สัญญารัก คบกับประธานฮั่ว30วัน - บทที่666 ถูกเห็นเข้าแล้ว!
บทที่666 ถูกเห็นเข้าแล้ว!
เปลวไฟในดวงตาของเขาหายไปอย่างรวดเร็ว มองเธอด้วยความเป็นห่วง “เจ็บหรอ?”
เย้นหว่านกัดฟัน ส่ายหน้าแล้วพยักหน้าอีกครั้ง
พูดด้วยเสียงแผ่วเบา “นิดหน่อย”
เมื่อคืนก่อนรุนแรงเกินไป วันนี้ยังไม่หายดีเลย
แววตาของโห้หลีเฉินฉายความหงุดหงิด เข้าปล่อยเย้นหว่านทันที สีหน้ารู้สึกผิดเล็กน้อย
“ขอโทษนะ เพราะฉันไม่ยับยั้งชั่งใจ”
เมื่อที่กดทับของชายหนุ่มผละออกไป ทันใดนั้นอากาศเย็นก็ปะทะผิว หนาวจนเย้นหว่านเริ่มรู้ตึกตัว
เธอมองเขาด้วยแววตาวูบไหว เก้ๆ กังๆ อย่างไม่รู้ว่าควรทำอย่างไร
มันยังไม่ได้หายดี ก็ยังเจ็บอยู่นิดหน่อย แต่ทนหน่อยก็ยังพอได้
เพียงแต่โห้หลีเฉินก็ลุกขึ้นไปแล้ว คำพูดนั้นก็อายเกินกว่าจะพูด….
แต่ท่าทีของโห้หลีเฉินนั้นแน่วแน่ แทบจะไม่มีความลังเลใดๆ เขาหยิบเสื้อผ้าของเย้นหว่านมาสวมให้เธออย่างนุ่มนวล
ร่างกายเย้นหว่านยังร้อนรุ่มแปลกๆ เมื่อถูกเขาสัมผัส ก็ราวกับถูกไฟช็อต
เธออึดอัดมาก
คิดไม่ถึงเลยว่า หมิ่นเหม่ขนาดนั้น อยู่ๆ จะมาจบนี้
มันไม่ค่อยถูกต้องเท่าไหร่นะ
เมื่อเห็นสีหน้าซึมกระทือของเย้นหว่าน แววตาของโห้หลีเฉินก็มืดลงเล็กน้อย นิ้วเลื่อนผ่านเอวของเธอ
เขาเอ่ยด้วยเสียงแหบพร่า “หรือยังไม่พอ?”
เย้นหว่านตกใจจนตาเบิกโพลง ใบหน้าเห่อร้อนไปหมด
“เปล่าสักหน่อย!”
พูดอะไรเพ้อเจ้อ
โห้หลีเฉินหัวเราะ พลางสวมชุดนอน ก่อนดึงเย้นหว่านให้นอนลงบนเตียง
เขาให้เธอหนุนแขนของเขาแล้วพูดข้างหูเธออย่างกำกวม
“ไม่ต้องรีบ พรุ่งนี้ค่อยเอาใหม่”
เธอรีบที่ไหนกัน? คนที่ดึงเธอมาจูบมาหอมไม่ใช่เขารึไง?
เย้นหว่านยิ่งเซ็งเขาไปใหญ่
“ไม่เอา”
มือเล็กของเธอดันหน้าอกของเขา “วันไหนก็ไม่เอาทั้งนั้น”
โห้หลีเฉินโอบด้านหลังของเย้นหว่านแล้วกอดเธอไว้ในอ้อมแขนอย่างแนบแน่น
ในน้ำเสียงเต็มไปด้วยความเบิกบาน
“คงไม่ได้หรอกนะ เดี๋ยวฉันจะขาดใจเอา”
เย้นหว่าน “…..”
อย่าพูดคำพูดน่าอายแบบนั้นออกมาอย่างมั่นใจนักจะได้มั้ย?
