สัญญารัก คบกับประธานฮั่ว30วัน - บทที่681 อรุณสวัสดิ์ครับ คุณเย้น
บทที่681 อรุณสวัสดิ์ครับ คุณเย้น
เย้นหว่านหน้าแดง อยากจะผลักเขาออกด้วยความเขินอาย
อะไรที่เรียกว่าเธอใจร้อนกัน?
เมื่อกี้ใครกันแน่ที่จูบเธออย่างบ้าคลั่งและลูบคลำไปทั่ว?
ไม่ใช่สิ ตอนนี้ไม่ใช่เวลามาสืบหาเรื่องนี้
นิ้วของเย้นหว่านยังคงกำเสื้อผ้าของโห้หลีเฉินแน่น พูดด้วยน้ำเสียงที่ทุ้มต่ำ
“วันนี้คือวันที่สาม พวกเรา……”
ต้องมีอะไรกันอีกแล้ว
สายตาของโห้หลีเฉินมืดมน มีรอยยิ้มเล็กน้อยที่มุมปากของเขา
เขาพูดด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยนและสงบ “ไม่ทำครั้งหนึ่งก็ไม่เป็นไรหรอก ไม่ป่วยหรอก ไม่ต้องเป็นห่วง”
เขาเป็นคนที่โน้มน้า เก่งมาโดยตลอด บวกกับสีหน้าที่เฉยเมยของเขา ทำให้เย้นหว่านเกือบจะเชื่อเขาแล้ว
แต่เธอจะยอมเอาเขามาเสี่ยงได้ยังไงกัน
ไม่ทำครั้งหนึ่ง แล้วถ้าเกิดว่าป่วยขึ้นมาล่ะ?
ตอนนี้สภาพแวดล้อมแย่ หมอก็ไม่มี ถ้าเกิดว่าอาการของโรคควบคุมไม่ได้ ผลลัพธ์จะร้ายแรงขนาดไหนใครก็ไม่กล้าพูดหรอก
“ฉันไม่สนใจหรอก วันนี้นายต้องนอนกับฉัน”
เย้นหว่านกัดฟัน ทัศนคติดูแน่วแน่
พอพูดออกไป โห้หลีเฉินกลับอึ้งไป พร้อมกับมองหน้าเย้นหว่านด้วยสีหน้าที่ซับซ้อน
เสียงที่ทุ่มต่ำถูกเค้นออกมาจากไรฟันของเขา “เย้นหว่าน เธอรู้ไหมว่าตัวเองกำลังพูดอะไรอยู่? ”
สีหน้าของโห้หลีเฉินดูเสียใจเล็กน้อย “เหมือนหมาป่าที่หิวโหยที่อยู่ท่ามกลางผู้หญิงที่ไล่ต้อนผู้คน”
เย้นหว่าน “……”
หน้าเธอแดง ทั้งโกรธและอาย แทบอดไม่ไหวที่จะเอาหน้ามุดเข้าไปซ่อนใต้ผ้าห่ม และไม่ออกมาอีกเลย
ที่เธอทำแบบนี้ มันเพราะใคร เพราะใคร?!
