สัญญารัก คบกับประธานฮั่ว30วัน - บทที่779 ทายาทตระกูลหยู!
สีหน้าของเย้นหว่านซีดเผือดออกมาทันที ภาพที่โหดร้ายนั้นผุดขึ้นมาในหัวของเธอ ทำให้เธอรู้สึกเหมือนทั้งร่างถูกไม้เถาสกปรกพันเอาไว้ รู้สึกไม่สบายตัวสุดๆ
เธอแทบจะถอยออกไปข้างหลังตามสัญชาตญาณ
พอถอยออกไปได้สองก้าว แผ่นหลังก็ชนเข้ากับอกแกร่งของผู้ชาย ความอบอุ่น ประดับไปด้วยกลิ่นอายที่คุ้นเคยพุ่งเข้ามายังประสาทสัมผัสของเธอ
กัดเซาะความหวาดกลัวที่โอบล้อมไปรอบลำตัวของเธอให้หายไป
แทบจะไม่ต้องหันไปมองเลยด้วยซ้ำ เย้นหว่านก็รู้เลยว่าคนที่ยืนอยู่ข้างหลังเธอเป็นใคร
เย้นหว่านมีความกล้าขึ้นมาอีกครั้งในทันที ยืนตัวตรง สายตาทอดตรงออกไป จ้องมองโอหยางฝู่อย่างไม่มีความหวาดกลัวเลยแม้แต่น้อย
เอ่ยพูดออกไปเสียงดัง “โอหยางฝู่ อย่าคิดว่าคุณจะสามารถเอามือปิดฟ้าได้! ฉันจะไม่ยอมจำนนเด็ดขาด!”
โอหยางฝู่หยุดอยู่ตรงระยะห่างเกินห้าก้าว
ไม่ใช่เพราะจู่ๆเย้นหว่านกู่ร้องออกมาอย่างเต็มไปด้วยความกล้าหาญ แต่เป็นเพราะผู้ชายที่กำลังยืนอยู่ข้างหลังเธอต่างหาก
เขายืนอยู่ข้างหลังเย้นหว่านสงบนิ่งไม่มีการแสดงอารมณ์ใดๆ แต่มันกลับทำให้คนอื่นไม่อาจละเลยการมีอยู่ของเขาได้เลย สัตว์ร้ายอันตรายลังเลนิ่งเงียบไม่พูดจา ทำให้คนต้องระมัดระวังไปโดยสัญชาตญาณ
นอกจากเซอร์ยุนซีที่มองเป็นศัตรูแล้ว ผู้ชายคนนี้ มันเป็นครั้งแรกเลยที่มีคนที่โอหยางฝู่ต้องมองไปตรงๆ
เขาเป็นใคร?
ในตระกูลที่ทรงอำนาจในประเทศเบียนหนาน แต่ไหนแต่ไรมาก็ไม่เคยเจอเขามาก่อนเลย
อาจจะเป็นการ์ดที่เซอร์ยุนซีเชิญมาให้เย้นหว่าน?
แต่ออร่าของคนผู้นี้ มันไม่เหมือนกับการ์ดทั่วๆไป นั่นก็บ่งบอกชัดเจนว่าเป็นคนที่อยู่เหนือกว่าคนอื่นๆ
โอหยางฝู่มองจ้องโห้หลีเฉินไปอย่างละเอียดด้วยสายตาคมกริบ เอ่ยถามออกไป “นายคือใคร?”
โห้หลีเฉินเองก็ไม่ได้ปิดบัง ริมฝีปากบางเซ็กซี่อ้าออกมาเล็กน้อย พ่นคำพูดที่เยือกเย็นออกไป
“โห้หลีเฉิน”
“โห้หลีเฉิน?”
