สัญญารัก คบกับประธานฮั่ว30วัน - บทที่714 กลับมาเร็วหน่อย
“ฉันเนี่ยนะ?”
ฉู่ฉู่เบิกตากว้างอย่างตะลึงงัน ราวกับได้ยินคำพูดที่เหลือเชื่อมาก จากนั้นตามมาด้วยรีบส่ายหัวอย่างลนลาน “ฉันไม่ไหวหรอกค่ะ จะเป็นไปได้ยังไงคะ”
ปฏิกิริยาของเธออยู่ในความคาดหมายของเย้นหว่าน เย้นหว่านยิ้มและพูดว่า “ตอนนี้ฉันเองก็อยู่ที่ประเทศเบียนหนานเหมือนๆกับพวกเธอ ก็ไม่มีอะไรที่ไม่ต่างกันเลย”
“ฉันยังสามารถใช้ชีวิตแบบนี้ได้เลย เธอก็ได้เหมือนกัน”
ฉู่ฉู่เบิกตากว้างอย่างเซ่อๆ แววตาระยิบระยับอย่างรุนแรง
เธอก็สามารถ?
เธอก็สามารถใช้ชีวิตแบบนี้เหรอ?
แค่คิด เธอก็ตื่นเต้นจนตัวสั่นแล้ว
เธอไม่เคยคิดชีวิตที่เท่าเทียมกับผู้ชายเลย แต่แค่คิดก็ทำให้เธอตื่นเต้นและใฝ่ฝันอย่างสะกดไม่อยู่แล้ว
เย้นหว่านมองฉู่ฉู่อย่างเงียบๆ รู้ว่าในใจเธอก็หวั่นไหวแล้ว
จากฐานะทางสังคมที่ชายสูงส่งหญิงต่ำต้อยมาจนถึงชายหญิงเท่าเทียมกัน ในฐานะที่เป็นผู้หญิง คงไม่มีคนไหนไม่หวั่นไหวหรอกมั้ง
ใครก็ไม่ยอมเป็นทาสตลอดชีวิตและถูกคนเหยียบย่ำหรอก
ถ้าหากฉู่ฉู่สามารถยอมรับแนวความคิดที่เท่าเทียมกัน วันข้างหน้าก็สามารถใช้ชีวิตให้มีความสุขกว่านี้แล้ว
ราวกับฉู่ฉู่ยังคงทำสงครามอยู่ในใจอย่างดุเดือด เธอไม่ได้คิดมากก็พูดออกมาเรื่อยเปื่อย “สองวันนี้ ฉันเห็นเพื่อนของฉันและผู้หญิงมากมาย ล้วนมีความคิดและพฤติกรรมที่เปลี่ยนไปแล้ว อย่างน้อยฉันพบว่าในคำพูดของพวกเธอไม่ได้นึกว่าผู้ชายมีความจำเป็นขนาดนั้นแล้ว แม้กระทั่ง ฉันยังได้ยินมาว่ามีผู้หญิงคนหนึ่งได้ทะเลาะกับสามีของเธอด้วย”
ระหว่างพูด สีหน้าแววตาของฉู่ฉู่ค่อนข้างกระดี๊กระด๊า“นี่เป็นครั้งแรกเลยนะที่ได้ยินว่าผู้หญิงกล้าทะเลาะกับสามี หล่อนช่างกล้าหาญจริงๆเลย ถ้าเป็นเมื่อก่อน จะต้องถูกคนอื่นด่าจนสงสัยชีวิตแน่นอน แต่ตอนนี้คนในคอลัมน์พูดขึ้นมาก็มีคนสนับสนุนอยู่นะ”
เย้นหว่านถือโอกาสถามว่า “ทำไมยังสนับสนุนให้ทะเลาะกันด้วย?”
