สัญญารัก คบกับประธานฮั่ว30วัน - บทที่676 ในเงามืด
บทที่676 ในเงามืด
รถที่เดิมจอดอยู่นิ่ง ๆ ทันใดนั้นก็สั่นสะเทือนอย่างรุนแรงขึ้นมา จากนั้น ในชั่วขณะที่ไม่มีใครตอบสนองได้ทัน ก็ตกลงไปอย่างกะทันหัน
ในทันใดนั้น ก้นของเย้นหว่านก็หลุดออกจากที่นั่ง ลอยไปบนหลังคารถราวกับสภาพไร้น้ำหนัก
ดูไปแล้วแทบจะชนกับหลังคารถ
“ถล่มแล้ว!”
ข้างหู เสียงทุ้มต่ำที่กำลังสะกดกลั้นอารมณ์ของโห้หลีเฉินดังขึ้น
การเคลื่อนไหวของเขาเร็วมาก เขากอดเย้นหว่านเอาไว้ในอ้อมแขน คาดเข็มขัดนิรภัยของเบาะหลังให้บนตัวเย้นหว่านดัง “แกร๊ก”
ในขณะเดียวกัน ร่างสูงใหญ่ของเขาก็ต่อสู้กับแรงต้านของการตก กดทั้งตัวเอาไว้บนร่างของเธอ ซุกทั้งตัวของเธอเอาไว้ใต้ร่างกายของเขา
การกอดอันแข็งแกร่งของชายหนุ่ม กลับทำให้เย้นหว่านใจเสียและหวาดกลัวถึงขีดสุด
แบบนี้เขาจะได้รับบาดเจ็บมากที่สุดนะ!
เธอเบิกตาเหม่อมอง มองเห็นภายนอกจากหน้าต่างรถที่เอนเอียง มันคือหิมะและก้อนหินที่พังทลายร่วงกราวตามรถของพวกเขาลงมา
แถมพื้นที่ดินถล่มบนถนนเส้นนั้นในเวลานี้มีขนาดใหญ่มาก รถคันข้างหน้าก็ตกลงมากันเกือบทั้งหมด ในความสับสนวุ่นวาย เธอมองไม่เห็นเงาของพวกเย้นโม่หลินเลยสักนิด
พวกเขาเองก็ตกลงมาด้วยรึเปล่า?
เขาไม่รู้
แต่ก็ไม่มีเวลาให้เธอครุ่นคิด วินาทีต่อมา เธอก็รู้สึกถึงแรงปะทะอย่างรุนแรง ตัวรถกระแทกม้วนกลิ้งไปบนเนินลาดชัน เกิดการสะเทือนอย่างรุนแรง จนแทบจะทำเอากระดูกทั่วร่างของเธอแหลกสลาย
ส่วนรถนั้น ยังคงลงไปอย่างรวดเร็ว
ร่างกายของเย้นหว่านปวดแปลบเป็นพัก ๆ ท้องฟ้าหมุนคว้าง ในที่สุดเธอก็ทนต่อไปไม่ไหวจนหน้ามืดหมดสติไป
——
ไม่รู้ว่าผ่านไปนานเท่าไหร่ ที่เย้นหว่านลืมขึ้นมาอีกครั้ง
ตรงหน้า กลับเป็นความมืดที่มองไม่เห็นอะไรเลย มองไม่เห็นแสงสว่าง ไม่มีความหวัง ราวกับอยู่ในนรก
เธอเหม่อลอยอยู่อย่างพักหนึ่ง เรียกสติกลับมาไม่ได้อยู่นาน ไม่รู้ว่าตัวเองยังมีชีวิตอยู่หรือไม่
หรือว่า ร่วงลงมาตายไปแล้ว
ในสมองของเธอ เหมือนกับนึกถึงฉากหนังสยองขวัญที่ตกลงมาจากภูเขาหิมะขึ้นมา
มันถล่มแล้ว
เธอนั่งอยู่ในรถ และตกลงมาพร้แมกับโห้หลีเฉิน
จริงสิ โห้หลีเฉิน?!
หัวใจที่ตายด้านของเย้นหว่านพลันเต้นแรงขึ้น ร่างกายที่แข็งทื่อของเธอถูกสูบฉีกกำลังเข้าไปในชั่วอึดใจ
เธอรีบยกมือขึ้น พยายามสัมผัสคนที่เคยทับอยู่บนตัวเธอตอนแรก
ทว่า เมื่อขยับมือจึงได้พบว่าบนตัวของเธอไม่มีใครทับอยู่ ไม่มีอะไรเลย มันว่างเปล่า
เย้นหว่านแข็งทื่อ สีหน้าซีดขาวเหมือนผีในทันที
เธอนึกขึ้นได้ เมื่อตอนที่ตกลงมา ท่ามกลางการสั่นสะเทือนที่รุนแรงนั้น โห้หลีเฉินไม่ได้คาดเข็มขัดนิรภัย และกอดเธอเอาไว้แน่น รองรับแรงกระแทกส่วนใหญ่ให้กับเธอ
ถึงจะเป็นอย่างนั้น เธอยังหมดสติไปด้วยความเจ็บปวด งั้นไม่ใช่ว่าโห้หลีเฉิน…..
