สัญญารัก คบกับประธานฮั่ว30วัน - บทที่786 ไปเอายาแล้ว
หลังจากนั้นเงื่อนไขสามข้อที่ให้เซอร์ยุนซีทำ ดูท่าแล้วก็เป็นแค่นโยบายที่ถ่วงเวลา……
กำปั้นของซาอินติกำแน่น แววตายิ่งอยู่ยิ่งเย็นชา ความเกลียดชังที่น่าสะพรึงกลัวเต็มไปทั้งร่างของเธอ
“ยัยเย้นหว่านนางตัวดี กล้าหลอกฉัน!”
เธอขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน
เมื่อนึกถึงตอนที่ลดฐานะลงเพื่อเอาใจเธอ กลับถูกเธอไม่แยแสต่างๆนานา ซาอินติก็โมโหจนอยากฆ่าคน
สิ่งที่เธอเกลียดไปกว่านั้นคือ ก่อนหน้านี้ไม่ได้โหดไป ใช้วิธีที่ได้ผลมากกว่า ขจัดเย้นหว่าน!
ตอนนี้……
ยังไม่สายไป!
โห้หลีเฉินยังไม่ได้จากไป เธอยังมีโอกาส เธอยังสามารถแก้ไข ยังสามารถฆ่าเย้นหว่านอีก!
——
เป็นไปตามการคาดเดาของเย้นหว่าน ในบ้านของโอหยางฝู่ พบกุญแจไปยังคลังสมบัติของสวนพฤกษศาสตร์หลวง
โห้หลีเฉินรอโอกาสที่องครักษ์ไม่ทันได้สังเกต เก็บกุญแจอย่างเรียบร้อย
หลังจากพาองครักษ์เหล่านี้ค้นหาและยึดทรัพย์เสร็จ โห้หลีเฉินก็ตีตัวออกอย่างเนียน และไปจากบ้านของโอหยางฝู่
เขาไม่รอช้า พาเย้นหว่านเข้าไปในวังทันที
พอมาถึงวังอีกครั้ง อารมณ์ของเย้นหว่านก็เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง คราวนี้คือตื่นเต้น และเต็มไปด้วยความคาดหวัง
กุญแจได้มาแล้ว เมล็ดแมกโนเลียที่สามารถช่วยชีวิตของโห้หลีเฉินอยู่ข้างหน้าไม่ไกลนี้แล้ว
ในที่สุดพวกเขาก็สามารถออกจากประเทศเบียนหนานสักที
เย้นหว่านคิดถึงโลกอิสระในภายนอก ก็แทบอยากจะมีปีกแล้วบินออกไป ประเทศเบียนหนานนี้ ระบบทั้งหมดในที่นี่ เธอทนไม่ได้ตั้งนานแล้ว
มีโห้หลีเฉินเป็นคนนำทาง พร้อมกับคำสั่งท่านดยุกที่เดินทางอย่างไม่มีอุปสรรค เย้นหว่านกับโห้หลีเฉินก็มาถึงสวนพฤกษศาสตร์หลวงในไม่ช้า
ตอนที่เข้าไป เย้นหว่านเดินผ่านพื้นที่ที่ปลูกกระบองเพชร
ในระยะเวลาสั้นๆ พื้นที่นั้นเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง จากต้นไม้ที่มีชีวิตชีวากลายเป็นทรายเหลืองเต็มไปหมด อุณหภูมิบริเวณรอบข้างก็สูงขึ้นหลายองศา
ที่ตรงกลางทราบเหลือง มีต้นกระบองเพชรที่สูงระดับเอว พร้อมกับหนามที่แหลมคม
มีพลังชีวิตที่เปี่ยมล้น
เย้นหว่านมองดูต้นกระบองเพชรนั้น ใจลอยเล็กน้อย ในสมอง นึกถึงเซอร์ยุนซีอย่างลืมตัว
ตั้งแต่ต้นจนจบ เขาเป็นคนไร้เดียงสาที่เข้ามาติดพันเกี่ยวข้อง แต่กลับเป็นคนที่สำคัญที่สุดในภายหลัง
เขาเคยสร้างปัญหาให้กับเธอ แต่เขาก็ช่วยชีวิตเธอไว้จริงๆ
เธอไม่สามารถเกลียดเซอร์ยุนซี ถึงขั้นกังวลว่า จู่ๆเธอหายไปแบบนี้ หายไปอย่างไร้ร่องรอย เขาจะคิดยังไง……
บางที อาจจะเจ็บจริงๆ
“ทิ้งไม่ลงเหรอ?”