——
แม้ว่าโห้หลีเฉินจะยุ่งมาก แต่ทั้งสองคนก็สามารถอยู่ด้วยกันได้อย่างเปิดเผย วันเวลาเหล่านั้น ก็เหมือนกับทรายที่ไหลผ่านปลายนิ้ว ไม่นานก็ไหลผ่านไป
ไม่กี่วันต่อมา การเตรียมการทั้งหมดของโห้หลีเฉินและเย้นโม่หลินก็เสร็จสมบูรณ์
และก็มาถึงวันออกเดินทาง
การไปครั้งนี้ไม่รู้ว่าจะต้องใช้เวลานานเท่าไหร่กันแน่ ของจำเป็นติดตัวส่วนใหญ่เย้นหว่านก็เอามาแล้ว
เธอกับโห้หลีเฉินอยู่ในห้อง ต่างก็เก็บสัมภาระของตัวเอง
นอกจากกระเป๋าเดินทางใบใหญ่แล้ว เย้นหว่านยังสะพายเป้ที่ใส่ของจำเป็นเอาไว้
และเพื่อป้องกันหากอุบัติเหตุที่ไม่คาดคิด ของในกระเป๋าเป้ใบนี้ก็จะสามารถช่วยชีวิตได้
นี่คือสิ่งที่โห้หลีเฉินเรียกว่าความรู้พื้นฐานกลางแจ้งของเธอ
เพียงแต่ ของที่อยู่ในกระเป๋าใบเล็กของเธอนั้น โห้หลีเฉินเตรียมและใส่ไว้ให้เธอเองทั้งหมด
หลังจากโห้หลีเฉินจัดให้เธอเสร็จแล้ว ถึงได้จัดกระเป๋าเป้ของเขา
เย้นหว่านยืนมองอยู่ด้านข้าง สายตามองไปที่เป้ของตัวเองเป็นครั้งคราว
เป้ใบนี้ เธอจะสะพายติดตัวไปตลอดทาง สะดวกและใช้งานง่าย
นอกจากนี้ด้านในกระเป๋าใส่ของไว้หลายอย่าง โดยทั่วไปคงไม่เปิดมาคุ้ยหาอะไร เธอต้องใส่ของสิ่งหนึ่งไว้ข้างใน และต้องไม่ถูกพบง่ายๆ
คิดดังนั้น เย้นหว่านจึงได้ความคิด
เธอต้องเอายาคุมกำเนิดไปด้วย นอกจากนี้จะให้โห้หลีเฉินเจอไม่ได้
ถ้าใส่ไว้ในกระเป๋าเสื้อผ้า พอเขากอดเธอก็เป็นไปได้มากว่าเขาจะรู้สึกได้
ดังนนั้น ใส่ไว้ในกระเป๋าเป้นี้ จึงเป็นตัวเลือกที่ไม่เลว
ด้วยเหตุนี้ เย้นหว่านจึงฉวยโอกาสตอนโห้หลีเฉินกำลังจัดกระเป๋า แล้วหยิบเป้ใบเล็ก แอบถือเดินไปที่ข้างเตียง
จากนั้นเขาก็เปิดลิ้นชักแล้วหยิบยาคุมกำเนิดข้างในออกมา
เธอรู้สึกผิดเล็กน้อย แต่ก็เคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วแล้วเปิดกระเป๋าเตรียมจะยัดเข้าไป
ในตอนนั้นเอง เสียงของชายหนุ่มก็ดังขึ้นมาจากด้านหลัง “เธอกำลังทำอะไรน่ะ?”
พร้อมกันกับเสียงพูด เสียงฝีเท้าของชายหนุ่มก็แทบจะอยู่ข้างหลังของเย้นหว่านอยู่แล้ว
เขาเข้ามาตั้งแต่เมื่อไหร่น่ะ?!
เห็นไปแค่ไหนแล้ว?
เย้นหว่านเกร็งไปทั้งตัว แม้แต่ขนก็ลุกชันขึ้นมาทันที
เธอยัดยาใส่เป้อย่างรุนแรงทันที รีบร้อนหันตัวกลับแล้วพูดอย่างตื่นตระหนก
“ไม่ ไม่ได้ทำอะไรนี่”
มือทั้งสองถือกระเป๋าเป้แล้วสลับซ่อนไว้ข้างหลัง
การเคลื่อนไหวของร่างกายทั้งหมดเต็มไปด้วยความระแวดระวังและตื่นตระหนก
โห้หลีเฉินหรี่ตา สายตาคมกริบมองตรวจสอบไปที่ตัวของเย้นหว่าน ราวกับจะมองทะลุวิญญาณของเธออย่างนั้น
เขาเอ่ยเสียงทุ้ม “เธอกำลังซ่อนอะไรฉัน?”
หัวใจของเย้นหว่านพลันมาจุกอยู่ที่ลำคอ
เขาเห็นอะไรบางอย่างอย่างที่คิด
ทำยังไงดี
จะสารภาพอย่างตรงไปตรงมาหรือจะปฏิเสธหัวชนฝาแล้วถูกเขารื้อกระเป๋า?