จะบาดเจ็บหนักกว่าเธอเป็นสิบเท่าหรอกเหรอ!
“โห้ โห้หลีเฉิน…..”
เย้นหว่านเอ่ยอย่างสั่นเครือ น้ำเสียงแหบแห้งอย่างรุนแรง
เสียงของเธอสะท้อนในความมืดอันว่างเปล่า ราวกับถูกกลืนกิน ไร้ซึ่งเสียงตอบรับใด ๆ
รอบด้านนั้นเงียบจนน่ากลัว
เส้นประสาทของเย้นหว่านแทบจะตึงเครียดถึงขีดสุด ราวกับจะขาดสะบั้นได้ทุกเมื่อ
โห้หลีเฉินล่ะ? โห้หลีเฉินล่ะ? เธอไม่กล้าคิดเลย
ร่างกายของเธอสั่นสะท้านอย่างไม่อาจทน มือที่สั่นเทาคลำไปรอบ ๆ อย่างสะเปะสะปะ พยายามค้นหาความอบอุ่นที่คุ้นเคย
แต่มันก็ไม่มี
ที่มีอยู่มีเพียงที่นั่งเย็นเฉียบและหน้าต่างรถที่เย็นเป็นน้ำแข็ง
“โห้หลีเฉิน โห้หลีเฉิน! นายอยู่ไหน? นายอยู่ที่ไหน?”
น้ำเสียงอันหวาดผวาของเย้นหว่านสั่นอย่างอยู่ไม่ติด มันสั่นสะท้านอย่างรุนแรง พร้อมกับเสียงร้องสะอึกสะอื้นที่แทบจะไม่อาจควบคุมได้
ความมืดอันไร้ขอบเขต ราวกับจะกลืนกินเธอ
เธอพยายามลุกขึ้นด้วยตัวสั่นเทา แต่เมื่อขยับ นอกจากความเจ็บปวดอย่างรุนแรงจากทั่วร่างกระทั่งรูขุมขนแล้ว ยังมีเข็มขัดนิรภัยที่ดึงเธอไว้
เย้นหว่านกัดฟัน อดทนต่อความเจ็บปวดที่ราวจะฉีกขาด นิ้วมือสั่นระริกปลดล็อกเข็มขัดนิรภัย
เธอรีบคลำไปที่อื่นอย่างรวดเร็วทันที พยายามที่จะค้นหาอะไรบางอย่าง
คลำไปคลำมา เธอก็สัมผัสถูกบางสิ่งเหนียวข้น เปื้อนไปทั้งนิ้วมือ
เธอแข็งทื่อ นี่มันคืออะไร?
เธอขยับนิ้วมือที่เหนียวหนืดไปที่จมูกอย่างเชื่องช้า ทันใดนั้น ก็ได้กลิ่นเลือดอย่างรุนแรง
มันคือเลือด!
ของเธอเหรอ? แต่บนตัวเธอ นอกจากความเจ็บปวดจากการถูกกระแทกแล้ว ก็ดูเหมือนจะไม่มีบาดแผลที่ชัดเจนเลย
นอกจากนี้เลือดนี้ยังเยอะมากด้วย
ชะงักไปไม่กี่วินาที เย้นหว่านก็ตระหนักได้ด้วยความหวาดหวั่น มันเป็นไปได้อย่างมากว่าจะเป็นเลือดของโห้หลีเฉิน
เป็นของเขา
นิ้วมือของเย้นหว่านสั่นระริก รีบร้อนคลำไปข้างหน้าอย่างสั่นเทิ้ม
ตามไปตามรอยเลือดเหนอะหนะนั้น ในที่สุดเธอก็สัมผัสโดนชายเสื้อผ้า สัมผัสเย็นยะเยือก ยังคงเปื้อนไปด้วยเลือดเหนียว มันทำให้ตัวเธอแข็งทื่อ
จากนั้น เย้นหว่านโถมตัวเข้าไปอย่างตื่นตระหนก กอดชายหนุ่มเอาไว้ด้วยสองมือที่สั่นเทา
“โห้หลีเฉิน โห้หลีเฉิน นายเป็นยังไงบ้าง? นายเป็นยังไงบ้าง?”