น้ำเสียงที่ไม่พอใจของชายหนุ่มดังขึ้น พร้อมกับความหึงที่ดุเดือดเลือดพล่าน
เย้นหว่านดึงสติกลับมาทันที อารมณ์เปราะบางในใจหายไปในทันทีทันใด เธอส่ายหัวแทบจะไม่ได้คิด
“เปล่าหรอก ฉันก็ดูกระบองเพชรเฉยๆ”
แค่ดูกระบองเพชร ไม่ได้นึกถึงใครบางคน?
สายตาแหลมคมแทบขาดลมหายใจของโห้หลีเฉิน
ราวกับมองคำพูดที่พูดไปเรื่อยของเธอทะลุ ทะลุเข้าไปในจิตวิญญาณของเธอ
เย้นหว่านกินปูนร้อนท้องเล็กน้อย ความคิดอย่างอื่นหายไปทันที มือทั้งคู่โอบแขนโห้หลีเฉิน ดึงเขาเดินไปข้างหน้า
“พวกเราไปเถอะ ไปเถอะ อย่าเสียเวลาที่นี่เลย ที่สำคัญที่สุดคือเอาเมล็ดแมกโนเลียให้เร็ว”
โห้หลีเฉินไม่อยากอยู่ที่นี่นาน ทะเลทรายเทียม รวมทั้งต้นกระบองเพชรนั่นด้วย ล้วนแสดงความรักและความทุ่มเทที่มีต่อเย้นหว่าน
หากไม่ใช่เพราะไม่มีเวลา เงื่อนไขไม่เอื้ออำนวยละก็ เขาจะทำให้‘ทะเลทราย’นี้หายไปด้วยมือตัวเอง
โห้หลีเฉินสีหน้าบึ้งตึง เดินไปข้างหน้าอย่างเสียอารมณ์
เย้นหว่านสัมผัสได้ถึงอารมณ์ของชายหนุ่ม ใจว้าวุ่นไม่ค่อยสบายใจ หาเรื่องพูดคุยอยู่ตลอดทาง ต้นไม้ที่นี่สวย ดอกไม้ที่นั่นแปลกประหลาด
แต่ชายหนุ่มไม่ใจอ่อน ไม่มีรอยยิ้มใดๆเลย
เย้นหว่านเกลี้ยกล่อมใครบางคนตลอดทาง ทั้งสองคนเดินมาถึงหน้าประตูคลังสมบัติ
เช่นเดียวกับในตอนที่เย้นหว่านมาครั้งก่อน ยังคงเป็นคนพวกนั้นเฝ้า ถือกระบอกปืนจริงและกระสุนจริง
หนึ่งในคนเฝ้าประตูเห็นเย้นหว่าน รู้สึกแปลกใจมาก
คราวก่อนอยู่ที่นี่ โอหยางฝู่เกือบจะข่มขืนเย้นหว่าน ยังทำให้ท่านดยุกและท่านเสนาฯต่อสู้กัน และกระทั่งการต่อสู้ต่อเนื่องหลายครั้ง
พูดได้ว่า เป็นจุดเริ่มต้นของปัญหาทุกอย่าง สำหรับเย้นหว่านแล้ว ควรจะเป็นฝันร้ายมากกว่า
สถานที่เคยถูกรังแกแบบนี้ เธอควรจะเกลียดเข้าไส้ ทั้งชีวิตนี้คงไม่อยากจะมาครั้งที่สองสิ
องครักษ์ถามอย่างสงสัย “คุณเย้น คุณมาที่นี่มีธุระอะไรเหรอครับ?”
สิ่งที่อยากถามอันแท้จริงคือ คุณมาที่นี่อีก ไม่รู้สึกขยะแขยงหรือกลัวเหรอ?