เย้นหว่านลุกลี้ลุกลน
เธอหนีบกระเป๋าไว้แน่นอย่างสุดชีวิต
“ไม่มีอะไรจริง ๆ ”
“เย้นหว่าน เธอโกหกไม่เก่ง”
คำพูดของโห้หลีเฉิน เปิดเผยการหลอกลวงของเธออย่างง่ายดาย
เขายืดขายาว เพียงก้าวเดียวก็มาถึงตรงหน้าของเธอแล้ว
เขาเอื้อมมือไปด้านหลังของเธอ
ร่างสูงใหญ่ของเขา การกระทำนี้เหมือนจะโอบเย้นหว่านเอาไว้ ร่างเล็กของเธอจมเข้าไปในอ้อมแขนของเขา
ระหว่างลมหายใจของเย้นหว่าน ทั้งหมดนั้นคือกลิ่นอายของเขา
มักจะทำให้เธอใจสั่น ในตอนนี้ทำให้เธอทั้งตื่นตระหนกทั้งลนลานและหวาดกลัว
พังแล้ว
เธอแทบจะมีคำนี้ดังวนไปวนมาอยู่ในหัว ไม่กล้าคิดเลยว่า หลังจากโห้หลีเฉินเห็นยาคุมกำเนิดแล้วเธอควรจะอธิบายยังไง
เขาจะโทษตัวเองเพราะเรื่องนี้มั้ย จะรู้สึกแย่รึเปล่า?
ในใจของเธอกระวนกระวายอย่างมาก
แต่ กระเป๋าที่ถือไว้แน่นในมือนั้น ก็ถูกโห้หลีเฉินดึงจนหลุดออกจากการจับยึดของเธอ
โห้หลีเฉินหยิบกระเป๋ามาวางไว้บนเตียง
ปากของกระเป๋านั้นเปิดอยู่ มองเข้าไป ภายในใส่สิ่งของไว้มากมาย แต่มันดูยุ่งเหยิงขึ้นมาเมื่อถูกเย้นหว่านกดลงไปเมื่อครู่
โห้หลีเฉินมองตรวจกระเป๋าเล็กน้อย มองเย้นหว่านอย่างลึกซึ้งมีความนัย
เอ่ย “จะไม่พูดจริงๆ เหรอ?”
แววตาของเย้นหว่านสั่นระริกอย่างไม่สบายใจ แล้วปิดปากสนิทไม่พูดอะไร
แม้จะเป็นปลาขึ้นเขียงแล้วก็ตาม
โห้หลีเฉินมองท่าทีดื้อรั้นของเธอ ก็เม้มปากอย่างไม่มีทางเลือก แล้วมือก็ยื่นเข้าไปในกระเป๋า
หัวใจของเย้นหว่านเย็นวาบ
รอการตัดสินโทษหน้าเขียวหน้าดำไปหมด
มือของโห้หลีเฉินยื่นไปถึงปากกระเป๋า แต่กลับดึงซิปแล้วปิดกระเป๋า
จากนั้นก็เปิดกระเป๋าใบเล็ก แล้วใส่ลิปสติกแท่งหนึ่งเข้าไปด้านใน
การเคลื่อนไหวเป็นไปอย่างราบรื่น ไม่มีการลังเลแม้แต่น้อย เรียบร้อยและชัดเจน
เย้นหว่านมองเขาอย่างเลื่อนลอย ยังคงตกใจจนเรียกสติกลับมาไม่ทัน
เขาไม่ได้ค้นกระเป๋าเธอเหรอ?
ทำไมไม่ดูล่ะ?
โห้หลีเฉินมองท่าทางงุนงงของเธอแล้วยิ้มอย่างจนใจ ดีดนิ้วใส่หน้าผากของเธอ
เอ่ยยิ้มๆ “ลืมใส่ลิปสติกน่ะ”
ดังนั้นเขาจึงเพียงมาใส่ลิปสติกให้เธอ
เย้นหว่านเบิกตาอ้าปากมองเขา ในใจเดี๋ยวสูงเดี๋ยวต่ำ คำพูดหนึ่งโพล่งออกมาอย่างไม่ตั้งใจ
“ทำไมนายไม่ดู?”
เขาแน่ใจว่าเธอมีความลับกับเขาขนาดนั้น
โห้หลีเฉินมองเย้นหว่านอย่างสงบนิ่ง “เธอไม่อยากพูด ฉันก็จะไม่บังคับเธอ ไม่ว่าเรื่องอะไร ถ้าเธออยากจะบอกฉัน ฉันก็พร้อมจะฟังทุกเมื่อ”
เขาอิสระกับเธอมากพอ
เย้นหว่านเหม่อมองโห้หลีเฉิน ในใจพลันอ่อนยวบและสับสน
รู้สึกแสบตื้อที่ปลายจมูก
สิ่งเขามอบให้ คือความเคารพและความทะนุถนอมอย่างที่สุด