เมื่อเธอเข้าใกล้จึงได้กลิ่นมันชัดเจนขึ้น กลิ่นเลือดที่รุนแรงจนแทบจะไม่สามารถขจัดออกไปได้
เธอแทบไม่กล้าคิดเลยว่าบนร่างเขามีบาดแผลมากน้อยแค่ไหน เลือดไหลไปเท่าไหร่ บาดเจ็บรุนแรงแค่ไหนกันแน่
ยิ่งไปกว่านั้น เมื่อเธอกอดเขาไว้ รู้สึกได้ว่าร่างกายของเขาแข็งและเย็น เหมือนกับรูปสลักน้ำแข็งที่เย็นเยือก
คนคนหนึ่ง ส่วนมากแล้วมีแต่ตอนอยู่ในสภาพใกล้ตายหรือตายแล้วเท่านั้น ร่างกายถึงจะเย็นและแข็ง
การรู้ถึงเรื่องนั้น ทำให้เย้นหว่านตัวสั่นอย่างรุนแรงด้วยความกลัว
น้ำตาที่เธอกลั้นเอาไว้ ก็ร่วงหล่นลงมาจากดวงตา มันร่วงเผาะลงมาในทันที
เธอร้องไห้สะอึกสะอื้น “โห้หลีเฉิน นายตื่นสิ ตื่นขึ้นมาสิ นายจะเป็นอะไรไปได้ยังไง นายจะตายไม่ได้นะ นายจะทิ้งฉันไว้คนเดียวไม่ได้”
“นายตื่นเถอะนะ อย่าทำให้ฉันกลัว นายอย่าทำให้ฉันสิ”
“คนโกหก นายโกหกฉัน นายเคยบอกจะไม่ให้ฉันอยู่คนเดียว นายหลอกฉันได้ยังไง ทำได้ยังไง….”
เสียงร้องแหบแห้งดังก้องในความมืด เต็มไปด้วยความเจ็บปวดและความสิ้นหวัง
ความมืดมิด ราวกับจะทำลายบดขยี้ให้ตาย
“อย่าแม้แต่จะคิด ถึงตายฉันก็จะพาเธอไปด้วย”
เสียงทุ้มต่ำแหบแห้งของชายหนุ่ม กัดฟันเปล่งออกมาท่ามกลางความมืด
แต่ในหูของเย้นหว่านที่ได้ยิน กลับราวกับเสียงสวรรค์
เธอตะลึงงันไปหมด น้ำตาที่รื้นอยู่บนดวงตา จะร่วงก็ไม่ร่วง
เธอมองอะไรไม่เห็นเลย แต่กลับมองไปยังชายหนุ่มตรงหน้าอย่างเลื่อนลอย ราวกับผ่านความมืดมิดนั้น ถ่ายทอดความตื่นตะลึงและความดีใจสุดขีดของเธอ
น้ำเสียงของเธอสั่นเครือ ดีใจจนไม่แน่ใจ
“นาย นายตื่นแล้วเหรอ?”
นาย ยังมีชีวิตอยู่?!
น้ำเสียงของโห้หลีเฉินแข็งทื่อและสุขุม แต่กลับแฝงรอยยิ้มแห่งความเอ็นดูอยู่เล็กน้อย
“เธอร้องไห้เสียงดังเกินไปแล้ว”
เสียงดังจนทำเขาตื่นเลย
คำพูดหยอกล้อนั้น กลับทำให้เส้นในหัวของเย้นหว่าน ตึงจนขาดลง
ความสิ้นหวังที่แทบจะกลืนกินเธอหายไปในพริบตา
เขายังไม่ตาย
ดีจังเลย! เขาไม่เป็นอะไร!
ภายใต้ความตกตะลึงด้วยความสุขอย่างสุดขีด เย้นหว่านกอดโห้หลีเฉินแน่น ฝังหัวลงกับหน้าอกของเขาแล้วร้องไห้โฮออกมา
เธอร้องไห้คร่ำครวญราวแทบขาดใจ
เอาความหวาดกลัวและความกระวนกระวายทั้งหมดที่ได้รับเมื่อครู่ทั้งหมดระบายออกมาอย่างดุเดือด
ทันทีที่รู้สึกถึงความเปียกชื้นแผ่กระจายเป็นวงกว้างที่หน้าอก โห้หลีเฉินก็ปวดใจอย่างยิ่ง อยากจะเอื้อมไปลูบปลอบเธอ แต่เมื่อขยับ ความเจ็บปวดอย่างรุนแรงก็แล่นปราดขึ้นมาจากแขน เจ็บจนเขาแทบจะหมดสติไปอีกครั้ง