สัญญารัก คบกับประธานฮั่ว30วัน - บทที่669 หยุดรถเพื่อเธอ
บทที่669 หยุดรถเพื่อเธอ
เย้นหว่านยิ้มอย่างหยอกล้อ “ได้เลย ตอนที่พี่ชายฉันรังแกนาย นายก็เรียกฉันให้ดังๆ ฉันจะช่วยนายเอง”
ตอบรับอย่างชัดเจน อีกทั้งยังอ้างอิงจากความจริง ถึงเย้นโม่หลินจะไม่กลัวฟ้าดิน แต่กลับรักเย้นหว่านมาก
เพียงแต่ ประโยคนี้ ยังไงก็ฟังดูแปลกๆ ?
นี่เย้นหว่านกำลังล้อเลียนอยู่ใช่มั้ย? !
ป่ายฉีกัดฟันแน่น แล้วพูดทีละคำ “ไม่ต้องวุ่นวายขนาดนั้นหรอก ฉันจะจับเธอมาไว้ตรงหน้า ถ้าเขาจะต่อยฉัน ต้องโดนเธอก่อน”
เย้นหว่าน “……”
ใช้เธอเป็นโล่อย่างนั้นเหรอ? !
เมื่อเห็นเย้นหว่านแสดงสีหน้ายอมรับความพ่ายแพ้แบบนั้น ความรู้สึกของป่ายฉีก็มีความสุขขึ้นมาในทันที เขาฮัมเพลงเบาๆ และเดินจากไปด้วยความสบายใจ
เย้นหว่านจ้องมองแผ่นหลังของเขาแล้วขบฟันแน่น
ไอ้คนเลว อาศัยฝีปากอันร้ายกาจมารังแกเธอได้
ฝ่ามือใหญ่ของโห้หลีเฉินแนบลงบนศีรษะของเย้นหว่าน แล้วลูบอย่างอ่อนโยน
พูดด้วยรอยยิ้ม “เดี๋ยวฉันจะสั่งสอนเขาเอง”
“จริงเหรอ?”
เย้นหว่านเบิกตากว้างด้วยความตื่นเต้นดีใจ มองไปที่โห้หลีเฉินด้วยแววตาเปล่งประกาย ความบูดบึ้งในใจนั้นก็กลายเป็นความสุขทันที
โห้หลีเฉินพยักหน้าด้วยรอยยิ้ม
ดวงตาลึกล้ำ ทอประกายเย็นเฉียบอย่างพินิจพิจารณา
รังแกผู้หญิงของเขาต่อหน้าเขา ป่ายฉีคงอยากโดนไม่ใช่น้อย
ป่ายฉีที่กำลังหันหลังจากไป ทันใดนั้นก็รู้สึกเย็นวาบจากด้านหลัง ทำให้เขาตัวสั่นสะท้านอย่างไม่ตั้งใจ
ทำไมกัน อยู่ดีๆ ก็รู้สึกถึงอันตรายเหมือนกำลังจะโดนต่อย?
สายตาเขาลอยไป เหลือบมองประตูรถที่อยู่ไม่ไกล พลางนึกถึงเย้นโม่หลินที่นั่งอยู่ในรถ……
บางทีอารมณ์โกรธของพี่ใหญ่คงยังไม่ลดลง กำลังรอให้เขาไปขึ้นรถอยู่
ไม่ได้ เขาไม่อยากโดนต่อย
หลังจากลังเลอยู่เสี้ยววินาที ป่ายฉีตัดสินใจก้าวขายาวทันที รีบเดินไปข้างหน้าอีกสองสามก้าว เดินไปข้างรถที่อยู่ด้านหน้าเย้นโม่หลิน แล้วเปิดประตูรถ
บอดี้การ์ดที่นั่งอยู่แถวหลังหันมามองอย่างงงๆ “คุณป่ายฉี มีเรื่องอะไรหรือเปล่า?”
“คุณลงไป”
ใบหน้าบอดี้การ์ดเต็มไปด้วยเครื่องหมายคำถามสีดำ แต่คำสั่งนั้นถือเป็นคำขาด เขาจึงลงจากรถอย่างว่าง่าย
หลังจากนั้นก็เห็นป่ายฉีเดินวางมาดขึ้นรถไป แล้วปิดประตูลงทันที
บอดี้การ์ดยืนอยู่ข้างรถอย่างระเกะระกะ
ตำแหน่งของเขาถูกแย่งไปแล้ว ถ้าอย่างนั้นเขาต้องยืนตรงไหนล่ะ?
