สัญญารัก คบกับประธานฮั่ว30วัน - บทที่731 ไปหาทุกวัน
เย้นหว่านเม้มปากบาง ใช้แรงที่มือ ชักมือที่ซาอินติจับไว้ออกมาทีละนิด
ใบหน้าของเธอ ยังคงมีรอยยิ้มอยู่ แต่กลับให้ความรู้สึกที่ห่างเหินมาก
“น้ำใจขององค์หญิง ฉันรับไว้แล้ว แต่ฉันเป็นแค่ชาวบ้านธรรมดา ไม่ได้ทำความดีอะไร รับของประทานแบบนี้ไม่ได้หรอก ฉันจะรู้สึกไม่สบายใจและนอนไม่หลับได้”
“เสื้อผ้าพวกนี้สวยมากเลยนะ ท่านให้พวกผู้หญิงที่ทำคุณความดีเถอะ นี่สิถึงจะเหมาะสมที่สุด จะทำให้คนเข้าใจว่าองค์หญิงจัดการได้อย่างยุติธรรม และจะขอบคุณในพระกรุณาองค์หญิงด้วย”
คำพูดนี้ ให้เย้นหว่านก็เหมือนกับการลำเอียง ทำให้เรื่องไม่ยุติธรรม
ทั้งที่แค่ให้เสื้อผ้ากันเท่านั้น เย้นหว่านกลับตอบโต้แบบนี้
รอยยิ้มบนใบหน้าของซาอินติแทบจะเลือนหายไปทันที
เธอข่มอารมณ์ไว้ พูดอย่างอ่อนโยนว่า “เสี่ยวหว่าน ผู้หญิงที่เคยทำคุณงามความดีไว้ ก็ต้องได้รับค่าตอบแทนแน่นอน ฉันมาจากที่ไกล ฉันก็ชอบเธอมาก เอาเธอเป็นน้องสาว ถึงได้ให้ของขวัญกับเธอไง นี่เป็นน้ำใจของฉันนะ”
ชะงัก สีหน้าของซาอินติเห็นได้ชัดว่าดูน้อยใจมาก “ถ้าเธอไม่รับไว้ละก็ เธอไม่ชอบฉันใช่ไหม? ไม่อยากเป็นเพื่อนฉันเหรอ?”
แน่นอนว่าไม่ คนไหนที่เห็นก็ดูออกกันทั้งนั้น
เย้นหว่านกลับไม่แสดงออกมา พูดถึงขั้นนี้แล้ว ถ้าเธอปฏิเสธต่อหน้าคนเยอะๆ องค์หญิงก็จะเสียหน้าได้ เรื่องนี้คงได้เป็นข่าวลือทั่วเมืองแน่นอน
เธอก็จะกลายเป็นคนไม่รู้จักชั่วดี กล้าขัดใจองค์หญิง กลายเป็นคนที่ชาวเมืองเกลียดและสาปแช่ง ยิ่งไปกว่านั้นอาจจะถูกคนใช้ไข่เหม็นโยนใส่ตัวได้
มองดูผู้หญิงที่แสดงละครตรงหน้านี้ เธอก็รู้สึกหงุดหงิดและรำคาญมาก
รับเสื้อผ้าพวกนี้ของเธอ ก็ร้อนมือเปล่าๆ
ขมวดคิ้วครุ่นคิด เย้นหว่านยิ้มอย่างมีมารยาท พูดว่า
“ฉันอยากเป็นเพื่อนที่ดีขององค์หญิงอยู่แล้ว แต่ฐานะฉันต่ำต้อย เกรงว่าจะไม่มีบุญบารมีนี้ แต่เสื้อผ้าพวกนี้ ในเมื่อองค์หญิงให้เป็นของขวัญเพื่อต้อนรับแขกจากแดนไกล งั้นฉันก็คงปฏิเสธไม่ได้”
ในคำพูดนั้น พูดเหตุผลที่รับไว้อย่างชัดเจน เป็นเพราะเธอเป็นแขกจากแดนไกล เป็นการต้อนรับจากเจ้าของพื้นที่เท่านั้น
ไม่เกี่ยวกับเรื่องอื่น
ซาอินติไม่พอใจกับคำพูดนี้มาก แต่ยังไงเย้นกว่านก็รับไว้แล้ว ก็ยังดี มีประโยชน์ต่อแผนการต่อไปของเธอ
แต่ทว่า เธอยังไม่ทันได้ยิ้มกว้าง ก็ได้ยินเย้นหว่านพูดว่า
“ให้ของขวัญแล้วก็ต้องให้กลับ องค์หญิง เดี๋ยวฉันจะไปหาในวันอื่น และให้ของขวัญท่านชิ้นใหญ่คืน”
ซาอินติหุบยิ้มไปในทันที
ให้ของขวัญแล้วก็ต้องให้กลับงั้นเหรอ?
