สัญญารัก คบกับประธานฮั่ว30วัน - บทที่73 ฉันไม่ถือสาที่คุณแต่งงานกับเขา
บทที่73 ฉันไม่ถือสาที่คุณแต่งงานกับเขา
เธอไม่อยากมองอีก หันสายตาไปที่อื่น และเดินไปที่โซนของหวาน เลือกเอาของหวานมากิน
โบราณเคยกล่าวไว้ว่า ตาไม่เห็นใจก็จะไม่กลุ้ม
เธอกำลังเลือกของหวานอยู่ ก็ได้ยินผู้หญิงสองคนกำลังคุยกัน “คุณโห้กับคุณหนูมู่หรุงนี้ช่างเหมาะสมกันจริงๆเลย”
“ก็แน่อยู่แล้ว เขาสองคนโตมาด้วยกันตั้งแต่เด็ก แถมเป็นคู่รักกันมาตั้งแต่เด็ก เป็นคู่ที่ใครๆก็ต้องอิจฉา เสียใดที่ตอนนี้พวกเขากลับต้องแยกจากกัน”
“เพราะอะไรหรือ?”
“ฉันซุบซิบให้เธอฟังนะ เธออย่าบอกใครล่ะ ว่ากันว่าเป็นเพราะคุณนายใหญ่ตระกูลโห้เป็นคนทำให้พวกเขาต้องแยกจากกัน……..”
พอได้ยินคำพูดนี้ มือของเย้นหว่านกระตุกจนทำเค้กหล่นลงไปที่พื้น
หัวใจเธอเหมือนถูกทุบเข้าอย่างแรง
ที่ผ่านเธอไม่เข้าใจว่าทำไมโห้หลีเฉินต้องหมั้นกับเธอแค่หลอกๆ ตอนนี้เหมือนจะเข้าใจแล้ว เป็นเพราะมู่หรุงชิ่น……
เงยหน้าขึ้น หันไปมองสองคนที่กำลังเต้นรำอยู่กลางเวที ชายหล่อหญิงงาม ดูแล้วเป็นคู่ที่เหมาะสมจริงๆ แต่ความรู้สึกที่โห้หลีเฉินมีต่อเธอ เห็นได้ชัดว่าไม่เหมือนกัน
ที่แท้มู่หรุงชิ่นถึงจะเป็นคนที่โห้หลีเฉินรัก
ตอนนี้เจ้าของตัวจริงกลับมาแล้ว ตัวปลอมอย่างเธอ ก็ควรจะจากไปแล้วสินะ?
“เป็นอะไรไป?”
ไม่รู้เมื่อไหร่ โห้หลีเฉินได้เดินมาที่ข้างกายของเย้นหว่าน มองเห็นเค้กที่ตกอยู่ตรงหน้าเธอ และมองเห็นสีหน้าเบลอๆของเธอ รู้สึกเหมือนเรื่องกังวลอยู่ในใจ
มู่หรุงชิ่นได้รีบเดิมตามหลังมา เห็นแววตาของเย้นหว่านลุ่มลึกมาก
เมื่อกี๊ยังเต้นรำอยู่ดีๆ แต่โห้หลีเฉินแค่เห็นเย้นหว่านทำเค้กหล่นลงที่พื้น ก็ได้เลิกเต้นทันทีเลย
เย้นหว่านได้สติกลับมา เห็นโห้หลีเฉินที่อยู่ข้างกาย กับมู่หรุงชิ่นที่อยู่ไม่ไกล สัญชาตญาณทำให้เธอถอยหลังไปก้าวนึง
“ไม่เป็นอะไรนี่คะ”
“ไม่เป็นไรแล้วยังทำเค้กหล่นได้ยังไง?”
โห้หลีเฉินพูดอย่างหนักแน่น ในคำตำหนิแฝงไปด้วยความห่วงใย
หลังจากนั้น เขาเดินไปข้างหน้า มือที่ขาวและเรียวยาวถือเค้กก้อนเล็กๆให้เย้นหว่าน “เอานี่ รสสตรอเบอร์รี่”
ดูเหมือนเป็นแค่คำพูดง่ายๆ แต่กลับทำให้มู่หรุงชิ่นตกใจ
คนที่เซนซิทิฟอย่างเธอ ทำไมจะไม่รู้ว่า คำว่า “รสสตรอเบอร์รี่”แสดงให้เห็นว่าโห้หลีเฉินรู้ดีว่าเย้นหว่านชอบกินรสอะไร
คนที่สูงส่งอย่างเขา รู้แม้แต่เรื่องเล็กๆอย่างของหวานที่เย้นหว่านชอบ?
เห็นเค้กสตอเบอร์รี่ที่น่ากินแล้ว แต่เย้นหว่านกลับไม่มีอารมณ์จะกิน
เธอไม่ได้รับเค้กไว้ “ฉันไม่อยากกินเค้กค่ะ”
โห้หลีเฉินเพ่งมองเย้นหว่าน รู้สึกว่าเหมือนเธอจะแปลกๆ แต่แปลกตรงไหน กลับพูดไม่ถูก
เขาเงียบไปครู่นึงแล้วพูดด้วยเสียงต่ำว่า:“รู้สึกเบื่อหรอ?”