โอหยางฝู่ทวนชื่อเขาไปซ้ำๆ ทันใดนั้นเอง รอยยิ้มก็ผุดออกมาทันที “ที่แท้ก็เป็นไอ้หน้าอ่อนคนนั้นที่ซาอินติถูกใจนี่เอง”
เขายังนึกอยู่เลยว่าใคร
แต่ก็แค่ไอ้บ้านนอกที่หน้าตาดี เกือบจะได้กลายไปเป็นราชบุตรเขยนี่เอง
แต่เพียงแค่สถานะราชบุตรเขยคนหนึ่ง ไม่อาจส่งผลใดๆกับเขาได้
“เห็นแก่หน้าซาอินติ วันนี้ฉันจะไม่จัดการแก แกรีบไสหัวออกไป อย่ามาขัดขวางเรื่องของฉัน”
หนึ่งคือพูดออกมาว่าเห็นแก่หน้าของซาอินติ ไม่อยากมีปัญหาใหม่แทรกเข้ามา สองคือออร่าของโห้หลีเฉินนั้นไม่เหมือนคนธรรมดาทั่วไป เขาเกิดความไม่แน่ใจ ไม่สู้ไว้หน้ากัน โดยการพาตัวไปแค่เย้นหว่านก็พอ
แต่ไม่คิดว่าโห้หลีเฉินจะไม่ยอมรับความต้องการของเขาเลย
สายตาของเขาเยือกเย็น และคมกริบออกมา “มีฉันอยู่ นายอย่าหวังจะแตะต้องเย้นหว่านได้แม้แต่ปลายนิ้ว”
นี่เป็นการบ่งบอกว่าไม่ต้องการจะหลีกไปแม้แต่ก้าวเดียว
บ่งบอกชัดเจนโดยการ์ดของเขาได้ล้อมทั้งสองคนเอาไว้เรียบร้อยแล้ว พวกเขาไม่มีการแสดงความอ่อนข้อออกมาเลย แต่โห้หลีเฉินก็ยืนอยู่อย่างนั้น แต่กลับไม่มีความหวาดกลัวออกมาเลย และยิ่งมีความรู้สึกอันตรายที่โอหยางฝู่ควบคุมเอาไว้ไม่อยู่เลยสักนิด
ผู้ชายคนนี้ ทำให้โอหยางฝู่แทบจะไม่ระวังตัวไม่ได้เลย
โอหยางฝู่ขมวดคิ้วออกมา ตวาดเสียงเข้มออกไป “แกคิดว่าแกเป็นคนที่ซาอินติถูกใจแล้วฉันจะไม่กล้าทำอะไรแกงั้นเหรอ? รีบไสหัวไปซะ ไม่อย่างนั้นฉันก็จะฆ่าแกซะ!”
ฝ่ามือของโห้หลีเฉินจรดลงไปบนไหล่ของเย้นหว่านไปอย่างสง่างาม ร่างสูงใหญ่ประหนึ่งภูเขาลูกหนึ่ง ยืนอยู่ข้างหลังเธอ
เขามองโอหยางฝู่ไปด้วยสายตาที่เย็นชา ทั้งยังแฝงไปด้วยการดูถูกเยาะเย้ยออกไป
สามคำเรียบๆ ที่ดูหยิ่งยโสและสง่างาม
“นายไม่กล้า”
สามคำนี้ กำลังยั่วยุผู้ทรงอำนาจอย่างโอหยางฝู่ออกมาโดยสมบูรณ์
ไฟโกรธที่เขายับยั้งเอาไว้ ก็ได้ระเบิดออกมาทันที
เขายกยิ้มเย็นออกมา “งั้นก็ลองดูสิว่าฉันกล้าหรือเปล่า!”
โอหยางฝู่กัดฟันกรอดไปอย่างเหี้ยมเกรียม ยกมือขึ้นมา เตรียมจะส่งสัญญาณให้ลูกน้องลงมือ…
โห้หลีเฉินยืนนิ่งไม่ขยับ ถึงขนาดที่ไม่มีความรู้สึกประหม่าในช่วงวิกฤติอย่างนี้ออกมาเลยแม้แต่น้อย
เขามองโอหยางฝู่ไปด้วยความเย็นชา เอ่ยออกไปอย่างนิ่งๆ “ตระกูลหยู เมืองเฟย”
คำเหล่านี้ ทำเอาการกระทำของโอหยางฝู่ แข็งค้างไปกลางอากาศ
เขามองโห้หลีเฉินไปอย่างไม่อยากจะเชื่อ เสียงสูงไปหมด เสียการควบคุมไปเลย “แกพูดอะไร?”