ถึงแม้ผู้หญิงได้ทำให้ฐานันดรศักดิ์ของตัวเองสูงศักดิ์ขึ้น แต่ถ้าครอบครัวขัดแย้งกันจนระบาดหนักเพราะเหตุนี้ ทะเลาะกันทุกวันไม่นับว่าเป็นเรื่องดีนะ
“เพราะสามีของหล่อนเป็นขี้เหล้า ถ้าไม่ด่าหล่อนก็ตบตีหล่อนอยู่เป็นประจำ ครั้งนี้คงจะได้รับผลกระทบจากข่าวเหล่านั้นของท่านดยุก อารมณ์ขึ้นก็เลยทะเลาะกับสามียกใหญ่เลย”
“ได้ยินมาว่าขี้เหล้าคนนั้นตกใจจนไม่กล้าตบตีหล่อนอีกเลย”
คนที่ชินกับการรังแกคนที่อ่อนแอกว่าและกลัวคนที่ดุร้ายกว่า พออีกฝ่ายแข็งกร้าวขึ้นมากะทันหัน เขาก็ขี้ขลาดตาขาวขึ้นมาทันทีเลย
เย้นหว่านแทบจะสามารถจินตนาการภาพนั้นได้ ถ้าผู้หญิงคนนั้นแข็งกร้าวต่อ หัวหน้าครอบครัวของผู้หญิงคนนั้นจะต้องมีการเปลี่ยนแปลงแน่นอน
จากผู้ถูกทารุณ จะกลายเป็นผู้ควบคุมอำนาจ
“แบบนี้ก็ดีเหมือนกัน ไม่ใช่เหรอ?”เย้นหว่านถามฉู่ฉู่
ฉู่ฉู่พยักหน้าด้วยจิตใต้สำนึก ต่อมา ก็รีบส่ายหัวพร้อมพูดอย่างลังเลอีก “ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน”
ถึงแม้อิจฉา แต่แนวความคิดที่รากฝังลึกและแน่น สุดท้ายก็ใช่ว่าจะสามารถถอนรากถอนโคนได้ง่ายขนาดนั้น
เย้นหว่านเม้มปากอย่างจนปัญญา มองนอกหน้าต่างอย่างครุ่นคิดหนัก
ความเคลื่อนไหวที่โห้หลีเฉินขัดขวางเซอร์ยุนซีแต่งงานกับเธอ กลับก่อให้เกิดผลกระทบเหมือนโดมิโน โห้หลีเฉินเคยคาดการณ์ไว้มั้ย?
ดูข่าวพวกนี้ การเปลี่ยนแปลงของผู้หญิงพวกนี้ จิตใต้สำนึกของเย้นหว่านมักจะรู้สึกว่านี่ไม่ใช่แค่บังเอิญแน่นอน
เดี๋ยวคืนนี้เธอจะต้องถามโห้หลีเฉินดูให้ได้
ระหว่างที่เย้นหว่านคิด จู่ๆก็นึกถึงอีกเรื่องหนึ่ง
วันนี้เป็นวันที่สามอีกแล้ว
วันที่เธอกับโห้หลีเฉินจะต้องมีอะไรกัน
หลังจากคืนนั้น โห้หลีเฉินกลับมาดึก ก็เลยนอนที่อีกห้องหนึ่งตลอด
อยู่ในบ้านหลังนี้ อาจจะถูกคนพบเห็นได้ทุกเมื่อ แบบนี้ก็ไม่มีอะไรจะสามารถตำหนิแล้ว
แต่คืนนี้ไม่เหมือนกัน เธอจะต้อง…..กับเขา
“เย้นหว่าน ทำไมจู่ๆหน้าของคุณถึงได้แดงขนาดนี้?”
จู่ๆเสียงแปลกใจของฉู่ฉู่ดังขึ้น
เย้นหว่านตกใจแทบแย่ อายจนหน้ายิ่งแดงเข้าไปใหญ่ ไม่นึกเลยว่ากลางวันแสกๆเธอก็คิดเรื่องอย่างว่าแล้ว
“อ๋อ เปล่าๆ ไม่มีอะไร คงจะเพราะร้อนมั้ง”
เย้นหว่านคอยใช้มือพัดหน้า จากนั้นได้ถือโอกาสหยิบขนมขบเคี้ยวขึ้นมาถุงหนึ่ง
ฉู่ฉู่ยิ่งข้องใจเข้าไปใหญ่ เธอมองเย้นหว่าน แล้วหันไปมองสายลมเย็นที่พัดอยู่ด้านนอก
ร้อน?
ทำไมเธอถึงยังอยากใส่เสื้อคลุมเพิ่มอีกตัวนะ
ยามค่ำคืน
โห้หลีเฉินกลับมาทานข้าว แต่พอทานข้าวเสร็จเขาก็จะออกไปแล้ว
สองวันนี้เขาออกจากบ้านแต่เช้าและกลับมาดึกทุกวัน และเพราะไม่ได้พักอยู่ห้องเดียวกัน บางครั้งเย้นหว่านถึงขั้นไม่รู้เลยว่าเขาจะกลับมากี่โมง
เธอเข้าใจว่าเขายุ่ง แต่คืนนี้ไม่ได้นะ
พลาดเวลานี้ไป อาการป่วยของเขาอาจจะกำเริบได้
“โห้หลีเฉิน”
เย้นหว่านลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ก็ได้ยื่นมือไปจับแขนของโห้หลีเฉินไว้ “คุณอย่าเพิ่งไปค่ะ ฉันมีเรื่องจะคุยกับคุณ”
โห้หลีเฉินหยุดฝีเท้าลงมา
เวนเดลล์เห็นภาพนี้แล้ว ได้บอกให้บอดี้การ์ดเดินไปด้านหน้าอย่างดูสถานการณ์เป็น “พวกคุณคุยกันก่อน ผมไปรอพวกคุณที่หน้าประตูนะ”
พวกเขาไปปุ๊บ บนริมทางเดินก็เหลือแค่โห้หลีเฉินกับเย้นหว่านสองคนแล้ว
โห้หลีเฉินยิ้มมุมปาก ฝ่ามือใหญ่กุมมือของเย้นหว่านกลับ และคอยขยี้เล่นอยู่ในฝ่ามือเบาๆ
เขาเพ่งมองเธอไว้ ยิ้มและพูดอย่างรื่นรมย์ “ทำไมครับ ตัดใจให้ผมไปไม่ได้เหรอ?”