เธอโกรธจริงๆ จนแทบอยากจะไม่สนใจแล้ว สะบัดมือออกและไม่สนใจเขาอีก
มองไปที่ท่าทางโกรธเกรี้ยวเหมือนอยากจะกัดใครสักคนของเย้นหว่านแล้ว ดวงตาของโห้หลีเฉินก็เป็นประกายไฟ แต่ว่าก็ถูกเขาสงบมันลง
เขาอาศัยโอกาสตอนที่เธอโกรธ ลุกขึ้น แล้วก็เตรียมจะลุกออกไปด้านนอก
แต่ว่าเขาพึ่งจะเดินออกไปก้าวเดียว ก็มีแขนสองข้างเหยียดออกมาตรงเอวของเขาแล้วก็กอดเขาไว้ ร่างที่นุ่มนิ่มก็กดเข้ากับแผ่นหลังของเขา
ทันใดนั้นร่างกายของโห้หลีเฉินก็แข็งทื่อไป
ด้านหลังของเขา ก็ได้ยินเสียงที่นุ่มนวลและน่าขนลุกของเย้นหว่าน “ฉันกินยาแก้หวัดแล้ว แล้วก็ไม่น่าจะเป็นหวัดง่ายๆ อีก”
“เขาว่ากันว่าต้องกอดกันเพื่อให้ความอบอุ่น พวกเราต้องไม่ใส่อะไรเพื่อให้ความอบอุ่นซึ่งกันและกันมากยิ่งขึ้น นายกอดฉันให้แน่นหน่อยฉันก็จะไม่หนาวแล้ว”
เธอรู้ว่า ที่เขาไม่อยากทำเพราะว่ากลัวเธอหนาว
ในอากาศแบบนี้แม้แต่จะนอนก็ยังไม่อยากจะถอดเสื้อผ้าด้วยซ้ำ ยิ่งไปกว่านั้นการจะทำสิ่งนั้นมันต้องเปลือยการทั้งหมด
สัมผัสได้ถึงความอบอุ่นจากผู้หญิงด้านหลัง โห้หลีเฉินก็หัวใจเต้นแรง มันแรง และหนักขึ้นเรื่อยๆ
เสียงของเขาต่ำและเชื่องช้า “เย้นหว่าน……”
มีหลายสิ่งที่อยากจะพูด แต่ว่ามีเพียงแค่เสียงกระซิบเสียงเดียวเท่านั้น
เขาโชคดีแค่ไหน ที่ได้มีเธอ ปฏิบัติต่อกันด้วยความจริงใจ เป็นตายก็ไม่ทิ้งกัน
——
คืนนี้ เย็นฉ่ำเป็นเวลานาน
ในเต็นท์ที่ดำมืด วัยรุ่นทั้งสองคน กอดกันแน่นมาก ไม่มีร่องรอยของช่องว่างเลยแม้แต่นิด
พวกเขานอนกอดกันในถุงนอน มีแต่การกอดกันให้แน่นเท่านั้น ถึงจะละลายลงได้
แต่ว่าพวกเขา ไม่รู้สึกแออัดเลยแม้แต่นิดเดียว
เย้นหว่านพิงไหล่ที่แข็งแรงของผู้ชายคนนั้น รู้สึกเหนื่อยเล็กน้อย แต่ว่าก็ยังดื้อดึงลืมตาไว้
ภายใต้ความมืดนั้น เธอมองเห็นเพียงแค่รูปร่างคางของเขาอย่างคลุมเครือเท่านั้น
“โห้หลีเฉิน”
เธอเรียกเขาด้วยเสียงที่เบามาก
บนศีรษะของเธอนั้น มีเสียงตอบรับที่ทุ้มต่ำของผู้ชายคนนั้นดังขึ้นมาทันที “หืม? ”
เสียงของเย้นหว่านเบา และนุ่มนวลมาก เผยให้เห็นความไม่สบายใจที่ซ่อนไว้ไม่อยู่
“พวกเราจะตายอยู่ที่นี่รึเปล่า?”