เมืองเฟย? ตระกูลหยู?
สีหน้าท่าทางของเขาหดเกร็งออกมา พร้อมเอ่ยถามออกมาอย่างตื่นตระหนก “ทำไมแกถึงรู้จักสถานที่นี้? แกหมายความว่ายังไง?”
“ฉันต้องรู้อยู่แล้วสิ”
โห้หลีเฉินยิ้มออกไปอย่างเหยียดหยาม ท่าทางอย่างนั้นประหนึ่งพระราชาก็ไม่ปาน กำลังเหยียดหยามมดปลวกที่อยู่แทบเท้า
“เพราะว่าฉันเป็นทายาทของตระกูลหยูยังไงล่ะ ผู้นำตระกูลรุ่นต่อไป”
“อะไรนะ?!”
โอหยางฝู่ถอยออกไปข้างหลังอย่างตื่นตกใจ สีหน้าท่าทางหดเกร็งออกมา “ทายาทตระกูลหยูคือหยูซือห้าน แกกำลังพูดบ้าอะไร!”
ได้ยินชื่อหยูซือห้าน แม้แต่เย้นหว่านเองก็ยังตกใจออกมา
ประเทศเบียนหนานประเทศเล็กๆที่เป็นประเทศปิดนี้ ท่านเสนาฯ คนนี้ที่เหมือนกับไม่เคยออกไปมาก่อน ทำไมถึงรู้จักชื่อของหยูซือห้าน?
ถึงแม้ว่าจะสงสัย แต่ด้วยท่าทีที่โห้หลีเฉินจงใจเผยตระกูลของตัวเองออกไป เย้นหว่านจึงถือโอกาสพูดออกไปทันที
“หยูซือห้านพยายามฆ่าทายาทที่แท้จริง เขาได้ตายไปแล้ว”
“โห้หลีเฉินเป็นลูกของลูกสาวเพียงหนึ่งเดียวของหยูฉู่สองที่เป็นผู้นำตระกูลคนปัจจุบันที่เกิดข้างนอก และก็เป็นทายาทผู้สืบทอดเชื้อสายที่แท้จริงเพียงหนึ่งเดียวของตระกูลหยูด้วยเช่นกัน ตอนนี้เขาได้กลับไปบ้านเดิมและได้ไหว้บรรพบุรุษไปเรียบร้อยแล้ว เป็นทายาทเพียงคนเดียวที่ตระกูลหยูได้ทำการยืนยันเอาไว้แล้ว”
เย้นหว่านพูดข้อมูลผิวเผินออกไปอย่างคล่องแคล่ว
เนื้อหาเหล่านี้เธอพูดไปยิ่งมากเท่าไหร่ ยิ่งพูดไปน่าเชื่อถือมากเท่าไหร่ โอหยางฝู่ก็จะยิ่งเชื่อ
และมันก็เป็นไปอย่างที่คิด สีหน้าของโอหยางฝู่เปลี่ยนแล้วเปลี่ยนอีก สายตาดูหวั่นออกมาอย่างเห็นได้ชัด มองโห้หลีเฉินไปอย่างตื่นตกใจและไม่สบายใจขึ้นมาอีกด้วย
มิน่าหล่ะ ครั้งแรกเขาถึงได้รู้สึกว่าออร่าของโห้หลีเฉินมันดูยิ่งใหญ่มาก ไม่เหมือนกับคนอื่น เป็นคนที่เกิดมาเพื่อเป็นราชาตั้งแต่เกิด
ครอบครัวตระกูลหยู ตระกูลที่ยิ่งใหญ่จนน่ากลัวถึงขนาดที่สามารถเขย่าโลกได้ทั้งใบตระกูลนั้น ทายาทผู้สืบทอดจะไปอ่อนด้อยได้ยังไง?