“คุณป่ายฉี งั้น งั้นผม……”
บอร์ดี้การ์ดพูดด้วยความตะกุกตะกัก
ป่ายฉีเปิดกระจกรถ ใบหน้าแต้มรอยยิ้ม พูดอย่างใจดี
“คุณไปนั่งรถคันด้านหลังนั้นเถอะ”
คันหลัง?
บอดี้การ์ดหันหน้ามองไปยังรถคันหลัง ผ่านกระจกหลัง มองเห็นเย้นโม้หลินที่กำลังนั่งอยู่ในรถลางๆ ใบหน้าดำราวกับจะฆ่าคน……
บอดี้การ์ด “……”
เขาเลือกจะวิ่งตามรถ
รถกว้างขวางที่ตกแต่งพิเศษ มีสมรรถนะที่ดี หลังจากขึ้นบนท้องถนนก็พุ่งไปยังเป้าหมายอย่างรวดเร็วปานสายฟ้าแลบ
ขบวนรถหกคัน แล่นอยู่บนถนน ทั้งเร็วทั้งวุ่นวาย เป็นที่ดึงดูดสายตา กลายเป็นทิวทัศน์ที่สวยงาม
อีกทั้งระยะทางการเดินรถก็ยังรวดเร็วมาก
ในวันรุ่งขึ้น ได้ออกจากตระกูลเย้นไปไกลแล้ว และยังออกห่างจากชุมชนเมืองไปไกล บนถนนเริ่มพบกับภูเขาและสันเขา เส้นทางเปลี่ยวไม่มีที่อยู่อาศัยของผู้คน
เย้นหว่านเริ่มมองออกไปนอกหน้าต่างเป็นครั้งคราว แต่หลังจากนั่งรถมานานหนึ่งวันกว่า ผ่านถนนหนึ่งหรือสองพันกิโลเมตร ไม่มีความสดชื่นมานานมาก รู้สึกง่วงสักหน่อยก็นอนคว่ำแล้วหลับไป
สองวันมานี้ ผ่านมาอย่างซมซาน
ในขณะนั้น เย้นหว่านกำลังนอนหลับอยู่บนตักของโห้หลีเฉิน ทันใดนั้นก็รู้สึกถึงแรงกระแทกขึ้น
โงนเงนไปมา ปลุกเธอตกใจตื่นจากการนอนหลับ
เธอเงยหน้าขึ้นอย่างเบลอๆ เสียงขึ้นจมูกที่ดูเหมือนยังไม่ตื่น
“เกิดอะไรขึ้น?”
โห้หลีเฉินโอบกอดร่างของเย้นหว่านเอาไว้ ช่วยเธอรักษาสมดุลไม่ให้เซไปด้านหน้า เขาตอบกลับเบาๆ
“ไม่มีอะไร ถนนที่นี่ไม่ค่อยดีหน่ะ”
ว่ากันว่าเส้นทางสู่ประเทศเบียนหนานนั้นหายากและไกลลับตามาก ดังนั้นอาจจะเจอกับทางคดเคี้ยวหรือทางบนภูเขาขรุขระต่างๆ เย้นหว่านได้เตรียมใจไว้แล้ว
เธอก็ไม่ได้คิดมากอีก พร้อมจะนอนต่ออีกครั้ง เมื่อจะหลับตาก็เห็นฉากที่อยู่ข้างนอกโดยไม่ตั้งใจ
เธอตกตะลึงไปชั่วครู่
เห็นเพียงภูเขาที่ปกคลุมไปด้วยหิมะขาวนอกหน้าต่างรถ ยังคงมีหิมะตกหนักบนท้องฟ้า
สวยงามมาก
มันแพรวพราว
แต่ตอนนี้ไม่ใช่ฤดูร้อนหรอกเหรอ? ทำไมถึงหิมะตกได้
เย้นหว่านคิดว่าตนเองนอนเยอะเกินไปจนตาลาย จึงรีบยื่นมือไปขยี้ตา
แล้วมองออกไปอีกครั้ง นอกหน้าต่างยังคงมีหิมะตก
“ทำไมด้านนอกถึงมีหิมะตกได้ล่ะ”
เย้นหว่านลุกขึ้นนั่งจากอ้อมแขนของโห้หลีเฉิน เกาะขอบหน้าต่างและมองไปยังด้านนอกด้วยความตกตะลึง
โห้หลีเฉินเมื่อเห็นพฤติกรรมของเธอก็จนใจ ทำได้เพียงเอนตัวพิงหน้าต่าง มือซ้ายขวาแยกกันจับหน้าต่างรถกับเบาะรถ และโอบเย้นหว่านเอาไว้ในอ้อมแขน เพื่อกันไม่ให้ถูกกระแทก
เขาอธิบายอย่างใจเย็น “พวกเราเข้ามายังเขตที่ราบภูเขาแล้ว ที่นี่ระดับน้ำทะเลสูง อุณหภูมิต่ำ มีหิมะตลอดทั้งปี”
“มาถึงเขตภูเขาหิมะเร็วขนาดนี้เลยงั้นเหรอ?”
