยน้ำเสียงหนักอึ้ง “เสี่ยวหว่าน เธอคิดดีแล้วใช่มั้ย? แม้ครั้งนี้จะกินลงไป แต่ครั้งหน้า และครั้งต่อๆ ไป ภายในสามปีนี้ เธอไม่คิดจะมีลูกเลยเหรอ?”
“สามปีเท่านั้น”
เย้นหว่านยิ้มพลางส่ายหน้า หยิบแก้วน้ำขึ้นมาอย่างเด็ดขาด “ประเทศสนับสนุนการแต่งงานและมีบุตรช้า คุณภาพชีวิตจะได้ดีขึ้น ฉันก็ตอบสนองความต้องการของประเทศนี่ไง”
เมื่อเห็นเย้นหว่านยังมีอารมณ์ที่จะล้อเล่น กู้จื่อเฟยเองก็ยิ้มไปด้วยอย่างช่วยไม่ได้
เรื่องมาถึงจุดนี้แล้ว นอกจากการเป็นห่วง ก็ทำอะไรไม่ได้แล้ว
เย้นหว่านใส่ยาเข้าปากแล้วดื่มน้ำตามลงไปอย่างไร้ความลังเล
จากนั้นจึงวางแก้วลง เธอเอ่ยถาม “ยาคุมกำเนิดที่ใช้ตามปกติเธอได้ซื้อมารึเปล่า?”
กู้จื่อเฟยพยักหน้า แล้วหยิบยาขวดหนึ่งออกมาจากกระเป๋าถือ
เธอพูด “นี่เป็นยาคุมกำเนิดที่แทบจะไร้ผลข้างเคียงที่ฉันหามา กินหนึ่งเม็ดต่อสัปดาห์”
“ขอบคุณนะ”
เย้นหว่านรีบรับขวดยามาทันที
ในนั้นมีใส่ไว้อยู่ไม่น้อย
พกขวดนี้ไป อย่างน้อยระหว่างทางเธอก็ไม่มีอะไรต้องพะวงแล้ว
ขณะที่เย้นหว่านกำลังรับขวดยามา ในตอนนั้นเอง ประตูห้องก็ถูกเปิดออกจากด้านนอกอย่างกะทันหัน
เสียง “แกร๊ก” ดังขึ้น ทำเอาเธอตกใจจนตัวแข็งทื่อ
ในมือของเธอยังถือยาคุมกำเนิดอยู่ กล่องยาคุมกำเนิดฉุกเฉินที่เธอกินเมื่อครู่ก็วางอยู่ตรงนั้นยังไม่ได้ทิ้งไป!
หากถูกใครเห็นเข้า…..
เย้นหว่านยกผ้าห่มขึ้นปิดยาทั้งสองอย่างไม่คิดอะไรทั้งสิ้น
เสี่ยวฮวนที่เข็นรถเข็นอาหารเข้ามา เพิ่งจะเรียกคุณหนูออกจากปาก ก็ตกใจจนถอยกลับไป
คุณหนูกำลังทำอะไรน่ะ?
ผ้าห่มพลิกคว่ำ ผ้านวมส่วนใหญ่ยังคงกองอยู่ที่พื้น แก้วน้ำเองก็นอนกลิ้งอยู่บนพื้น ดูไม่เป็นระเบียบอย่างมาก
ในใจของเสี่ยวฮวนสงสัย แต่ก็ยังรักษารอยยิ้มบางๆ อย่างมืออาชีพเอาไว้
เธอเอ่ย “คุณหนู อาหารกลางวันมาแล้วค่ะ นี่เป็นคำสั่งของคุณโห้ให้ฉันส่งมาให้เป็นพิเศษเลยนะคะ”
พูดดังนั้น เสี่ยวฮวนก็เข็นรถเข็นอาหารเดินเข้ามา
เมื่อเย้นหว่านเห็นว่าเป็นเสี่ยวหว่าน ประสาทที่ตึงเครียดของเธอจึงได้ผ่อนลง
เธอตบหน้าอกเบาๆ “ฉันตกใจแทบตาย เธอเข้ามาทำไมไม่เคาะประตู?”
เธอยังนึกว่าเป็นโห้หลีเฉินกลับมาแล้วซะอีก
ยังไงเสียก็มีแค่บางครั้งที่โห้หลีเฉินเข้ามาถึงจะไม่เคาะประตู
เสี่ยวฮวนรู้สึกขอโทษขึ้นมา เธอรีบอธิบาย “มือของฉันไม่ว่างน่ะค่ะ จึงไม่สะดวก เห็นว่าประตูยังปิดไม่สนิท ก็เลยใช้รถเข็นผลักเข้ามาโดยตรง”
เมื่อประตูเปิด เธอก็ไม่นึกว่าจะมารบกวนอะไรเข้ากะทันหัน
เห็นได้ชัดว่าเธอคิดผิด
กู้จื่อเฟยรู้สึกผิด พูดเสียงอ่อน “ตอนที่ฉันเข้ามาลืมปิดประตูให้ดีน่ะ”
เธอเข้ามาด้วยใจร้อนรน จึงไม่ได้ใส่ใจ
ที่แท้ก็เป็นอุบัติเหตุ
โชคดีที่เสี่ยวฮวนรู้เรื่องยาคุมกำเนิดอยู่แล้ว และไม่ได้เปิดเผยอะไร เย้นหว่านยิ้มแล้วโบกมือ “ไม่เป็นไรไม่เป็นไร เธอวางของไว้เถอะ จริงสิ โห้หลีเฉินบอกจะไม่กลับมาทานข้าวเหรอ?”
ขณะถาม เย้นหว่านก็เลิกผ้าห่มกลับไป แล้วหยิบยาคุมกำเนิดขึ้นมา
กล่องยาคุมกำเนิดฉุกเฉินถูกยัดไว้ในถังขยะ ส่วนขวดยาอีกขวดถูกซ่อนไว้ด้านในสุดของลิ้นชักโต๊ะข้างเตียง
กู้จื่อเฟยและเสี่ยวฮวนมองการซ่อนของของเย้นหว่าน ต่างก็ไม่มีความคิดเห็นใดๆ
จากนั้นเสี่ยวฮวนจึงเอ่ยตอบ “หนึ่งชั่วโมงก่อนคุณโห้โทรศัพท์มาหาฉัน ให้ฉันเตรียมอาหารให้คุณหนูตามเมนูค่ะ เขาไม่ได้บอกว่าจะไม่กลับมา”
เมนูที่โห้หลีเฉินเตรียมให้เป็นพิเศษ?
เย้นหว่านมองไปที่โต๊ะอาหาร ก็เห็นอาหารเบาๆ และซุปตุ๋นยาจีนที่เรียงรายเป็นสีเดียวกัน
ไม่มีแม้แต่พริกสักเม็ดให้เห็น
เย้นหว่าน “….” ทำไมต้องเตรียมของจืดชืดขนาดนี้ให้เธอด้วยเล่า
ขณะที่เธอกำลังห่อเหี่ยวและไม่เข้าใจ ในตอนนั้นเอง เสียงข้อความมือถือก็ดังขึ้น
เมื่อหยิบขึ้นมาดู เป็นข้อความที่โห้หลีเฉินส่งมานั่นเอง