เขารู้สึกช็อกขึ้นมาแบบสุดๆ เอ่ยออกไปด้วยเสียงทุ้มต่ำ
“ในเมื่อนายเป็นทายาทของตระกูลหยู ไม่อยู่ที่ตระกูลหยู ถ่อมาประเทศเบียนหนานประเทศเล็กๆที่ตัดขาดจากโลกภายนอกนี่ทำไม?”
โห้หลีเฉินตอบออกไปอย่างใจกว้าง “หายา”
โอหยางฝู่ขมวดคิ้วออกมา “ถ่อมาไกลขนาดนี้ หนทางมันก็อันตราย นายกับเย้นหว่านมากันสองคน?”
“ระหว่างทางเจอหิมะถล่ม พลัดหลงกับคนของฉันไป”
โห้หลีเฉินไม่มีปิดบังออกมาเลยแม้แต่น้อย เอ่ยพูดออกไปอย่างเอื่อยเฉื่อย “แต่เซอร์ยุนซีออกไปมารอบหนึ่ง คนของฉัน ตอนนี้ก็คงจะอยู่ด้านในอุโมงค์ของพวกนายกันแล้วล่ะ”
เข้าอุโมงค์มาแล้ว มายังที่นี่ เพียงแต่ประเด็นมันอยู่ที่เวลา
ถึงขั้นที่คงจะใกล้จะมาถึงแล้ว!
โอหยางฝู่หน้าซีดออกมาทันที หน้าผากอาบไปด้วยเหงื่อเย็น
เขาลอบเตรียมการมาอย่างลับๆอยู่หลายปี ไม่ง่ายเลยกว่าจะมีอำนาจและสถานะที่สามารถกุมประเทศเบียนหนานเอาไว้ได้ ทั้งหมดมันใกล้จะสำเร็จลงในไม่ช้า แต่ไม่คิดว่าทายาทตระกูลหยูจู่ๆก็มาปรากฏตัวที่นี่ได้!
ตระกูลหยู เป็นตระกูลที่ทรงอำนาจจนเขาต้องรู้สึกเกรงกลัว
สิบกว่าปีก่อน เขาเคยตามคนของกระทรวงการต่างประเทศออกไปครั้งหนึ่ง เคยมองเห็นหน้าตาของโลกภายนอก และด้วยความบังเอิญก็ได้มีการติดต่อกับตระกูลหยู
นั่นเป็นครั้งแรกที่เขาได้รู้ ที่แท้นอกจากประเทศที่อยู่ด้านนอกแล้ว นึกไม่ถึงว่าจะยังมีพลังอำนาจอีกแบบหนึ่งอยู่ด้วย ในนั้นก็มีตระกูลที่ควรหลีกห่างอย่างตระกูลหยูอยู่ด้วย
อำนาจของตระกูลนี้ ถึงขนาดที่สู้กับประเทศใหญ่ๆพวกนั้นได้เลย ไม่ใช่ประเทศ แต่อำนาจและสถานะยังยิ่งใหญ่กว่ากษัตริย์และประธานาธิบดีเสียอีก
ถ้าตระกูลหยูลงมือ ทำลายประเทศเบียนหนานไปได้ง่ายๆไม่ต้องลงแรงเลยด้วยซ้ำ
โอหยางฝู่จะไม่ไปขัดแย้งกับตระกูลหยูเป็นอันขาด
แต่ว่าตอนนี้…
เห็นท่าทางที่โห้หลีเฉินปกป้องเย้นหว่านแล้ว ใบหน้าเย็นชา เขาแทบจะแน่ใจได้เลยว่าเขาได้ล่วงเกินโห้หลีเฉินไปเสียแล้ว