ถ้าเย้นหว่านส่งของขวัญกลับมาอีกละก็ งั้นไม่ว่าจะที่แจ้งหรือมืด ระหว่างทั้งสองก็ถือว่าเสมอกันแล้วน่ะสิ
เย้นหว่านก็ไม่ติดค้างอะไรเธอแล้ว
ดังนั้นครั้งนี้เธอก็มาเสียเที่ยวน่ะสิ!
ต้องแพ้กลับไปตลอดหลายครั้ง ทำให้ซาอินติรู้สึกอารมณ์เสียอย่างมาก โมโหจนควันแทบออกหู
เย้นหว่านท่าทีทำยังไงก็ไม่ได้ผล แสดงจุดยืนได้ชัดเจนว่าไม่อยากร่วมมือกับเธอ?
ในเมื่อเช่นนี้ งั้นเธอก็ไม่อ่อนโยนกับเธอแล้วกัน
ในเมื่อไม่อ่อนข้อ งั้นก็มาไม้แข็งแล้วกัน
ทันใดนั้นซาอินติก็ก้าวเข้าไปหนึ่งก้าว สองมือยื่นไปด้านหน้า จับไหล่เย้นหว่านไว้ เหมือนจะกอดเธอ
ปากแดงของซาอินติขยับเข้าใกล้หูของเย้นหว่าน ใช้เสียงที่มีเพียงทั้งสองเท่านั้นได้ยินพูดว่า
“เย้นหว่าน เธอรู้ว่าฉันต้องการอะไร ฉันใจดีกับเธอ แต่เธอกลับดื้อดึงไม่ยอมรับเอง อย่าหาว่าฉันร้ายกับเธอนะ”
เย้นหว่านขมวดคิ้ว ในที่สุดก็ทนไม่ไหวแสดงตัวตนที่แท้จริงออกมาแล้วสินะ?
“ฉันจะบอกเธอให้นะ ฉันทำให้เธอกลายเป็นผู้สูงศักดิ์ในประเทศนี้ได้ เป็นผู้หญิงที่อยากได้อะไรก็ต้องได้ ในขณะเดียวกัน ฉันก็สามารถทำให้เธอกลายเป็นคนที่ทั้งประเทศเกลียดได้ คนเห็นคนเกลียด อยากจะไล่เธอออกจากประเทศเบียนหนานให้หมด ยิ่งไปกว่านั้นจะทำให้เธอมีชีวิตอยู่ต่อไปไม่ได้!”
“เธอก็อย่าคิดว่าพี่ชายเธอจะช่วยเธอได้ ขอแค่ฉันใช้ฝีมือเล็กน้อย ก็จะทำให้เขาออกมาไม่ได้ ถูกขังอยู่ในวัง กลับมาสนใจเธอไม่ได้ รอตอนที่เขากลับมา เธอก็คงถูกปล่อยออกไปนอกเมือง หรือว่าเหลือแต่ซากกระดูก ก็เป็นไปได้นะ”
“ฉันจะต้องได้โห้หลีเฉิน นี่เป็นคำสั่งสุดท้ายที่ฉันให้เธอ”
ในคำพูดนั้น ดูโหดเหี้ยมอำมหิตอย่างมาก
เรื่องแบบนี้ไม่ใช่ครั้งแรกที่เธอทำแน่
เย้นหว่านใจเย็นวาบ เผชิญหน้ากับองค์หญิงที่ทั้งสวยและอ่อนโยน แต่แท้จริงแล้วเป็นคนใจดำโหดร้าย เธอได้รู้จักอย่างแท้จริงและรู้สึกเกลียดชัง
ก็ว่าเวนเดลล์ที่อยู่ในวังมานาน เลือกที่จะพูดโกหก ในตอนที่องค์หญิงชอบโห้หลีเฉิน บอกว่าโห้หลีเฉินโสด
ถ้าไม่ใช่เช่นนี้ เกรงว่าคนที่องค์หญิงทำร้ายครั้งแรก ก็คงเป็นเธอ
แต่สถานการณ์พลิกแพลง วกไปวนมา ในที่สุดองค์หญิงคนนี้ก็ยังมุ่งเป้ามาที่เย้นหว่าน ไม่คิดจะปล่อยเธอไป
ไม่คิดว่ากีดกั้นเซอร์ยุนซีออกไปได้แล้ว เย้นหว่านจะมีเรื่องยุ่งยากกว่าอีก
ซาอินติพูดข่มเสร็จแล้ว ก็เดินออกไปด้วยท่าทีดุร้าย
เย้นหว่านนั่งอยู่ในสวนเล็กๆ ขมวดคิ้วเป็นปม ครุ่นคิดเรื่องราว
ฉู่ฉู่มองเย้นหว่านอย่างเป็นห่วง และถามว่า
“เสี่ยวหว่าน องค์หญิงไปแล้วเธอก็ไม่มีความสุขเลย ท่าทางเหมือนคิดอะไรอยู่ เป็นอะไรไปเหรอ?”