บางทีความมืดมัวก็สามารถทลายเกราะป้องกันในหัวใจของคนได้ ภายใต้บรรยากาศแบบนี้ ความคิดที่เย้นหว่านพยายามกดไว้ในใจ ก็ยังออกมา
ตอนกลางวันนั้น ตอนที่เดินอยู่บนน้ำแข็งและหิมะเหล่านี้ เธอมองเห็นหิมะที่กว้างใหญ่ไร้ขอบเขต ยอดเขา เดินผ่านภูเขาลูกนี้ไป ก็มีลูกต่อไป ไม่มีที่สิ้นสุด
และเธอกับเขา ยิ่งเดิน ยิ่งเหนื่อย
น้ำและอาหารที่อยู่ในกระเป๋าเป้นั้น ก็น่าจะกินได้อีกแค่ไม่กี่วันเท่านั้น
มองไปยังสถานที่ที่ไม่มีทางออกแบบนี้ เย้นหว่านก็รู้สึกมากขึ้นเรื่อยๆ ว่า ขาทั้งสองข้างของพวกเขา ไม่สามารถออกจากทุ่งหิมะแห่งนี้ได้หรอก
แถมยิ่งไปกว่านั้น พวกเขายังไม่รู้ทิศทางที่จะออกไปจากที่นี่ได้ด้วย
ทางที่มานั้น ก็เป็นภูเขาหิมะที่ต้องขับรถตั้งสิบกว่าวัน และทางข้างหน้า ก็ไม่รู้ว่ามันยังไกลอีกมากแค่ไหน จะหาประเทศเบียนหนานเจอรึเปล่าก็ไม่รู้
ทั้งข้างหน้าและข้างหลัง มันช่างไกลราวกับว่าพวกเขาไม่สามารถเดินไปถึงได้
พอเสียงของเย้นหว่านสิ้นลง ในความมืดนั้น ก็เงียบอยู่เป็นเวลาสั้นๆ
เหมือนเป็นการยอมรับโดยดี ทำให้คนรู้สึกผิดหวัง
ผ่านไปครู่หนึ่ง เสียงที่ทุ้มต่ำของโห้หลีเฉิน ถึงได้ค่อยๆ ดังขึ้นตรงศีรษะของเย้นหว่าน
“เย้นหว่าน เธอเสียใจไหม? ”
เสียใจงั้นเหรอ? เสียใจที่ตามเขามาเพื่อตามหาประเทศเบียนหนาน แต่ว่าต้องตกที่นั่งลำบากมาอยู่ในสถานที่แห่งนี้ แม้แต่อาจจะต้องเอาชีวิตเข้ามาแลกด้วย
เย้นหว่านส่ายหน้า น้ำเสียงแน่วแน่ “ไม่เสียใจ”
เธอรู้สึกดีใจมากกว่าด้วยซ้ำ โชคดีที่มากับโห้หลีเฉิน ไม่ยังงั้นถ้าเกิดว่าเขาตกอยู่ในที่นั่งลำบากแบบนี้คนเดียว แม้ว่าเธอจะปลอดภัยแต่เธอก็จะรู้สึกเหมือนมีมัดปักอยู่ที่หัวใจ
เธอยอมที่จะร่วมทุกข์ร่วมสุขไปด้วยกันกับเขา
โห้หลีเฉินแข็งทื่อไป คำพูดที่แน่วแน่ของผู้หญิงคนนี้เปรียบเสมือนหม้อต้มน้ำร้อนภายใต้น้ำแข็งและหิมะนี้
สามารถละลายได้ทุกอย่าง
เขากอดเธอแน่นมาก แล้วก็จูบที่ผมของเธอด้วยริมฝีปากบางๆ
“ถึงแม้ว่าตำแหน่งจะถูกรบกวน แต่ว่าเข็มทิศนั้นยังสามารถใช้การได้ พวกเขาไปทางด้านหน้า ก็คือประเทศเบียนหนานแล้ว ฉันไม่แน่ใจว่าสรุปแล้วต้องเดินทางกี่วันกว่าจะถึง แต่ฉันรับรองได้เลยว่า พวกเราต้องไปถึงประเทศเบียนหนานอย่างแน่นอน”
พอถึงที่นั่น มีบ้านเรือนของผู้คน พวกเขาก็จะไม่หนาวตาย หรือว่าหิวตายอยู่ในกองหิมะนี้
