สัญญารัก คบกับประธานฮั่ว30วัน - บทที่664 เหมือนเป็นสามีภรรยากลายๆ
บทที่664 เหมือนเป็นสามีภรรยากลายๆ
โห้หลีเฉิน: เมื่อคือเหนื่อยมากแล้ว วันนี้เธอกินของเบาหน่อยนะ เด็กดี จะได้บำรุงร่างกาย
เมื่อเห็นเนื้อหาของข้อความฉบับนี้ แก้มของเย้นหว่านก็ก็ขึ้นสีแดงเรื่อ ในสมองก็นึกถึงฉากเมื่อคืนขึ้นมาอย่างห้ามไม่ได้
เมื่อคืนหนักหน่วงเกินไป วันนี้เลยต้องกินอะไรจืดชืดงั้นเหรอ?
โห้หลีเฉินนี่มัน!
ขี้โกงชะมัด
เย้นหว่านร้องไห้โดยไม่มีน้ำตามองไปยังอาหารจืดชืดบนโต๊ะ ตอบข้อความกลับไปอย่างยากเย็น
เย้นหว่าน: นายจะกลับมากินข้าวมั้ย?
โห้หลีเฉิน: ยุ่งมากเลย กลับไปได้ เธอเป็นเด็กดีกินข้าวไปก่อนนะ ตอนค่ำฉันจะกลับไปอยู่ด้วย
ตามที่ว่าพวกเขาต้องสร้างรถบังคับดัดแปลงกันชั่วคราว การออกแบบนั้นโห้หลีเฉินเป็นคนทำเองทั้งหมด ตอนนี้พวกเขาคงจะยุ่งจนเท้าไม่ติดพื้นทีเดียว
เย้นหว่านเข้าใจ แต่ก็ค่อนข้างเสียใจอยู่เหมือนกัน
เมื่อคืนเล่นหนักขนาดนั้น ร่างกายเขาจะเป็นยังไงบ้างนะ?
คิดๆ ดูแล้ว เย้นหว่านจึงส่งข้อความไปให้เขา: อย่าลืมกินข้าวด้วยนะ
โห้หลีเฉินตอบกลับในไม่กี่วินาที: โอเค
จากนั้น เขาก็ส่งข้อความมาอีกฉบับ: ร่างกายสบายขึ้นหน่อยรึยัง?
คำถามนั้นทำให้เย้นหว่านนึกถึงขาที่อ่อนแรงของเธอทันที
ชั่วขณะนั้น เธอก็คิดสกปรกขึ้นมาอีกครั้ง
เธอไม่สบายใจอย่างมาก ตอบกลับ: โอเคแล้ว ไม่เป็นไรแล้วล่ะ ถึงชายามบ่ายนายไม่ต้องให้เสี่ยวฮวนเอามาให้แล้วนะ ฉันออกไปกินเองได้แล้ว
ขณะพิมพ์ข้อความ เย้นหว่านก็เหลือบมองสองคนข้างๆ อย่างอายๆ
ต้องนอนอยู่บนเตียงเพราะเรื่องแบบนั้นแท้ๆ ยังต้องให้คนมาส่งข้าวส่งน้ำ ดูแลอย่างกับคนป่วย น่าอับอายมั้ยล่ะ?
โห้หลีเฉิน: ไม่เลว ฟื้นตัวได้ดีมาก งั้นคืนนี้ก็ต่อได้แล้วใช่มั้ย?