เย้นหว่านส่ายหน้า แม้ช่วงนี้จะสนิทกับฉู่ฉู่มากแล้ว แต่เรื่องนี้ จะยังบอกฉู่ฉู่ไม่ได้
เดี๋ยวจะลำบากฉู่ฉู่เอา และเพราะเธอยังไม่เชื่อใจไปเสียหมด
เย้นหว่านเม้มปาก ถามว่า
“ฉู่ฉู่ เธอรู้เรื่ององค์หญิงคนนี้มากเท่าไหร่เหรอ?”
ฉู่ฉู่ครุ่นคิด “ว่าเยอะไม่เยอะ น้อยก็ไม่ถือว่าน้อยนะ ข่าวลือกับเรื่องเกี่ยวกับองค์หญิง ค่อนข้างเยอะมาก”
“งั้นข่าววงในเธอรู้ไหม? ก็คือว่าโห้หลีเฉินปกติตอนอยู่ในวังเป็นยังไง องค์หญิงทำอะไรบ้าง?”
“อันนี้เหรอ ฉันรู้สิ ก่อนหน้านี้ได้ยินพ่อกับแม่ฉันพูดเรื่องนี้กันอยู่”
ฉู่ฉู่รีบตอบอย่างจริงใจ “ก็ปกตินะ องค์หญิงจะพบเจอกับคุณโห้ในทุกที่ บังเอิญเจอกับเขา เดินไปด้วยกันอะไรแบบนี้ และจะชอบไปเยี่ยมคุณโห้ในสถานที่ทำงานบ่อยๆ ส่งของกิน และส่งทุกคนด้วย ขนาดโห้หลีเฉินยังไม่มีเหตุผลที่จะปฏิเสธได้เลยนะ”
“ทุกครั้งที่เธอไปแล้ว ก็จะอยู่นานมาก ได้ยินพ่อฉันว่า เธอเอามือเท้าคางไว้บนโต๊ะจ้องมองคุณโห้ ผู้ชายมากมายต่างก็ไม่มีกะจิตกะใจทำงานเพราะเธอ มีแต่โห้หลีเฉินที่สมาธิดี ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพตลอด”
“แต่ฉันคิดนะ ถ้านานๆเข้า สาวสวยมาหาให้ดูทุกวัน ผู้ชายที่ไม่สนใจมากแค่ไหน ก็ต้องมีหวั่นไหวบ้างล่ะ”
ได้ยินแล้ว เย้นหว่านก็ขมวดคิ้วเป็นปมหนักขึ้นกว่าเดิม
เธอกลับไม่รู้เรื่องในวัง องค์หญิงคนนี้กลับตามตื๊อติดตัวโห้หลีเฉินแบบนี้งั้นเหรอ
แม้โห้หลีเฉินจะไม่มีทางหวั่นไหว แต่เธอแสดงออกชัดเจน แล้วยังทำเป็นเรื่องใหญ่อีก แทบทุกคนคงคิดว่า พวกเขาจะต้องกลายเป็นคู่รักกันแน่นอน
ก็จะจับคู่เธอกับโห้หลีเฉินไว้ด้วยกัน
และเย้นหว่าน ก็เหมือนกับคนรักลับๆที่อยู่ในบ้านของเวนเดลล์ ตอนนี้ทำองค์หญิงโกรธ ถ้าวันไหนเธอเริ่มลงมือ เย้นหว่านหายไปอย่างไร้ร่องรอยก็ได้
แล้วยังไม่มีคนรู้อีก
รอตอนที่โห้หลีเฉินกลับมา เกรงว่าเธอคงเป็นอันตรายไปแล้ว
สถานการณ์แบบนี้ น่าหวั่นใจจริงๆ ชีวิตถูกกำไว้ในกำมือคนอื่น