เย้นหว่านอุทานด้วยความตกตะลึง จริงๆ แล้วต้องชื่นชมในการขับรถที่รวดเร็วของพวกเขา
เดิมทีเธอคิดว่า อย่างน้อยต้องสามสี่วันกว่าจะถึง
เย้นหว่านมองหิมะที่ลอยอยู่นอกหน้าต่างด้วยสายตามีความสุข หิมะปลิวว่อนไปทั่ว ราวกับวิวที่สวยงามในจินตนาการ
“สวยจริง ๆ ”
เธอถอนหายใจ และยื่นมือไปกดปุ่มควบคุมหน้าต่างรถ ต้องการจะลดกระจกลง และยื่นมือไปรับเกล็ดหิมะสองดอก
แต่ในตอนที่นิ้วมือของเธอเพิ่งจะกดโดนปุ่มควบคุม กลับโดนโห้หลีเฉินจับมือทุกนิ้วไปกุมไว้ เพื่อหยุดการกระทำของเธอ
เย้นหว่านเหลือบตามองด้วยความสงสัย
โห้หลีเฉินพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “ข้างนอกหนาว เปิดหน้าต่างโดนลมแบบนั้นจะเป็นหวัดได้”
ได้ยินโห้หลีเฉินพูดแบบนี้ เย้นหว่านถึงนึกขึ้นได้ แม้ด้านนอกจะมีหิมะลอยเต็มท้องฟ้า ดูแล้วคงจะหนาวมาก แต่ตอนนี้เธอที่ยังคงใส่กระโปรงอยู่ กลับไม่รู้สึกหนาวสักนิดเดียว
ในรถคงจะเปิดเครื่องปรับอากาศเอาไว้ รักษาอุณหภูมิให้คงที่
เธอมองไปยังคนที่นั่งคนขับและที่นั่งผู้โดยสารอีกครั้ง พวกเขาต่างก็สวมสูทบางๆ เห็นได้ชัดว่าไม่สามารถต้านทานต่อความหนาวได้
ความคิดที่จะเปิดหน้าต่างไปจับเกล็ดหิมะว่างเปล่าลง เย้นหว่านรู้สึกผิดหวังเล็กน้อย
โห้หลีเฉินมองความคิดของเธอออก โอบกอดร่างเล็กของเธอไว้และพูด
“รอให้ถึงทางราบก่อนแล้วจะจอดรถพักผ่อน เธอก็เปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วลงไปดูหิมะ”
“จริงเหรอ?”
แววตาของเย้นหว่านเป็นประกายทันที ดีใจขึ้นมา
เมืองหนานคือเมืองที่ไม่มีหิมะตก จริงๆ แล้วเธอโตมาขนาดนี้ยังไม่เคยขึ้นภูเขาหิมะ ดูหิมะตกหนักขนาดนี้มาก่อน
เด็กผู้หญิงทุกคนมีความฝันว่าอยากจะเล่นหิมะรอบใหญ่สักครั้ง เย้นหว่านก็เป็นเช่นนั้น
โห้หลีเฉินลูบผมของเธอ พยักหน้ารัวๆ
จากนั้น หันหน้าทางที่นั่งผู้โดยสารและกำชับเว่ยชี
“ดูแผนที่ หาที่ที่สภาพแวดล้อมดีๆ จอดรถพักผ่อน”
“ครับ คุณชาย”
เว่ยชีรับคำอย่างรวดเร็ว แต่อดไม่ได้ที่จะแขวะในใจ หยุดรถพักผ่อนก็แค่ข้ออ้าง แท้จริงคงอยากให้เย้นหว่านได้ลงมาชมหิมะล่ะสิ
ด้วยเหตุนี้ เขาจึงต้องหาที่ที่สวยงามมากๆ ถึงจะได้