เมื่อเห็นตัวอักษรในมือถือ มุมปากของเย้นหว่านก็กระตุกอย่างรุนแรง
คนบ้าเอ้ย
เขายังมียางอายอยู่อีกมั้ยเนี่ย
เธอสบายดีแล้วไม่นึกว่าปฏิกิริยาแรกของเขาจะเป็นการรังแกเธอต่อตอนกลางคืนซะงั้น
เย้นหว่านฟึดฟัดปิดมือถืออย่างรวดเร็ว ไม่สนใจเขาอีก
แต่แก้มของเธอนั้นร้อนผ่าว เป็นสีแดงราวกับผลแอปเปิ้ลสุก
กู้จื่อเฟยมองเย้นหว่านอย่างมีเลศนัยพลางพูดด้วยรอยยิ้มหยอกล้อ
“อุ้ยตาย คุยเรื่องลามกอะไรกันน่ะ? แค่ไม่กี่ข้อความก็เขินซะขนาดนี้”
แก้มของเย้นหว่านยิ่งแดงเข้าไปใหญ่
เธอพูดอย่างเขินอาย “เปล่าสักหน่อย เธออย่าคิดไปไกลสิ ฉันแค่ร้อนนิดหน่อย”
พูดจบ เธอก็ผลักผ้าออกแล้วลงจากเตียง
“จื่อเฟย มากินข้าวด้วยกันเถอะ”
ครัวอาหารของเย้นหว่านนั้นมีจุดเด่นเล็กน้อย คือไม่ว่าจะทำให้คนคนเดียว หรือจะคนให้หลายคนกิน ก็จะทำอาหารทีละมากๆ
เย้นหว่านคนเดียวนั้นกินไม่หมด สามารถแบ่งกับกู้จื่อเฟยได้อย่างสบายๆ
กู้จื่อเฟยเองก็ไม่ใช่พวกดัดจริต เธอตอบรับอย่างรวดเร็ว “ได้เลย”
พูดจบ ก็ลุกขึ้นจากเตียงแล้วกำลังจะเดินไปยังโต๊ะอาหาร
เพียงเพิ่งย่างเท้า เธอก็รู้สึกได้ว่าข้างๆ เธอนั้นมีบางอย่างผิดปกติ
เธอหันไปอย่างกะทันหัน ก็เห็นเย้นหว่านที่เพิ่งเดินไปสองก้าวอย่างยากลำบากนั้นหยุดอยู่ที่เดิม
แก้มของเย้นหว่านกลายเป็นสีแดงอีกครั้ง ท่าทีอึดอัดงุ่นง่าน
กู้จื่อเฟยกลอกตา แล้วหัวเราะอย่างขี้เล่น
“เสี่ยวหว่าน ขาอ่อนหมดแรง เดินไม่ไหวแล้วใช่มั้ยล่ะ?”
เย้นหว่าน “…..”
กู้จื่อเฟยยิ่งหัวเราะอย่างมีความสุขมากขึ้น “คนหนุ่มสาวนี่มันจริงๆ เลย ไม่รู้จักหักห้ามใจซะบ้าง ทั้งคืนไม่หยุดไม่พัก จนลุกไม่ไหวเดินไม่รอดแล้ว”
เย้นหว่าน “…..” ยังพูดให้น่าอายได้ยิ่งกว่านี้อีกมั้ย
เย้นหว่านแก้มแดงแจ๋ มองไปที่กู้จื่อเฟยอย่างดุเดือด
แต่สถานการณ์ตอนนี้ของเธอมันค่อนข้างน่าอาย
ตอนที่นอนอยู่บนเตียงก็ไม่ได้รู้สึกอะไร แต่พอลงมาเดินที่พื้นแล้ว ถึงได้รู้สึกว่าขาของเธอยังทั้งปวดทั้งเปลี้ย ตอนเดินยืนอย่างมั่นคงยังไม่ได้เลย
ยิ่งไม่ต้องพูดว่าท่าเดินจะน่าเกลียดขนาดไหน
โต๊ะอาหารห่างออกไปแค่ไม่กี่เมตรแท้ๆ แต่สำหรับเธอในตอนนี้ มันแทบจะไกลเกินเอื้อมเลยทีเดียว
ถ้ายังฝืนเดินต่อไป ไม่รู้ว่าจะโดนกู้จื่อเฟยหัวเราะขนาดไหนอีก
เย้นหว่านขยุกขยิกอยู่สามวินาทีเต็มๆ เธอคิดแล้วคิดอีกแล้วจึงกลับมานั่งบนเตียง
เธอพูดอย่างเคร่งขรึมด้วยสีหน้าจริงจัง “ในเมื่อส่งมาถึงในห้องแล้ว ก็ยกไปกินบนเตียงเลยเถอะ เสี่ยวฮวน ยกอาหารทั้งหมดมา”
พูดดังนั้น เย้นหว่านก็จัดผ้าห่มมาคลุมบนตักของตัวเอง
กระบวนการทั้งหมด ทำไปอย่างเป็นธรรมชาติ
กู้จื่อเฟยมองเธออยู่พักหนึ่ง แล้วหัวเราะ “ฮ่าๆ ๆ ” ออกมาเสียงดังขึ้นมาอย่างทนไม่ไหว
การเหน็บแนมนี้ ทำให้สีหน้าของเย้นหว่านตึงเครียดจนแทบจะแตกร้าวออกมา
ในใจขับเขี้ยวเคี้ยวฟันอย่างไม่พอใจกู้จื่อเฟย
ยัยสัตว์ร้าย
สัตว์ร้าย!