มู่หรุงชิ่นเห็นหน้าตาที่โห้หลีเฉินถามเย้นหว่านอย่างมีความอดทนแล้ว ความรู้สึกที่ไม่สบายใจได้พุ่งเข้ามาในใจ
สิ่งที่เธอกลัวยิ่งกว่าคือแค่เย้นหว่านพยักหน้า โห้หลีเฉินก็จะพาเย้นหว่านจากไปอย่างไม่ลังเลเลย
เรื่องแบบนี้ใช่ว่าเขาจะทำไม่ได้
มู่หรุงชิ่นรีบเดินมาทันที มองดูกระโปรงของเย้นหว่านแล้วพูดด้วยรอยยิ้ม
“เสียวหว่าน กระโปรงของคุณเลอะแล้ว เอาอย่างนี้มั้ยให้ฉันพาคุณไปทำความสะอาดที่ห้องเถอะ”
เย้นหว่านก้มหน้า ตอนนี้เพิ่งเห็นกระโปรงของเธอมีเนยของเค้กเปื้อนอยู่ น่าจะเป็นตอนที่เค้กหล่นได้เปื้อนโดนอย่างไม่ทันระวังตัว
เสื้อชุดนี้ราคาไม่เบาเลย ถ้าหากเวลานานเข้าแล้วไม่สามารถล้างออก งั้นเธอก็ซวยแล้ว
เย้นหว่านก็ไม่ได้คิดมาก พูดกับมู่หรุงชิ่นด้วยความเกรงใจ “งั้นก็รบกวนคุณแล้วค่ะ พาฉันไปทำความสะอาดที่ห้องน้ำก็พอค่ะ”
“เฉิน ฉันพาคู่หมั้นคุณไปสักครู่นึง คุณไม่ถือสามั้ง?”
จริงๆแล้วเป็นน้ำเสียงที่ถาม แต่พอพูดออกจากปากของมู่หรุงชิ่นแล้ว กลับมีความรู้สึกแบบอื่น
ฟังอยู่ในหูของเย้นหว่านแล้ว ยิ่งเปลี่ยนความหมายไปไม่น้อย เหมือนกับว่ามู่หรุงชิ่นกำลังหยอกล้อกับแฟนเก่าอะไรอย่างนั้น
โห้หลีเฉินมองหน้าเย้นหว่านด้วยแววตาที่ลึกซึ้งแล้วพยักหน้า “ไปเถอะ”
ในใจของเย้นหว่านยุ่งเหยิงไปหมด รู้สึกอึดอัดมาก ก้าวเท้าก็เดินจากไป
โห้หลีเฉินมองดูเงาหลังของเย้นหว่านแล้วขมวดคิ้ว ตอนที่ผู้หญิงคนนี้จากไป แม้แต่มองก็ยังไม่มองหน้าเขาเลยด้วยซ้ำ เหมือนกับว่าตั้งใจหลบหลีกสายตาเขาอยู่
มู่หรุงชิ่นพาเย้นหว่านมาถึงที่ห้องของเธอ และเป็นมิตรไมตรีกับเธอมาตลอดทาง
“เสียวหว่าน คุณนั่งรอแป๊บนึงนะ ฉันมีเครื่องมือที่ทำความสะอาดเสื้อแบบนี้ได้อย่างรวดเร็ว ฉันไปเอามาให้คุณ”
ให้เย้นหว่านนั่งลงบนโซฟาแล้ว มู่หรุงชิ่นได้เดินเข้าไปหาของในห้องเสื้อผ้า
เย้นหว่านสำรวจรอบๆห้อง อึ้งและสังเกตว่า สไตล์ห้องของมู่หรุงชิ่นกับสไตล์ห้องของโห้หลีเฉิน แทบจะเหมือนกันหมด
สไตล์ของคฤหาสน์เหมือนกัน แม้แต่สไตล์ในห้องก็แทบจะเหมือนกันหมด พวกเขาเป็นคู่รักมาตั้งแต่เด็กจริงๆซะด้วย
เธอมองไปเรื่อยเปื่อย ก็ได้เห็นบนโต๊ะเครื่องแป้งมีรูปถ่ายวางเอาไว้หลายใบ ในรูปมีแต่รูปคู่ ทั้งหมดมีแต่รูปที่โห้หลีเฉินกับมู่หรุงชิ่นถ่ายคู่กัน
ตั้งแต่เล็กจนโตเป็นผู้ใหญ่
โห้หลีเฉินหน้าตาดีตั้งแต่เด็ก แต่ก็ยังเป็นคนหน้าบึ้ง ยืนอยู่ด้วยสีหน้าที่เรียบเฉย
มู่หรุงชิ่นยืนอยู่ข้างๆเขา ตอนเด็กๆนั้นยังดูจะระมัดระวัง ทั้งสองคนยืนห่างกันมากๆ เหมือนกับว่าถูกผู้ใหญ่บังคับให้ถ่ายรูปด้วยกัน