น้ำเสียงที่กุ๊กกิ๊กนั้นพูดจนเย้นหว่านเก้อเขินทำอะไรไม่ถูก
นึกถึงคำพูดที่เธอกำลังจะพูด แก้มของเธอก็แดงก่ำเหมือนแอปเปิ้ลที่สุกงอมทันที
โห้หลีเฉินยักคิ้วอย่างค่อนข้างมีความสนใจ ทันใดนั้นรูปร่างสูงใหญ่ก้าวมาข้างหน้าหนึ่งก้าว และกดเธอแนบกับผนังทันที
ริมฝีปากบางที่แฝงด้วยกลิ่นไอของการจู่โจมของเขาค่อยๆเข้าใกล้
“ตัดใจให้ผมไปไม่ได้ขนาดนี้เลยเหรอ? หรือไม่ผมไม่ไปแล้ว อยู่เป็นเพื่อนคุณดีกว่า”
คำสุดท้าย เขาพูดให้ชวนคิดลึก
แก้มเย้นหว่านที่เดิมทีก็แดงก่ำอยู่แล้ว ทันใดนั้นยิ่งร้อนผ่าวเข้าไปใหญ่ ราวกับสามารถลวกไข่ให้สุกได้
แววตาลุกลี้ลุกลนของเธอหลบสายตาเขา และพูดอย่างหน้าแดงเขินอาย “เปล่าสักหน่อย คุณรีบไปยุ่งงานของคุณเถอะค่ะ”
มุมปากของโห้หลีเฉินซ่อนรอยยิ้มไว้ รูปร่างสูงใหญ่กลับถอยหลังกะทันหัน
“งั้นผมไปแล้วนะ คุณอยู่บ้านดีๆนะ”ระหว่างพูด เขาก็หันหลังจะจากไป
เย้นหว่านตกตะลึงจนตาค้างทันที เธอยังพูดไม่จบเลยนะ!
เธอแทบจะก้าวไปกอดแขนของเขาไว้
ด้วยปฏิกิริยา “คุณอย่าไปสิคะ”
โห้หลีเฉินหยุดลงมาอย่างว่องไว มุมปากยังประดับด้วยรอยยิ้มที่ได้ใจ เขายิ้มอ่อนๆพร้อมพูดว่า “โอเค ผมไม่ไปแล้ว อยู่เป็นเพื่อนคุณนะ”
ระหว่างที่พูด นิ้วมือเรียวยาวของเขาก็ได้ลูบไปที่แผ่นหลังของเธอ
ร่างกายของเย้นหว่านสั่นอย่างควบคุมไม่ได้ กระแสไฟไหลเข้าสู่ร่างกายเฉยเลย
เธอแก้มแดงเถือกและรีบจับมือที่ก่อกวนของเขาไว้ “ฉันๆ ฉันก็แค่ถามคุณว่าจะกลับมากี่โมง อย่ากลับดึกเกินเฉยๆค่ะ”
โห้หลีเฉินยักคิ้ว แถมสีหน้ายังผิดหวังเล็กน้อย “ไม่รั้งผมไว้ทำอะไรสักหน่อยจริงๆเหรอ?”
เย้นหว่านขนลุกซู่ไปทั้งตัวแล้ว
ผู้ชายคนนี้เย้าแหย่เก่งเกินไปแล้ว เธอใกล้จะทนไม่ไหวอยู่แล้ว
เย้นหว่านส่ายหัวอย่างเฉียบขาดและวุ่นวายสับสน “ไม่มีค่ะ ไม่ต้องการ! คุณรีบไปยุ่งงานของคุณเถอะ กลับมาเร็วหน่อยก็พอแล้ว”
โห้หลีเฉินหรี่ตามองเธอ เหมือนกำลังครุ่นคิดอะไรอยู่ “กลับมาเร็วหน่อย แล้วเร็วแค่ไหน?”
คำถามนี้……..
เย้นหว่านติดคอ คิดอย่างลังเลแล้วพูดว่า “ก่อนเที่ยงคืนค่ะ?”
โห้หลีเฉินจับคางแล้วพูดว่า “ทำไมต้องก่อนเที่ยงคืนด้วย?”
เย้นหว่านหน้าแดง นี่มันรู้แล้วยังมาแกล้งถามชัดๆ!
“ฉันไม่สนใจคุณแล้ว”
เย้นหว่านจ้องโห้หลีเฉินอย่างเขินอายทีหนึ่ง จากนั้นได้ผลักเขาออกแล้วหันหลังจากไป
ขืนพูดจาไร้สาระแบบนี้กับเขาต่อ เขาจะต้องหยอกจนเธอไร้ยางอายแน่ๆ