——
ในตอนกลางคืน ท้องฟ้ามืดสนิท
ในที่สุดร่างกายของเย้นหว่านก็ฟื้นตัวดีขึ้นมาเล็กน้อย สามารถลงจากเตียงมาเดินได้แล้ว อย่างน้อยท่าทองก็ไม่ได้น่าอายเกินไป
แต่เธอกลับค่อนข้างรู้สึกดีใจไม่ออก
เธอมองนาฬิกาบนผนังเป็นครั้งคราว จะสามทุ่มอยู่แล้ว โห้หลีเฉินยังไม่กลับมาอีก
ก็ไม่ได้บอกว่าจะยุ่งอีกนานแค่ไหน
เย้นหว่านรออย่างค่อนข้างใจจดใจจ่อ ในใจยิ่งกระวนกระวายขึ้นไปอีก เขายุ่งขนาดนั้น คงจะเหนื่อยมากแน่
แต่เรื่องพวกนี้ เธอกลับช่วยอะไรไม่ได้เลย
รอต่อไปอีกสักพัก ก็ยังไม่เห็นว่าประตูห้องจะถูกเปิดออก เย้นหว่านลังเลเล็กน้อย แล้วจึงตัดสินใจไปอาบน้ำก่อน
เธอไปหยิบชุดเปลี่ยนและผ้าเช็ดตัวที่ห้องเปลี่ยนเสื้อผ้า แล้วหอบเข้าไปในห้องน้ำ
เพียงเพิ่งจะเปิดประตูห้องน้ำ ขณะกำลังจะก้าวเข้าไป เสียง “แกร๊ก” ก็ดังขึ้น แล้วประตูห้องก็ถูกเปิดออกจากด้านนอก
เปิดประตูกว้างด้วยการเคลื่อนไหวที่สะอาดชัดเจน
เย้นหว่านชะงักเล็กน้อย หันมองรอบๆ ก็เห็นชายหนุ่มรูปหล่อที่สวมสูทและรองเท้าหนัง ราวกับเหยียบประกายแสงดาวเอาไว้ เดินเข้ามาจากข้างนอก
เย้นหว่านตาเป็นประกาย เอ่ยอย่างยินดีจนแทบทนไม่ไหว “กลับมาแล้วเหรอ?”
โห้หลีเฉินมองตรงไปที่เย้นหว่าน แววตาวูบไหว มุมปากยกยิ้มร้าย
เขากดเสียงต่ำเอ่ยอย่างมีเลศนัย “อืม ฉันกลับมาแล้ว”
คำพูดแสนเรียบง่าย แต่กลับเหมือนขนนก มาจั๊กจี้หัวใจของเย้นหว่าน
——กลับมาแล้วเหรอ
——ฉันกลับมาแล้ว
ทำไมมันเหมือนบทสนทนาของคู่สามีภรรยาหลังแต่งงานแล้วเลยล่ะ?
ยิ่งคิด ก็ยิ่งเป็นแบบนั้น
เย้นหว่านแก้มแดงเห่อร้อนอย่างไม่เป็นตัวของตัวเอง
โห้หลีเฉินมองตรงไปยังเย้นหว่าน ขายาวก้าวฉับๆ เข้ามาหาเธอ
เขาเอ่ยเสียงเบา “เธอจะอาบน้ำเหรอ?”
เย้นหว่านตอบกลับอย่างงุนงง “อืม อืม”
“ให้ฉันช่วยนะ”
มุมปากของโห้หลีเฉินยกยิ้ม พูดอย่างเป็นธรรมชาติ ราวกับกำลังบอกว่าจะไปเดินเล่นด้วยกันอย่างนั้น
แต่นี่มันอาบน้ำนะ
สมองของเย้นหว่านพลันนึกถึงฉากตอนที่เขาช่วยเธออาบน้ำเมื่อเช้า สองแง่สามง่ามสุดๆ แม้จะไม่ได้ทำเรื่องแบบนั้น แต่เขาก็ลูบเธอขึ้นๆ ลงๆ อยู่ตั้งหลายครั้ง
น่าอายจะตาย
เย้นหว่านส่ายหัวปฏิเสธโดยแทบไม่ต้องคิด “ไม่ต้อง ฉันอาบเองได้!”
ฝีเท้าของโห้หลีเฉินไม่ได้หยุดลง ยังคงก้าวขายาวๆ เข้าไปหาเย้นหว่าน
ขณะเดิน เขาก็ถอดเสื้อคลุมด้วยท่าทางสง่างาม
ทันใดนั้นร่างกายของเย้นหว่านก็ขึงตึงขึ้นมา
เขายังจะช่วยเธออาบน้ำจริงๆ เหรอ? จริงกลัวชะมัด
“ไม่ ไม่ต้อง! ไม่เป็นไรจริงๆ ! ฉันอาบน้ำก่อนนะ บ๊ายบาย!”
เย้นหว่านวิ่งเข้าไปในห้องน้ำด้วยความตื่นตระหนก เธอรีบหันหลังปิดประตูห้องน้ำแล้วล็อกประตูทันที
เพิ่งจะล็อกประตู เธอก็เดินผ่านประตูกระจก แล้วมองเห็นร่างสูงนั้นที่เข้ามาใกล้ด้านนอกประตู
ยืมเป็นเงาตะคุ่ม เหมือนภูเขาลูกใหญ่ แถมยังเป็นภูเขากินคนซะด้วย