แต่ตามอายุที่มากขึ้น ยิ่งเป็นรูปที่ถ่ายได้ไม่นานมานี้ เห็นได้ชัดว่ามู่หรุงชิ่นกับโห้หลีเฉินใกล้ชิดกันมากขึ้น
โห้หลีเฉินก็ยังมีสีหน้าเรียบเฉยเหมือนเดิม แต่มู่หรุงชิ่นกลับควงแขนเขาไว้และยิ้มเหมือนดอกไม้ที่เบ่งบาน
มองดูรูปถ่ายพวกนี้แล้ว เหมือนกับได้มองเห็นชายหญิงคู่นึงที่รักกันมาตั้งแต่เด็ก จากใสซื่อในวัยเด็ก จนถึงตอนโตที่รู้ใจซึ่งกันและกัน
และชอบกันจนกลายเป็นคู่รักกัน
คาดไม่ถึงว่า แฟนเก่าของโห้หลีเฉินจะเป็นมู่หรุงชิ่นจริงๆซะด้วย
“รูปถ่ายพวกนี้ก็หยุดอยู่แค่นี้แหละ ไม่มีต่อไปนี้แล้ว”
มู่หรุงชิ่นเดินออกมาเมื่อไหร่ก็ไม่รู้ ยืนมองรูปถ่ายเหล่านั้นที่อยู่ไม่ไกล บนใบหน้าที่สวยงามซ่อนความเศร้าไว้ไม่อยู่
เย้นหว่านถาม:“เพราะอะไรคะ?”
มู่หรุงชิ่นมองหน้าเย้นหว่านแล้วยิ้ม
“เพราะว่าคุณเป็นคู่หมั้นเขาไง ข้างกายเขาจะมีผู้หญิงอื่นไม่ได้อีกแล้ว”
วินาทีนั้นเย้นหว่านไม่รู้ควรพูดยังไงดี นี่เธอกลายเป็นศัตรูหัวใจไปแล้วหรือ?
เห็นเย้นหว่านยืนอึ้งอยู่ มู่หรุงชิ่นยักไหล่ และตบที่ไหล่เย้นหว่านเบาๆ น้ำเสียงที่เรียบง่าย
“ฉันแค่ล้อเล่นกับคุณค่ะ คุณอย่าตื่นเต้นขนาดนั้นสิ ฉันรู้ว่าคุณกับโห้หลีเฉินแค่หมั้นกันหลอกๆ ฉันไม่หึงไปมั่วซั่วหรอกค่ะ”
เย้นหว่านอึ้งตาค้าง
เรื่องที่เธอหมั้นหลอกๆกับโห้หลีเฉิน มู่หรุงชิ่นรู้ได้ยังไง…….
ไม่ใช่สิ เธอรู้ถึงจะเป็นเรื่องปกติ แต่เดิมก็เป็นเพราะเธอ โห้หลีเฉินถึงได้หมั้นกันหลอกๆแบบนี้
พูดกระจ่างแล้ว เย้นหว่านกลับรู้สึกเบาตัวขึ้นเยอะ นอกจากในใจจะเจ็บใจนิดๆ
เธอถามด้วยความสงสัย:“ทำไมพวกคุณไม่พยายามไปคุยกับคุณนายใหญ่ตระกูลโห้ดูคะ ท่านเป็นคนแก่ที่พูดง่าย และเอ็นดูคุณโห้ด้วยความจริงใจด้วยค่ะ”
เพราะความเอ็นดู สุดท้ายก็จะยอมรับทุกสิ่งที่อยู่ข้างกายเขาด้วย
มู่หรุงชิ่นถอนหายใจ ความโศกเศร้าปรากฏอยู่บนใบหน้าที่สวยงามของเธอ
“เพราะว่า…..ฉันไม่มีมดลูก”
ไม่มีมดลูกก็ไม่สามารถมีลูกได้ ตระกูลที่ใหญ่โตอย่างตระกูลโห้ ไม่มีทางยอมรับลูกสะใภ้แบบนี้หรอก
เย้นหว่านถึงรู้ในทันที
“ที่จริงฉันเกลี้ยกล่อมเฉินอยู่ตลอดว่าให้ทำตามความเห็นของคุณย่าโห้ แต่เขาดื้อรั้นไม่ยอมฟัง”
มู่หรุงชิ่นพูดอย่างหมดหนทาง แต่ในน้ำเสียงกลับซ่อนความหวานแหววอยู่ข้างใน
ผ่านไปครู่นึง เธอจูงมือของเย้นหว่าน แววตาเต็มไปด้วยความจริงใจ:“เสียวหว่าน ขอโทษจริงๆที่เฉินเสนอข้อเรียกร้องที่หมั้นกับคุณหลอกๆแบบนี้ ที่จริงๆถ้าคุณชอบเฉินล่ะก็ ฉันไม่ถือสาหรอกถ้าคุณจะแต่งงานกับเขา…….”