“เย้นหว่าน ไม่ต้องกลัวนะ อยู่กับฉัน แล้วก็ยืนหยัดที่จะเดินต่อไป”
อย่ากลัว อย่าหวั่นเกรง อย่าล้มลง
ในสถานที่แบบนี้ ที่กลัวที่สุดคือการสูญเสียความมั่นใจ เมื่อหัวใจสลาย ร่างกายจะพังในไม่ช้า
“อืม! ”เย้นหว่านพยักหน้าแรงๆ
“ขอแค่มีนายอยู่กับฉัน ฉันไม่กลัวอะไรทั้งนั้น ฉันจะยืนหยัดจนถึงที่สุด”
เธออยากจะอยู่เป็นเพื่อนเขา และก็จะไม่กลายเป็นภาระของเขาด้วย
เย้นหว่านมองไปที่รูปร่างที่พร่ามัวตรงหน้าของตัวเอง ความขี้ขลาดในใจของเธอนั้น ก็กลายเป็นปณิธานที่แน่วแน่
ตอนกลางคืนอากาศหนาวมาก ทั้งสองคนเอาแต่กอดกันแน่น เพื่อให้ทนต่อสภาพอากาศที่เย็นยะเยือกนี้
วันที่สอง เย้นหว่านถูกปลุกให้ตื่น
โห้หลีเฉินนั้นสวมเสื้อผ้าด้านในของเขาแล้ว เอามือค้ำศีรษะของตัวเอง แล้วก็นอนตะแคงมองเธอ
เธอยังคงนอนแนบอยู่ที่หน้าอกของเขาอย่างอบอุ่น
เย้นหว่านลืมตาขึ้นมา เมื่อมองไปที่ใบหน้าหล่อเหลาของเขาด้วยความงุนงง และรอยยิ้มก็ถูกยกขึ้นที่มุมปากของเธอ
“อรุณสวัสดิ์ค่ะ คุณโห้”
รอยยิ้มของเธอนั้นสวยงามมาก สวยงามเหมือนดอกบัวหิมะบนยอดเขาที่ถูกปกคลุมด้วยหิมะ
ใบหน้าของโห้หลีเฉินอ่อนโยนจนแทบถึงแก่ชีวิต “อรุณสวัสดิ์ครับ คุณเย้น”
เสียงที่ไพเราะมาก เหมือนกับการนวดแก้วหูในตอนเช้า
มือของเย้นหว่านที่กอดเอวโห้หลีเฉินอยู่นั้นก็กอดแน่นขึ้น ใบหน้าเล็กๆ ก็ฝังเข้าไปในอ้อมอกของเขา
เธอบ่นเหมือนกับเด็กน้อย “ไม่เอายังไม่ตื่น ฉันอยากนอนต่ออีกหน่อย”
เธอยังไม่ตื่น ยังง่วงอยู่เลย
โห้หลีเฉินมองดูศีรษะเล็กๆ ที่ฝังอยู่ตรงหน้าอกของตัวเอง มุมปากของเขาก็อดไม่ได้ที่จะยกขึ้นอย่างเอ็นดู
ปกติเวลาที่เธอนอนอ้อยอิ่งอยู่บนเตียง ก็จะเป็นแบบนี้แหละ
ตอนนั้นปกติแล้วเขาก็จะปล่อยให้เธอนอนต่อ อยู่เป็นเพื่อนเธอจนกว่าเธอจะตื่นเต็มตัว
แต่ว่าวันนี้ไม่ได้
โห้หลีเฉินลูบผมของเธอเบาๆ แล้วพูดด้วยเสียงที่ทุ้มต่ำว่า
“เดี๋ยวคืนนี้จะให้เธอนอนเร็วหน่อย ตอนนี้พวกเราควรจะตื่นเช้า แล้วรีบออกเดินทาง ตอนกลางวันอากาศดี อุณหภูมิค่อยสูงหน่อย”
เย้นหว่านที่กำลังจะหลับไปนั้น ก็ลืมตาขึ้นทันที
เธอสั่นเล็กน้อย ถึงได้ตั้งสติได้ ตอนนี้พวกเขาไม่ได้อยู่ที่เตียงหลังใหญ่อันอบอุ่นที่บ้าน แต่ว่าทุ่งน้ำแข็งที่เต็มไปด้วยหิมะ