ตั้งแต่ที่เข้าใกล้ที่นี่ อารมณ์ของเย้นหว่านก็ดาวน์ลงอย่างลืมตัว
วันนั้นถูกโอหยางฝู่ทับลงกับพื้นที่นี่ ภาพที่อับอายฉีกเสื้อ ราวกับฝันร้ายที่ผุดขึ้นมาในสมองเธออีกครั้ง
ทำให้เธอรู้สึกหวาดกลัว และขยะแขยง
แต่ ที่นี่เป็นเส้นทางเดียวที่เธอต้องผ่านเพื่อหายา เธอจำเป็นต้องมา
เย้นหว่านเกร็งตัว พยายามระงับอารมณ์ในใจ จ้องเขม็งไปที่องครักษ์ที่เคยใช้สายตาเย็นชามองเธอถูกรังแกแต่กลับเมินเฉย ด้วยสีหน้าไร้อามรมณ์
น้ำเสียงที่เย็นชาของเธอเอ่ยขึ้น “ฉันมีกุญแจ จะเข้าไปในคลังสมบัติ”
ระหว่างที่พูด เย้นหว่านหยิบกุญแจที่โห้หลีเฉินมอบให้เธอก่อนหน้านี้ออกมา
รูปร่างภายนอกของกุญแจเป็นสีทอง ยังทำลักษณะที่ดูโอเวอร์ ในประเทศเบียนหนาน คงมีเพียงชิ้นเดียวเท่านั้น
องครักษ์ดูกุญแจออกตั้งแต่แวบแรก เป็นกุญแจของโอหยางฝู่จริงๆ
แต่ สถานการณ์ในตอนนี้ โอหยางฝู่กับเย้นหว่านไม่น่าจะเข้ากันได้ ทำไมเย้นหว่านถึงมีกุญแจนี้ล่ะ?
องครักษ์ไม่เข้าใจ ยืนตัวตรง ไม่ขยับ
เย้นหว่านหงุดหงิดที่จะเสียเวลากับพวกเขา พูดเสียงต่ำว่า
“ฉันมีกุญแจ ก็สามารถเข้าไปได้ รีบเปิดประตู”
องครักษ์ขมวดคิ้วแน่น หลังจากลังเลสักพัก ก็พูดอย่างแข็งกระด้างว่า
“คุณเย้น ไม่ใช่ว่าผมจงใจทำให้คุณลำบากใจ แต่มีเพียงกุญแจเข้าไปไม่ได้ ไม่ทราบว่าคุณมีใบยื่นคำร้องที่มีตราประทับไหมครับ?”
คราวก่อนที่มา องครักษ์นี่เคยพูด ถ้ามีกุญแจ ก็ต้องมีใบยื่นคำร้อง
คิดไม่ถึงว่า แค่เปิดประตูยังต้องมีใบยื่นคำร้องถึงจะเปิดได้
แต่เธอไม่รู้เรื่องนี้เลย และไม่มีใบยื่นคำร้องใดๆ อีกอย่าง นี่เป็นการค้น จะมีใบยื่นคำร้องที่ไหนล่ะ
เย้นหว่านขมวดคิ้วอึดอัดใจ ตอนนี้จะทำไงดี?
มีกุญแจแล้ว ยังเข้าไม่ได้อีกเหรอ? เธอไม่อยากเสียเวลาแม้แต่เสี้ยววินาที
“ใบยื่นคำร้องเป็นโมฆะแล้ว”
โห้หลีเฉินพูดขึ้นอย่างเย็นชา
องครักษ์สังเกตโห้หลีเฉินมานานแล้ว ยืนข้างเย้นหว่าน ชายผู้มีอำนาจสูงส่งซึ่งทำให้ผู้คนยอมจำนนโดยไม่รู้ตัว
เขาที่เงียบอยู่มานานก็ปริปากพูด น้ำเสียงนั้น ทำให้องครักษ์เคารพอย่างจิตใต้สำนึก
เขาเกร็งตัวที่เก้งก้าง แล้วพูด
“คุณครับ คุณบอกว่าใบยื่นคำร้องเป็นโมฆะแล้ว หมายความว่าไงครับ?”
สีหน้าโห้หลีเฉินเย็นชา พูดอย่างเรียบเฉยราวกับพูดว่าท้องฟ้าในวันนี้ กำลังฝนตก
“โอหยางฝู่ลอบฆ่าท่านดยุก ด้วยเจตนากบฏ ตอนนี้ถูกจับกุมแล้ว ตัดสินโทษโดยการยิงตาย ตอนนี้เขาไม่ได้เป็นท่านเสนาฯแล้ว ตราประทับและลายเซ็นของเขา ไม่มีผลแล้ว”
ดังนั้น ใบยื่นคำร้องจึงเป็นโมฆะ